เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 5 ผ้าแห่งชัยชนะ)

โดย เณรโดแฮ วัดดงดินแดง


ชีวิตนี้ไม่มีอะไร มีเพียงผ้าผืนเดียวที่ขอนำมาถวาย

เป็นคำพูดของแม่อุ๊ยชาวมอคลีท่านหนึ่งซึ่งได้กล่าวขึ้นก่อนที่จะน้อมนำผ้าผืนเดียวในชีวิต ซึ่งได้ถักทอเป็นเสื้อปวาเก่อญอ น้อมใส่บาตรถวายกับพระอาจารย์หลังการสวดมนต์ธัมมจักฯ เสร็จเรียบร้อย

ผมสังเกตว่าพระอาจารย์ให้พรด้วยเสียงที่สั่นเครือและแววตาของแม่อุ๊ยมีความปลื้มปีติอย่างที่สุด

รุ่งเช้าหลังฉันเช้าเสร็จ พระอาจารย์จึงได้นำผ้าผืนนั้นขึ้นมาแสดงและได้พูดขึ้นท่ามกลางสงฆ์ว่า เมื่อคืนนี้ได้รับทานชิ้นที่สำคัญที่สุด ไม่เคยมีการรับประเคนของครั้งใดที่รู้สึกจุกในใจจนแทบเก็บน้ำตาไม่อยู่ ผ้าผืนนี้คือ ผ้าผืนสำคัญที่สุดในชีวิตของแม่อุ๊ยคนหนึ่งที่ได้ยอหัวขึ้นถวาย ขอให้พระ-เณร ทุกรูปได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมและมีกำลังใจในการทำหน้าที่ให้สมกับความเป็นเนื้อนาบุญ และขอปรึกษาสงฆ์ทั้งปวงว่า เราจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ผ้าผืนนี้มีคุณค่าและเป็นบุญต่อแม่อุ๊ยให้มากที่สุด

หลวงพี่รูปหนึ่งนำเสนอขึ้นมาว่า ผมว่าเอามาทำอย่างที่พระอาจารย์กำลังทำตอนนี้แหละครับ คือ เอาเป็นตัวอย่างสะท้อนถึงหัวใจแห่งการให้ทาน การสละและความรักที่มีต่อบุญของชาวดอย ที่รักบุญถึงขั้นยอมสละผ้าผืนงามผืนเดียวในชีวิต


ความจริงแล้วผมเชื่อว่า พระอาจารย์ท่านคงไม่อยากได้ผ้าผืนนั้นของแม่อุ๊ยเลย แถมเอามาถักเป็นเสื้อกะเหรี่ยงที่ท่านก็คงเอาไปใส่ไม่ได้ แต่ท่านอยากให้แม่อุ๊ยได้บุญจึงรับการถวาย

บ่อยครั้งที่ผมเห็นว่า เมื่อชาวดอยต่างเอาข้าวเปลือกข้าวสารมาถวายตอนทำบุญทานข้าวใหม่ เมื่อชาวบ้านถวายเสร็จท่านก็แบ่งเอาไว้ส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งท่านก็ให้ชาวบ้านเอากลับคืนไปหุงกิน พระอาจารย์บอกว่า เป็นข้าวมงคลชีวิต ที่ท่านบอกอย่างนั้นเพราะกลัวชาวบ้านไม่กล้าเอากลับคืน และมาทราบในภายหลังว่า เหตุที่ทำอย่างนี้ เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านได้สอนเรื่องนี้มา

พระอาจารย์เล่าว่า..หลวงพ่อท่านจะดีใจมากที่รู้ว่า ชาวดอยได้ทำบุญใส่บาตร หลวงพ่อฟังเรื่องราวการสร้างบุญของชาวดอยด้วยความปลื้มเพราะท่านอยากให้ชาวดอยได้บุญ เพราะบุญเท่านั้นที่จะช่วยให้พ้นจากความยากลำบากได้ แต่ท่านก็ห่วงใยชาวดอย ท่านรู้ว่า ชาวดอยส่วนใหญ่มีชีวิตที่แร้นแค้น

ดังนั้น ท่านจึงได้สอนพระอาจารย์ว่า เมื่อชาวดอยได้นำข้าวมาถวาย พอถวายเสร็จก็ถือว่าเขาได้ทำบุญและได้บุญแล้ว เราก็บอกกับชาวดอยไปว่า ส่วนนี้เพียงพอแล้วสำหรับวัด แต่ส่วนนี้มีความจำเป็นสำหรับชีวิตของโยม โยมเอากลับไปดูแลคนในครอบครัวนะ หากเขาถวาย 10 ถุง เราก็รับไว้ 5 ถุง อีกครึ่งหนึ่งก็คืนกลับให้โยมได้ใช้ประโยชน์

ผมได้ฟังแล้ว ผมซาบซึ้งใจในความเมตตาและความละเอียดอ่อนแห่งจิตใจที่หลวงพ่อท่านมีต่อลูกๆ ชาวพุทธบนดอยเป็นที่สุด สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้พวกผมมีแรงฮึดสู้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ไม่อยากจะมีวันหยุดเลย

บ้านชาวดอยบางหลัง เมื่อรู้ว่าพระ-เณร เดินบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน เขาก็จะปูผ้าพลาสติกไว้ให้พระ-เณร ได้เหยียบเพื่อที่เท้าจะได้ไม่เปื้อนโคลน อีกทั้งคนดอยจะให้ความเคารพในทานมาก เวลาที่เราบิณฑบาตเขาจะกราบลงที่พื้นอย่างนอบน้อมก่อนที่จะใส่บาตร แม้พื้นจะเปรอะเปื้อนและเฉอะแฉะปานใดก็ตาม

ความเคารพนอบน้อมในทานของชาวดอย

มีอยู่คราวหนึ่ง ชาวดอยก็กราบก่อนใส่บาตรเป็นปกติของเขา แต่ว่าบังเอิญบ้านหลังนั้นเลี้ยงหมูไว้เยอะมาก ซึ่งการเลี้ยงหมูของคนดอยจะไม่เลี้ยงในคอกแต่ปล่อยให้วิ่งเล่นและหากินอย่างชิลๆ ไปทั่วหมู่บ้าน ดังนั้นจึงมีขี้หมูกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และประจวบเหมาะกับสามเณรก็สายตาดีเกินไป ขณะที่กำลังมองโยมกราบแสดงความเคารพด้วยความชื่นชม พลันก็มองไปเห็นว่า พื้นที่โยมกำลังกราบนั้นเต็มไปด้วยขี้หมู เมื่อโยมกราบเสร็จโยมก็ค่อยๆ ใช้สองมือเปล่าที่เพิ่งกราบและสัมผัสขี้หมูนั้น เกลี่ยข้าวสุกร้อนๆ ลงในบาตร ทำเอาพวกเรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พยักหน้าใส่กันอย่างยากที่จะอธิบายความรู้สึก ทั้งตื้นตันและตันตื้นในเวลาเดียวกัน

การเลี้ยงหมูอย่างชิลๆ ของชาวดอย ปล่อยตามธรรมชาติ

บางคนอาจจะสงสัยว่า บ้านบางหลังเช่นหมู่บ้านมอคลีนี้ ในเมื่อเขานับถือต่างศาสนา แต่ทำไมจึงอนุญาตให้พระขึ้นไปพาสวดมนต์

ต้องบอกว่า แม้เขาจะไปนับถือศาสนาอื่น แต่หัวใจ อารมณ์และความรู้สึกแห่งความเป็นชาวพุทธยังฝังในก้นบึ้งของหัวใจเป็นเหง้าเดิมของชีวิตเขาไม่เคยผันแปร คือความงดงามที่ฝังในจิตจนยากที่จะมีอะไรมาลบได้

ชาวดอยเข้าใจความหมายของคำว่า บุญ ว่าเป็นของกลาง เป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข

บางคนก็เข้าใจว่า ถ้าสวดขอพรก็ขอกับพระเจ้าของเขา แต่ถ้าทำบุญต้องทำกับพระจึงจะได้บุญมากที่สุด

มีหลวงพี่รูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ขณะที่โยมคนหนึ่งซึ่งไม่ได้นับถือศาสนาพุทธใส่บาตรเสร็จ ท่านก็ตั้งท่าจะให้พร โยมคนนั้นก็บอกว่า ตุ๊ บ่ะต้องปั๋นพรล่ะ เฮาขอพรจากพระเจ้าแล้วพระจึงพูดได้คำเดียวว่า สาธุ...

บุญที่เราทำนั่นแหละ คือ พรที่ดีที่สุดของชีวิตแล้ว

มีแม่อุ๊ยคนหนึ่ง ชอบใส่บาตร มาสวดมนต์ไม่ขาดและชอบมาขอยากับพระอาจารย์ทุกวัน แต่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา เมื่อพระอาจารย์ให้ยาเสร็จ แม่อุ๊ยก็ให้พรกับพระอาจารย์ ให้เอาศาสนาพุทธแผ่ขยายไปให้เยอะๆ ให้หมดดอยเลย ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกเบิกบานในใจ

บางคนพอคณะพระอาจารย์ไปถึงหมู่บ้าน เขาถึงกับบอกว่า เขาอธิษฐานกับพระเยซูมานานแล้วว่า ขอให้มีพระมาโปรดบ้าง อยากทำบุญ อยากให้พระมาสวดมนต์ ถ้าไม่เปลี่ยนศาสนาพระจะมาสวดมนต์ที่บ้านบ้างได้ไหม

พระอาจารย์จึงบอกว่า ถ้าตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนมานับถือพุทธก็ไม่เป็นไร พระเต็มใจไปสวดมนต์ให้ เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ

คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องของความจริง เหมือนกะเหรี่ยง,ลาว,ไทย,พม่า ถ้าปลูกข้าวจ้าวเราก็ได้กินข้าวจ้าว ปลูกข้าวเหนียวเราก็ได้กินข้าวเหนียวเหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนหรือนับถืออะไร ล้วนแต่ทำอย่างไรเราก็ได้อย่างนั้น ความเชื่อส่วนความเชื่อ ความใช่ส่วนความใช่ ขอเพียงอย่าทิ้งการปฏิบัติตามหลักความเป็นจริงของชีวิตที่พระพุทธเจ้าท่านสอน คือ หมั่นให้ทาน ใส่บาตร ทำบุญ รักษาศีลและสวดมนต์นั่งสมาธิ

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ลงโทษใคร มีแต่จะสอนว่า ให้ละเว้นความชั่ว ให้ทำความดีและทำใจให้ผ่องใส ถ้าจะมีอะไรสักอย่างมาลงโทษหรือให้คุณให้โทษเราก็มีเพียงการกระทำของเราเอง เราทำอย่างไรได้อย่างนั้น

เหมือนการที่เราปลูกมะม่วงลงไปในผืนแผ่นดิน และหมั่นรดน้ำพรวนดินเป็นอย่างดี เราไม่จำเป็นต้องร้องขอผลมะม่วงจากต้นของมะม่วง เพราะถึงอย่างไรมะม่วงก็ย่อมออกผลเป็นมะม่วงอยู่วันยังค่ำ

ถ้าเราตายไปจะมีใครมาพิพากษาเราหรือเปล่านั้นปล่อยให้เป็นความเชื่อระหว่างบรรทัดที่รอพิสูจน์ทราบหลังความตาย แต่สิ่งที่พิพากษาเราอย่างแน่นอนที่สุด คือ การกระทำของเราเอง ดังนั้นก่อนที่จะรอให้ใครพิพากษา เรามากำหนดชะตาและพิพากษาตัวเราก่อน เหมือนข้าวถ้าเรากินตอนนี้ก็อิ่มตอนนี้ ไม่กินก็ไม่อิ่ม

และก็น่าอัศจรรย์ เมื่อพระอาจารย์ท่านอธิบายเสร็จหรือพาสวดมนต์ธัมมจักฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ต่างก็พากันเปลี่ยนมาขอแสดงตนเป็นพุทธมามกะกันหมด

....ในโลกนี้ไม่มีใครหรือสิ่งใด เอาชนะความจริงไปได้จริงๆ...


ในเวลาที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำหน้าที่ พระอาจารย์ก็มักจะหยิบยกคุณค่าของความศรัทธาของชาวดอยที่เราได้ไปพบเจอเหล่านี้มาเป็นกรณีตัวอย่างให้พวกเราได้คิดเสมอ

ซึ่งการทำหน้าที่ในทุกภารกิจผมยอมรับว่า บางครั้งก็เหนื่อยอย่างแสนสาหัส เพราะทุกอย่างเราทำในภาวะที่ไม่พร้อม พระอาจารย์บอกว่า ถ้าเราจะรอความพร้อมไม่มีวันพร้อมและไม่มีทางที่เราจะได้ทำอะไร เวลามันหมดลงไปทุกวัน ความพร้อมไม่ได้เกิดจากการรอเวลาให้พร้อม แต่ความพร้อมทั้งมวลมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราได้ปลูกเมล็ดพันธ์ุแห่งความพร้อมด้วยการลงมือทำ แล้วเมล็ดพันธ์ุแห่งความพร้อมจึงจะเติบใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ

เวลาที่เราไปเผยแผ่ธรรมะในแต่ละยอดดอย ส่วนใหญ่เราก็จะยืนบนท้ายกะบะตลอดทาง ไม่ว่าจะมีคนกี่คนเราก็มีความสามารถพิเศษที่จะยืนกันไปได้หมดด้วยรถเพียงคันเดียว ทั้งขนคนขนของในเวลาเดียวกัน บางทีคนก็งงว่า รถคันเดียวพระ-เณร พากันมาได้ยังไงตั้ง 20-30 รูป จริงๆ ก็ไม่ยากเลย แรกๆ ก็ดูเหมือนจะคับแคบหน่อย แต่เมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ ผ่านทางที่ชันและเป็นร่องลึก ตกหลุมบ้าง เขย่าบ้าง โยกบ้าง ไปๆมาๆ เดี๋ยวก็ลงล๊อคของตัวเอง


แต่ทุกคนก็ต้องพยายามยึดที่มั่นเอาไว้ให้เหมาะๆ เมื่อไม่มีอะไรยึดเราก็จับไหล่กันและกันยึดเอาไว้ ก็ทำให้เรารักและสามัคคี เต็มไปด้วยความสนุกสนานเบิกบาน แม้จะมีทั้งฝนมาพรมจนเปียกม่อล่อกม่อแลก สลับกับแดดเปรี้ยงๆ ทั้งแห้งทั้งเปียกสลับกันตลอดทาง บางครั้งเรายืนอยู่ท้ายกะบะรถถึง 5-6 ชั่วโมงก็มี คราวหนึ่งรถตกหลุมกระแทกอย่างแรงจนหลวงพี่คิ้วแตกเป็นแผลลึกเลือดอาบหน้า ท่านก็เพียงแค่เอาใบสาบเสือที่อยู่ข้างทางมาเคี้ยวๆ โปะใส่แผลแล้วก็เดินทางต่อ

หรือบางเส้นทางที่รถยนต์ไม่สามารถ เราก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราสามารถเดินทางไปถึงผู้คนให้ได้ก็พอ



พระอาจารย์ท่านสอนเสมอว่า ทำอะไรเราก็เหนื่อยเหมือนกัน ขนาดนั่งมากๆ นอนมากๆ ยังเมื่อย แต่ไม่มีการเหนื่อยชนิดใดที่คุ้มค่าเท่ากับการเหนื่อยสร้างบารมี เหมือนกับคำที่หลวงพ่อท่านบอกว่า ถ้าไม่เหนื่อยแล้วจะเอาบารมีมาจากที่ไหน

อยู่ทางโลก ใครเหนื่อยมาก ทำงานมาก ในขณะที่คนอื่นๆ อู้ เอาเปรียบและกินแรง แต่กลับได้ผลตอบแทนเท่ากัน เราอาจจะเสียเปรียบ

แต่ในทางธรรมไม่มีคำว่าเสียเปรียบ ใครที่เหนื่อยมาก ทุ่มเทมากก็ยิ่งได้บุญมาก ใครที่อู้ กินแรงคนอื่นก็เท่ากับกินบุญตัวเองและเสียเวลา

ในยามที่เหนื่อยจนชวนให้ท้อ ผมนึกถึงคำรำพึงของพระทีมงานรูปหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นท่านห่วงว่าทางบ้านจะไม่มีใครช่วยดำนา จึงคิดอยากจะลาสิกขา พอคิดไปคิดมาท่านก็รำพึงว่า เอาข้าวให้หมากินแค่ครั้งเดียว ผ่านไปสิบปี หมามันยังจำได้ ถ้าเราทิ้งงานพระศาสนาไปในช่วงนี้ ช่วงที่พระอาจารย์กำลังเร่งงานเผยแผ่และพระศาสนากำลังจะมีภัย เราก็เลวยิ่งกว่าหมา เพราะการเผยแผ่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องและคุ้มครองพระพุทธศาสนา งั้น..ก็ไม่สึกไปไหนล่ะ อายหมามัน ..ใครที่มีความอกตัญญู ไม่รู้บุญไม่รู้คุณ ถือว่าเป็นคนชั่ว ถ้ามีคนมาด่าเราว่าไอ้ชาติหมา ยังไม่เจ็บเท่าให้ใครมาด่าเราว่า ไอ้ชาติชั่ว

ผมฟังคำที่ท่านรำพึงแล้วก็สะอึกอยู่เหมือนกัน ไม่กล้าท้อเลย

คราวหนึ่งผมเคยได้ยินพระอาจารย์ท่านพูดว่า ถ้าใครมาด่าเราว่าชาติหมาหรือชาติชั่วไม่เท่าไหร่ แต่ชาตินี้พระอาจารย์จะไม่ยอมให้ใครมาด่าเราว่า ไอ้มะนาว เด็ดขาด

พอถามว่า มะนาวหมายถึงอะไรครับ พระอาจารย์ก็บอกว่า เณรอย่าเพิ่งรู้เลย มันเป็นเรื่องของมนุษย์ที่จิตต่ำดำมืด ที่คนดอยอย่างสามเณรไม่น่าจะรับรู้ให้เป็นวิบัติหู ผมก็เลยไม่กล้าถามต่อ

แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังนึกมโนภาพไม่ถูกว่า มะนาวที่พระอาจารย์พูดถึงน่าจะชั่วร้ายไร้ประโยชน์กว่ามะนาวที่แม่ครัวเอามาบีบใส่ส้มตำหรือเปล่า
................................................

ขอย้อนกลับมาที่เรื่องของแม่อุ๊ยชาวมอคลีที่ได้น้อมถวายผ้าผืนเดียวในชีวิต ที่ผมนึกถึงทีไรก็ตื้นตันในศรัทธา เพราะผมอยู่บนดอย รู้ดีว่า ผ้าแต่ละผืน ข้าวแต่ละเม็ดมีคุณค่าเพียงใด โดยเฉพาะที่หมู่บ้านมอคลีนี้ ถ้าใครมาอยู่จะทราบว่า เงินแทบไม่มีความหมายเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปซื้ออะไร สิ่งที่เป็นของแลกเปลี่ยนของคนในหมู่บ้านคือ ข้าวสารกับเกลือ ไม่เอาเกลือแลกข้าวก็เอาข้าวแลกเกลือ หรือใช้ทั้งเกลือและข้าวแลกสิ่งของที่ต้องการ

การให้ของแม่อุ๊ย จึงเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ในใจของพวกเรามากๆ ซึ่งคุณค่าของการให้มิได้อยู่แค่เพียงมูลค่าของสิ่งของ แต่อยู่ที่ความสำคัญที่มีต่อชีวิตและจิตใจ


เรื่องของบุญ เป็นเรื่องของคนมีปัญญา เราจะมองอะไรสั้นๆ แค่เพียงตอนยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ เพราะคำว่าชีวิตนั้นเป็นของน้อย สั้นนิดเดียว แค่ช่วงเวลาหายใจเข้าและหายใจออกเท่านั้น

แต่ชีวิตหลังความตาย เมื่อวันที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ลมหายใจแล้ว เราจะเหลือเพียงบุญและบาปที่คอยให้ผลอย่างยาวนาน

เมื่อเราเจอนาบุญที่ดี ไม่ฉลาดเลยถ้าเราจะมัวหวงแหนเมล็ดข้าวกล้า

เราต้องเป็นเหมือนชาวนาที่ชาญฉลาด มองเหตุกับผลให้เห็นตลอดเรื่องว่า ข้าวเปลือก 1 เมล็ด เป็นเหตุนำมาซึ่งข้าวทั้งรวง ข้าวทั้งกอ เติมต่อจนเต็มทั้งยุ้งทั้งฉาง เราต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า บุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ

และคุณค่าของคำว่า บุญ ไม่ใช่อยู่ที่เป็นเพียงเครื่องรองรับพลานิสงส์อันวิเศษ
แต่คุณค่าที่สำคัญคือ ชัยชนะที่เราได้มอบให้กับหัวใจตัวเอง

ดังนั้น บุญ ที่เราได้ยินยอมพร้อมให้อย่างสุดหัวใจ จึงเป็นเครื่องดึงดูดธาตุแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ให้กับชีวิต

เพราะความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่การมีนิ้วที่ทรงอำนาจอาจที่จะชี้เป็นชี้ตายใครต่อใครได้

แต่ความยิ่งใหญ่อยู่ตรงที่ว่า หัวใจของใครที่จะเอื้อเฟื้อ ครอบคลุมดูแลผู้คนทั้งหลายได้มากกว่ากันและมันช่างน่าแปลกที่คนที่มีหัวใจยิ่งใหญ่ ยิ่งขยายใหญ่โตเพียงใด หัวใจชนิดนี้กลับเป็นหัวใจที่สามารถสถิตย์อยู่ในใจของมนุษย์ได้อย่างแนบแน่นและลึกซึ้งที่สุด

เหมือนดังหัวใจของหลวงพ่อธัมมชโย ที่ท่านได้เป็นผู้นำและเป็นผู้ให้ ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ผู้คนทั้งหลาย สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่พระพุทธศาสนา แม้ท่านจะสุขภาพไม่แข็งแรงและเจอวิกฤติจากคนพาลหัวใจเปื้อนบาป แต่หลวงพ่อก็ไม่เคยหยุดการให้เลย ไม่ว่าที่ใดเดือดร้อน ภัยพิบัติใดๆ ที่ทำร้ายผู้คน เมื่อหลวงพ่อท่านทราบเรื่อง ท่านก็ยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แม้แต่ภาคใต้ที่พระภิกษุที่อยู่รักษาพระศาสนาจะอยู่อย่างยากลำบาก ท่ามกลางความเสี่ยง หลวงพ่อก็ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องไม่ขาดเลยแม้สักเดือนเดียว

แม้แต่บนยอดดอยบ้านของพวกผม ถ้าไม่มีหลวงพ่อ คอยพร่ำสอนอบรมพระภิกษุ ให้มีศีล มีธรรม มีอุดมการณ์ในการทำหน้าที่ ธรรมะคงมาไม่ถึงยอดดอย พวกผมคงไม่ได้พบกับพระอาจารย์และพี่น้องชาวดอยหลายๆ หมู่บ้านคงไม่รู้จักเรื่องของบุญและความเป็นจริงของชีวิต

ผมทราบว่า ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ หลวงพ่อท่านได้ให้บุญกับลูกๆ ในการทอดผ้าป่าธรรมชัย เพื่อทอดกฐินทั่วประเทศ อีกทั้งยังแว่วๆ ว่า 1 ในวัดที่หลวงพ่อเมตตาให้กฐินนั้นมีรายชื่อของวัดดงดินแดงอีกด้วย

พวกผมและพระอาจารย์ปลื้มและดีใจมากๆๆๆๆ มันคือกฐินที่สำคัญที่สุดในชีวิต มีคุณค่าที่สุดต่อลมหายใจของพระดอยเณรดอย

คำว่า กฐินสำหรับวัดบนดอยหรือวัดที่อยู่ในถิ่นกันดารเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะการอยู่ในที่ที่ห่างไกล ยากมากที่ใครจะมาเห็นและปวารณามาเป็นประธานกฐินให้ อีกทั้งการทำงานในที่ที่ยากก็เต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายมากมาย

ความหวังของวัดแต่ละวัดก็อยู่ที่กฐิน ผ้าป่าในแต่ละปี อย่างเช่นของที่วัดดงดินแดง ผมเห็นพระอาจารย์ท่านมีบาตร 1 ลูก กับถังใส่บิลค่าใช้จ่าย 1 ใบ บาตรนั้นท่านเอาไว้ใส่ปัจจัยกองกลาง หากใครจะซื้ออะไรก็มาเอาในบาตร พอซื้อเสร็จก็ให้เอาบิลใส่ในถัง ถังบิลค่าใช้จ่ายมีแต่จะล้นออก ในขณะที่บาตรใส่ตังค์ก็มีแต่จะเกลี้ยงจนแทบนับเหรียญ บ่อยครั้งที่ผมเห็นท่านเครียดจนความดันขึ้นเป็นปกติ

ผมได้ยินหลวงพ่อเจ้าอาวาสบางวัด เมื่อท่านทราบว่าจะได้กฐินจากหลวงพ่อธัมมชโย ท่านดีใจมาก ท่านให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจัยที่ได้รับจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เอาไปใช้หนี้ ส่วนที่ 2 เอาไว้ก่อสร้างเสนาสนะในวัด ส่วนที่ 3 เอาไว้ใช้สำหรับงานเผยแผ่

พอได้ฟังอย่างนั้นแล้วผมก็คิดว่า เหมือนของที่วัดดงดินแดงเลย และคิดว่า ส่วนใหญ่ก็คงจะเหมือนกัน เพราะวัดแต่ละวัด จำเป็นที่จะต้องก่อสร้างเสนาสนะรองรับการเผยแผ่ธรรมะ และแม้แต่การเดินทางไปสอนธรรมะก็ต้องใช้ปัจจัย โดยเฉพาะในส่วนของการก่อสร้างเสนาสนะ บางทีวัดไม่มีปัจจัยเป็นก้อนมากๆ แต่งานก่อสร้างนั้นเป็นงานที่จำเป็นเร่งด่วนเพราะเกี่ยวเนื่องกับการดูแลคน ก็จำเป็นต้องไปเชื่อเอาของจากร้านวัสดุมาให้งานเดินไปได้ก่อน จึงเลี่ยงที่จะเป็นหนี้ไม่ได้ พอกฐินทีผ้าป่าทีจึงเอาตังค์ไปจ่าย

ผ้าป่าธรรมชัยของหลวงพ่อในครั้งนี้ผมคิดว่า ต้องเป็นบุญที่มีอานิสงส์เยอะมากๆ เพราะได้ทั้งอานิสงส์ผ้าป่าและอานิสงส์บุญกฐินร่วมกันกับหลวงพ่อ อีกทั้งยังเป็นกำลังใจให้กับพระในที่ห่างไกลที่ตั้งใจเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศ ถ้าจะกล่าวถึงอานิสงส์แห่งบุญคงยากที่จะคำนวณ แต่ที่สามารถเห็นได้ชัดก็คือ กฐินทั่วประเทศในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้งานฟื้นฟูพระพุทธศาสนารุ่งเรืองเป็นประวัติการณ์

นั่นหมายถึงว่า แสงแห่งบุญจะปกแผ่สู่หัวใจของผู้คนให้หลุดพ้นจากความแร้นแค้นทั้งปวง

การทอดผ้าป่าธรรมชัย เพื่อนำไปทอดกฐินในครั้งนี้ ถือเป็นกาลทานอันยิ่งใหญ่ ที่เป็นประดุจผ้าแห่งชัยชนะที่จะนำมาซึ่งชัยชนะของพระพุทธศาสนาที่กำลังถูกรุกรานอย่างหนักและเจ้าภาพเจ้าของบุญทุกท่าน คือ ผู้ให้ที่มีธาตุแห่งชัยชนะอยู่เต็มหัวใจ เหมือนกับหัวใจของแม่อุ๊ยชาวดอยที่พูดว่า ชีวิตนี้ไม่มีอะไร มีเพียงผ้าผืนเดียวที่ขอนำมาถวาย

เมื่อท่านได้ถวายแล้ว ท่านก็ชนะแล้ว
และเป็นชัยชนะที่นำมาสู่พลานิสงส์อันเป็นอนันต์อีกด้วย

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ 

Cr. พระปลัดบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช สำนักสื่อธรรมะ

ตอนที่ 4 ถอดรหัสกรรม แก้ไขวิกฤติโลก 
ตอนที่ 6 กฐินสามัคคีทั่วไทย สามัคคีธรรม







เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 5 ผ้าแห่งชัยชนะ) เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 5 ผ้าแห่งชัยชนะ) Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 04:00 Rating: 5

48 ความคิดเห็น:

  1. เป็นการสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันของพระอาจารย์และสามเณรน้อย สาธุๆ

    ตอบลบ
  2. ถ่ายทอดความจริง ได้เยี่ยมยอดกินใจ ปลื้มมาก มากตามไปเลย
    ขอกราบอนุโมทนาบุญ ด้วยความซึ้งใจ

    ตอบลบ
  3. สาธุๆ..ความเชื่อเดิมๆเอาไว้บนหิ้ง..แต่ความจริงต้องมาพิสูจน์กัน..ด้วยการปฏิบัติธรรม
    ..#เมื่อเข้าถึงความสุขภายในแล้วเราจะรู้ด้วยตนเองว่าเราควรเอาอะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของชีวิต

    ตอบลบ
  4. สาธุ สาธุ สาธุค่ะ ปลื้มจังค่ะ

    ตอบลบ
  5. มองเห็นความยิ่งใหญ่ของดวงใจที่ยิ่งใหญ่
    พร้อมด้วยความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ เสียสละ
    ของชาวดอย ของสามเณร ของพระภิกษุ&พระอาจารย์
    และของหลวงพ่อธัมมชโย
    ขอกราบ สาธุการ

    ตอบลบ
  6. สาธุ ขอกราบอนุโมทนาบุญกับพระนักสู้แห่งขุนเขาทุกๆท่านค่ะ/ครับ

    ตอบลบ
  7. สาธุๆๆ ขออนุโมทนาบุญด้วย
    แม่อุ๊ยช่างมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และพระอาจารย์ก็ได้ทำหน้าที่ของพุทธบุตรอย่างดียิ่ง เมื่อเราได้เคยถวายทาน เราจะรู้ซึ้งถึงความสุขอันเปี่ยมล้นในฐานะของผู้ให้ทีเดียว นี่แหละคือ คุณของพระพุทธศาสนา และคุณของพระรัตนตรัย อันไม่มีประมาณฯ

    ตอบลบ
  8. อ่านแล้วซาบซึ้ง และอยากให้มีพรบันดาลให้ความเป็นอยู่เจริญรุ่งเรืองกว่าที่เป็นอยู่ค่ะ

    ตอบลบ
  9. คนอย่างแม่อุ้ยหายาก ใครที่มีสมบัติมากกว่าพึงทำ ให้เป็นกุศลติดตัวไป ควรดีใจที่มีโอกาส

    ตอบลบ
  10. การเเสดงออกของชาวดอย ต่อพระสงฆ์อ่อนน้อมมีสัมมาคารวะ น่ายกย่องชื่นชมยิ่งนัก

    ตอบลบ
  11. ต่างภาษาก็มีจิตสำนึกในบุญ

    ตอบลบ
  12. สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

    ตอบลบ
  13. สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

    ตอบลบ
  14. พระพุทธศาสนาไม่ใช่เพียงแค่ความเชื่อ แต่เป็นความจริง ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และได้ลงมือปฎิบัติ แม่อุ๋ย มีความเชื่อ อย่างอื่นแต่เห็นพระ ได้มาสวดมนต์กับพระ ก็เกิดความสุขใจ ขอให้ผ้าป่าธรรมชัยของหลวงพ่อล้นกอง เป็นอาจินไตย

    ตอบลบ
  15. กราบอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญ
    ทุกท่านด้วยครับ สาธุครับ

    ตอบลบ
  16. กราบอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญ
    ทุกท่านด้วยครับ สาธุครับ

    ตอบลบ
  17. อ่านแล้วประทับใจซาบซึ้งกับคุณธรรมในใจของชาวดอยที่แม้อยู่ห่างไกลความเจริญในสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง แต่จิตใจของเขาเหล่านั้นกลับทั้งเจริญทั้งยิ่งอย่างแท้จริง

    ตอบลบ
  18. กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับ แม่อุ๊ยด้วยจ๊ะ

    ตอบลบ
  19. อ่านแล้งซึ้งน้ำใจของคนชาวดอยมาก ที่เคารพรักพระพุทธศาสนาด้วยใจบริสุทธิ์ ซึ้งน้ำใจของพระอาจารย์ที่สั่งสอน และชึ่งน้ำใจของหลวงพ่อที่มีความละเอียดอ่อน มีเมตตา กรุณา ต่อชาวดอยอยากให้ชาวดอยได้บุญมากๆ และชึ้งนำ้ใจของผู้เขียนที่เผยแพร่ความดีของผู้ที่กล่าวมาทั้งหมดให้ได้รับรู้ สาธุค่ะ อนุโมทนาบุญค่ะ

    ตอบลบ
  20. ขออนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ ลุกพระลูกเณร และพี่น้องบนดอยทุกท่านทุกคน และขอยกย่องในความศรัทธาและความรักในพระพุทธศาสนาของทุกท่านด้วยความปลื้มปิติยิ่ง กราบสาธุๆๆค่ะ

    ตอบลบ
  21. น้อมกราบ...
    หัวใจที่ยิ่งใหญ่.

    ตอบลบ
  22. น้อมกราบ...
    หัวใจที่ยิ่งใหญ่.

    ตอบลบ
  23. สาธุๆๆๆ ค่ะ เห็นภาพแล้วปลื้มๆๆๆ ค่ะ

    ตอบลบ
  24. อนุโมทนาสาธุการ ผู้ที่มีหัวใจยิ่งใหญ่ หัวใจยิ่งใหญ่ทั้งพระอาจารย์และชาวพุทธบนดอย

    ตอบลบ
  25. กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ อ่านแล้วปลื้มใจ ตื้นตันไปพร้อมกันค่ะกับหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของชาวดอย รู้สึกว่าชาวดอยช่างโชคดีที่มีพระอาจารย์ไปโปรดนะคะ

    ตอบลบ
  26. ใกล้จะถึงเวลาฟ้าหลังฝน
    ใกล้จะพ้นพาลภัยใส่ความให้
    ใกล้ถึงคราว่าความเป็นเช่นไร
    ใกล้คงได้พิสูจน์พูดความจริง
    ใกล้จะถึงเวลาที่ฟ้าเปิด
    ใกล้จะเกิดเปิดเผยเรื่องทุกสิ่ง
    ใกล้จะถึงเวลาพวกพาดพิง
    ใกล้จะยิ่งมั่นใจได้รู้กัน
    ใกล้จะถึงเวลาฟ้าสดใส
    ใกล้จะได้รวมใจที่สานฝัน
    ใกล้จะหมดเวลาที่ฝ่าฟัน
    ใกล้สุขสันต์ทั่วหน้าทั้งปฐพี...

    ตอบลบ
  27. ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

    ตอบลบ
  28. กราบสาธุคะกราบอนุโมทนาบุญคะ

    ตอบลบ
  29. กราบสาธุคะกราบอนุโมทนาบุญคะ

    ตอบลบ
  30. กราบอนุโมทนาบุญกราบสาธุๆคะ

    ตอบลบ
  31. กราบอนุโมทนาบุญกราบสาธุๆคะ

    ตอบลบ
  32. ไม่ระบุชื่อ8 ตุลาคม 2559 เวลา 20:23

    สาธุค่ะ

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.