เราคือความหวังของโลกใบนี้


ยังจำกันได้ไหม ?

ในยุคแรกของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา คุณครูไม่ใหญ่เคยเมตตาเล่าวีรกรรมของพระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่รูปหนึ่งให้ฟังซึ่งตอนนั้นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาติดใจเรื่องนี้มากชนิดที่แทบจะทนรอตอนต่อไปไม่ไหวทีเดียว

พระภิกษุรูปนี้คือ พระคุณานันทเถระผู้กอบกู้พระพุทธศาสนาในศรีลังกาให้พ้นจากการย่ำยีของศาสนาอื่นในช่วงเกือบ ๒๐๐ ปีที่ผ่านมา ขณะที่ศรีลังกาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ

ในวัยเด็ก พระคุณานันทเถระเรียนหนังสือทั้งที่วัดพุทธและโบสถ์คริสต์ ทําให้ท่านมีพื้นฐานความรู้ทั้ง ๒ ศาสนา ต่อมาเมื่อมีอายุ ๑๒ ขวบ ท่านตัดสินใจบวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งหนึ่ง

ในคืนแรกที่บรรพชานั้น ท่านแสดงธรรมเรื่องพุทธประวัติโปรดญาติโยมนับพันคนที่มาเที่ยวงานวัด โดยเทศน์รวดเดียวตลอดคืน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครเบื่อหน่าย เพราะบทเทศน์ของท่านเปี่ยมด้วยสาระและอรรถรส น่าฟังเป็นที่สุด ส่งผลให้ชื่อเสียงของท่านระบือไกลเพียงชั่วข้ามคืนและสร้างความเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ

นับจากนั้น ท่านก็พากเพียรเร่งศึกษาหาความรู้ทางด้านศาสนา และฝึกแสดงธรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทําภารกิจอันยิ่งใหญ่ในอนาคต นอกจากนี้ท่านยังฝึกฝนอบรมตนเองอย่างจริงจัง จนกระทั่งมีศีลาจารวัตรที่งดงาม น่าเลื่อมใสศรัทธา ต่อมา เมื่ออายุได้ ๒๑ ปีท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดทีปทุตตาราม เมืองโคลัมโบ


ยุคนั้นจัดว่าเป็นยุคมืดของศาสนาพุทธในศรีลังกาอย่างแท้จริง ชาวพุทธถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก อาทิห้ามประกอบพิธีทางศาสนา วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาก็ไม่ให้เป็นวันหยุดอีกต่อไป พระภิกษุถูกกดขี่เบียดเบียนในรูปแบบต่าง ๆ และมีการเขียนบทความโจมตีศาสนาพุทธอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

ในสมัยนั้น ชาวพุทธต่างพากันท้อแท้สิ้นหวัง และเชื่อว่าศาสนาพุทธจะต้องสูญสิ้นไปจากแผ่นดินศรีลังกาแน่นอน

แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้พระคุณานันทเถระกลับไม่หวั่นไหว ท่านมุ่งมั่นกอบกู้พระพุทธศาสนาอย่างจริงจังโดยใช้ปัญญาเป็นอาวุธ ทั้งด้วยการเขียนบทความ และโต้วาทะกับนักบวชต่างศาสนาด้วยความกล้าหาญท่ามกลางสาธารณชนถึง ๕ ครั้ง

ด้วยความที่ท่านแตกฉานในคำสอนของทั้ง ๒ ศาสนา และมีวาทศิลป์เป็นเลิศ ดังที่ปรากฏให้เห็นตั้งแต่วันแรกที่บวชเณร ทําให้การโต้ตอบศาสนาอื่นของท่านดุเด็ดเผ็ดมัน ชัดเจน และมีหลักฐานอ้างอิงอย่างสมเหตุสมผล สร้างความเข็ดขยาดแก่ฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างยิ่ง จนถึงกับมีผู้กล่าวไว้ว่า พระคุณานันทเถระทําให้ต่างศาสนิกหวาดผวาเหมือนนักย่องเบาเห็นพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นขึ้นมาฉะนั้น

ผลจากการโต้วาทธรรมของท่าน ทําให้ศาสนาพุทธเป็นที่สนใจของชาวตะวันตกมากขึ้น บรรดาพุทธศาสนิกชนก็รู้สึกภูมิใจในความเป็นชาวพุทธ และเกิดกําลังใจที่จะช่วยกันกอบกู้พระพุทธศาสนาให้รอดพ้นจากความหายนะ นอกจากนี้ยังมีสิ่งดี ๆ อีกหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น มีการยกเลิกกฎหมายห้ามชาวพุทธประกอบพิธีกรรมในวันสําคัญทางศาสนา ยุติการเบียดเบียนทําลายล้างชาวพุทธ ยกเลิกการขุดหาของเก่าในพระเจดีย์โบราณ มีการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของวิทยาลัยสงฆ์ เป็นต้น ส่งผลให้พระพุทธศาสนาในศรีลังกายืนยาวมาจนกระทั่งทุกวันนี้


โครงการอบรมสามเณรยุวธรรมทายาท รุ่นที่ ๒๗

เรื่องราวของพระคุณานันทเถระที่คุณครูไม่ใหญ่นํามาถ่ายทอดให้ฟัง นอกจากช่วยปลูกฝังความรักความห่วงใยพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนแล้ว ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจแก่กุลบุตรชาวไทยให้อยากเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุ-สามเณรมากขึ้น จะได้ธํารงรักษาพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป

ในส่วนของการบวชสืบทอดอายุพระศาสนานี้ วัดพระธรรมกายจัดโครงการบวชตลอดมาเป็นเวลายาวนานถึง ๔๘ ปีแล้ว โดยจัดขึ้นหลายโครงการในแต่ละปี จนกระทั่งสามารถสร้างพระภิกษุ-สามเณรขึ้นมาเป็นอายุพระพุทธศาสนาได้เป็นจํานวนมาก

ตัวอย่างโครงการบรรพชาอุปสมบทของวัดพระธรรมกาย เช่น โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทระดับอุดมศึกษา  โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทนานาชาติ โครงการอุปสมบทสามเณรอุทิศชีวิต เป็นต้น

ส่วนการบรรพชาสามเณรนั้น ในปีหนึ่ง ๆ ก็จัดขึ้นหลายโครงการเช่นกัน อาทิ โครงการอบรมสามเณรยุวธรรมทายาท (จัดในช่วงปิดภาคเรียน ปีละ ๒ ครั้ง) โครงการหน่อแก้วเปรียญธรรม โครงการยุวพุทธศาสตร์ โครงการบรรพชาสามเณรล้านรูปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วไทย เป็นต้น



พิธีบรรพชาจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑

ในช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคมนี้ก็มีการบรรพชาสามเณร ๑ โครงการ คือ โครงการอบรมสามเณรยุวธรรมทายาท รุ่นที่ ๒๗ ปิดเทอมเดือนตุลาคม ซึ่งมีเวลาในการอบรม ๓ สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒-๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ จํานวน ๖๙ คน พิธีบรรพชาจัดเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีพระครูวิจิตรอาภากร เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ เป็นพระอุปัชฌาย์


ระหว่างการอบรม ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้นั่งสมาธิ สวดมนต์ ฟังธรรม ได้เรียนรู้และฝึกฝนหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น ได้เรียนรู้พุทธประวัติ, ได้ฝึกฝนเรื่องวินัย-เคารพ-อดทน, ฝึกเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความสุภาพ ความตรงต่อเวลา การมีสมาธิโดยใช้หลัก UG 5 นอกจากนี้ยังได้รับการปลูกฝังสัมมาทิฐิ ความรักในพระพุทธศาสนา และคุณธรรมต่าง ๆ ด้วย เช่น ความกตัญญู เป็นต้น ซึ่งทําให้เยาวชนที่เข้าอบรมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นที่พึงพอใจทั้งแก่ผู้เข้าอบรมและผู้ปกครอง ทําให้หลายคนกลับมาบวชซ้ำอีก และมีสามเณรบางรูปสมัครบวชเรียนต่อที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเกิดศรัทธาอยู่ต่อ จนกระทั่งบวชเป็นพระภิกษุ เป็นอายุของพระศาสนา และเป็นความหวังของชาวโลกสืบต่อไป


ช่วงที่พระพุทธศาสนาในศรีลังกาเสื่อมโทรมอยู่ในภาวะเป็นตายเท่ากันนั้น มีนักเขียน ชื่อดังคนหนึ่งชื่อเจมส์ เดอ อัลวิส (James De Alwis) ทํานายเอาไว้ว่า พระพุทธศาสนาจะสูญสิ้นไปจากศรีลังกาก่อนสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็นแน่แท้แต่ปรากฏว่าศาสนาพุทธในศรีลังกายังดํารงคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะว่ามีพุทธบุตรผู้กล้าหาญและเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องลุกขึ้นมากอบกู้เอาไว้ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากพุทธศาสนิกชนผู้มีใจรักพระพุทธศาสนา

ย้อนมาดูประเทศไทยของเราในขณะนี้ สถานการณ์พระพุทธศาสนาก็ไม่น่าไว้วางใจ แต่ถ้ามีกุลบุตรเข้ามาบวชมาก ๆ ก็จะพลิกสถานการณ์กลับคืนมาได้อย่างแน่นอน แม้มาบวชเป็นสามเณรก็มีความสําคัญและเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา เพราะในที่สุดแล้วอนาคตของพระศาสนาจะต้องตกอยู่ในมือของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ดังเช่นพระพุทธศาสนาในศรีลังกาที่กลับฟื้นคืนมาได้โดยพระคุณานันทเถระ อดีตสามเณรผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของผลงานเทศน์โต้รุ่งและโต้วาทะปราบเซียนที่ไม่มีใครเทียมทัน...


สามเณรธีระพัทธ์ วสุโชตธนพงษ์ อายุ ๑๔ ปี
โรงเรียนสายปัญญารังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ช่วงโรงเรียนปิดเทอมเวลาว่างเยอะ อยู่บ้านก็เล่นเกม ได้มาวัดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ เลยมาบวชดีกว่า จะได้สั่งสมบุญมาก ๆ ทุกวัน เพราะกิจวัตรประจําวันเป็นบุญเกือบทุกอย่าง แม้เวลาฉันภัตตาหารก็มีพิจารณาอาหารและนั่งสมาธิก่อนฉัน

บวชแล้วได้ฝึกอะไรหลาย ๆ อย่างครับ ได้ฟังธรรมและนั่งสมาธิเยอะขึ้น มีสังคมกว้างขึ้น มีเพื่อนจากหลายโรงเรียนมาฝึกฝนอบรมตนเองร่วมกัน เช่น ฝึกความตรงต่อเวลา ฝึกความมีระเบียบวินัย ฝึกความสะอาด ทําให้ได้นิสัยดีๆ ไปใช้ที่บ้านด้วย บวชแล้วแก้นิสัยขี้เกียจไปเยอะเลยครับ รู้สึกว่าตัวเองขยันขึ้น ตรงต่อเวลามากขึ้น

การนั่งสมาธิก็ดีครับ ทําให้เรามีสติในการเรียนมากขึ้น ความจําดีขึ้น ท่องจําบทเรียนได้ง่ายขึ้น

ผมชอบฟังพุทธประวัติมากครับ เพราะได้เห็นการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า รู้สึกว่าท่านมีความพยายามมีความตั้งใจที่จะบรรลุธรรม ผมก็จะเอาวิธีนั้นมาปรับใช้ในการเรียน ผมยังชอบฟังธรรมเรื่องต่าง ๆ ด้วย จะได้เอาไว้เป็นหลักในการดําเนินชีวิต เช่น เรื่องความอดทน

บวชแล้วดีครับ ผมบวชมา ๗ ครั้งแล้ว และเคยชวนเพื่อนมาบวชด้วยกัน เพราะอยากแนะนําสิ่งดี ๆ ให้เพื่อนครับ


สามเณรธีรัช เงินยอดรัด อายุ ๘ ปี
โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ผมมาบวชเป็นครั้งแรกครับ เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เอาบุญให้พ่อแม่และป้าด้วยครับ

มาบวชแล้วก็เห็นว่าพระอาจารย์ท่านสอนดีมาก สิ่งที่ท่านสอนได้ใช้ทุกอย่างเลย จากที่ป้าต้องทําอะไรให้ตลอด ต่อไปนี้ผมจะทําเองได้มากขึ้น

ผมชอบนั่งสมาธิครับ เวลานั่งสมาธิความขุ่นมัวต่าง ๆ ที่โดนเพื่อนแกล้งหายไปหมดเลยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะมาบวชอีก เพื่อเติมบุญให้พ่อกับแม่ ไม่อยากให้ท่านตกนรกครับ


สามเณรพัฒนนันต์ นาสุข อายุ ๑๒ ปี
โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ผมประทับใจที่นี่มากครับ เขามีระเบียบมาก ผมชอบ บวชแล้วได้ฝึกระเบียบวินัย ได้ฝึกตนเอง ได้เพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ด้วย พระพี่เลี้ยงก็ดีมาก ผมจึงมีความสุขที่ได้บวชครับ

เวลานั่งสมาธิก็นั่งดีครับ รู้สึกสบายตัว แต่ถ้าคิดเรื่องอื่นจะรู้สึกปวดขา ไม่สบายตัวครับ นั่งแล้วยังได้รู้ว่าพระธรรมกายมีจริงด้วยครับ

บวชครั้งนี้ครั้งที่ ๕ แล้ว และผมจะมาบวชอีก เพราะอยากตอบแทนพระคุณพ่อกับแม่ที่ช่วยให้ผมเกิดมา ผมอยากให้พ่อกับแม่ได้บุญมาก ๆ อยากให้ท่านขึ้นสวรรค์ครับ


กัลยาณมิตรสมยงค์ หงษ์ศรีจันทร์ (ผู้ปกครองสามเณรพัฒนนันต์ นาสุข)
ครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖๙ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

โครงการนี้ดีมากเลยค่ะ สอนทั้งวิชาชีวิต ระเบียบวินัยและการทําสมาธิทําให้ลูกเราอยู่ในบุญ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์มีหลักการคิดที่ถูกต้องไว้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง และรู้จักกตัญญูค่ะ

เข้าโครงการแล้วลูกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากคือเป็นเด็กดีกตัญญูรักพ่อแม่มากขึ้น จิตใจอ่อนโยน พูดจาสุภาพ ไม่ก้าวร้าว รักการทําบุญ และมีสมาธิมากขึ้น เรียนเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ เชื่อว่าต่อไปเขาจะเป็นคนดีของสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครค่ะ

นอกจากนี้ การที่ลูกมาบวชยังทําให้ครอบครัวได้ทําความดีร่วมกัน จิตใจของทุกคนจึงผ่องใสและมีความสุขมากค่ะ

Cr. มาตา
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๑ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๑


***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2018/11/blog-post_44.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๑ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ที่นี่
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือนของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ที่นี่
คลิกอ่านหรือดาวน์โหลดวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนของแต่ละปีได้ที่นี่

เราคือความหวังของโลกใบนี้ เราคือความหวังของโลกใบนี้ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 23:45 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.