อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนผู้กล้า...ณ ราตรีสีขาว




ภาพอันงดงามของพิธีกรรมที่เกิดขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า ณ วัดพระธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็นภาพของมหาชนตลอดจนเหล่าพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศ ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมธรรมปฏิบัติ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ อย่างเนืองแน่นด้วยความเป็นระเบียบ โดยเฉพาะภาพการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนที่พร้อมเพรียงกัน ณ วัดพระธรรมกาย คือภาพแห่งความปลาบปลื้มปีติ ภาคภูมิใจ ที่แผ่นดินไทยแห่งนี้ เป็นแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รองรับสิ่งดีงามแห่งยุคสมัย อันแสดงถึงความเจริญมั่นคงของพระพุทธศาสนา และแสดงถึงความมุ่งมั่นของหมู่คณะกัลยาณมิตรและผู้นำบุญ ที่กำลังจะร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาจิตใจผู้คนในสังคมไทยให้ก้าวไกลไปกับสังคมแห่งอารยประเทศอื่น ๆ ที่กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง...

แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากพิจารณาย้อนกลับมาคิดอีกสักนิดว่า จะมีหมู่คณะอย่างนี้อีกไหมหนอ.. ที่เสียสละทำงานเพื่อพระศาสนา และทำงานอย่างทุ่มเทกันทั้งชีวิตจิตใจ ทำงานกันอย่างไม่มีวันหยุด แม้จะไม่เคยได้รับเหรียญตรา งบประมาณ หรือเงินเดือนใด ๆ จากราชการ แต่ผลงานที่ทำเพื่อคนไทยทั้งแผ่นดินกลับมากมาย... และสิ่งที่ได้ปรากฏแล้วในวันนี้ คือ ยอดวีรสตรีผู้กล้า อุบาสิกาแก้ว หน่ออ่อน ผู้ยังคงหาญกล้ายืนหยัดที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูและกอบกู้พระพุทธศาสนา ด้วยสองมือที่ถือธรรมาวุธ และจิตใจที่มีธรรมะเป็นอาภรณ์


จากวันนั้น...ถึงวันนี้ ก็ยังมีเธอ...อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน

เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา มีการจัดโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนมาแล้วถึง ๓ ครั้ง จนแม้วันเวลาจะย่างสู่ศักราชใหม่ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ก็ยังมีการจัดโครงการนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนในวันนี้ ได้แสดงให้สังคมโลกประจักษ์แล้วว่า ท่านและเธอทั้งหลายผู้เป็น ยอดแห่งสตรีผู้มีศีล คือผู้ยังคงหยัดสู้และอยู่เคียงคู่กับพระพุทธศาสนามาโดยตลอด และแม้โครงการนี้จะได้ดำเนินมาแล้วหลายครั้ง คือรุ่นที่ ๑ โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑ แสนคน ระหว่างวันที่ ๘-๑๕ มีนาคม ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ต่อมาคือรุ่นที่ ๒ โครงการบวชอุบาสิกาแก้ว ๕ แสนคน ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๙ เมษายน และรุ่นที่ ๓ โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑ ล้านคน ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๙ ธันวาคมปีที่ผ่านมาเช่นกัน และที่เพิ่งผ่านไปเร็ว ๆ นี้ คือ รุ่นที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ซึ่งก็ยังปรากฏว่า สตรีผู้มีจิตใจสูงส่งด้วยศรัทธา พร้อมเพรียงกันมาสมัครเป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนอย่างคับคั่งเหมือนเดิม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตลอดจนต่างประเทศทั่วโลก เพราะโครงการนี้ไม่เพียงจะทำให้เกิดการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแก่แต่ละบุคคล แต่ยังส่งผลถึงครอบครัว ธุรกิจหน้าที่การงาน ตลอดจนสังคมในวงกว้างอีกด้วย


พลังสีขาว...พลังแห่งสตรีผู้มีธรรมะในดวงใจ

เช้ามืดของวันที่ ๖ มีนาคม ที่ผ่านมา มีขบวนรถยนต์นำผู้โดยสารที่ล้วนแต่เป็นสตรีในชุดขาวจาก ภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ เดินทางไปพร้อมกันที่วัดพระธรรมกายอย่างไม่ขาดสาย ทั้งนี้อุบาสิกาแก้วทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นที่จะไปร่วมพิธีรับสไบแก้ว ซึ่งเป็นอาภรณ์อันบริสุทธิ์ ที่เป็นความภาคภูมิใจของผู้ได้ชื่อว่า "อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน" ที่ได้ผ่านการเข้ารับการอบรมเป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน รุ่น ๑ ล้านคน ทั่วประเทศและทั่วโลก

จนกระทั่งในช่วงสายหลวงพ่อธัมมชโย เมตตาเดินทางมานำทุกคนในบริเวณมณฑลพิธี ทั้งในสภาธรรมกายสากลและวิหารคดรอบมหาธรรมกายเจดีย์ ประพฤติปฏิบัติธรรม ทำใจให้สงบผ่องใส และหลังจากกลั่นจิตใจให้สงบร่มเย็นแล้ว อุบาสิกาแก้วและสาธุชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันกล่าวคำถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน หลังจากรับประทานอาหารตอนกลางวันเรียบร้อยแล้ว มีพิธีมอบสไบแก้ว อันเป็นสิ่งที่อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทั้งหลายต่างใจจดจ่อรอคอย และก่อนจะได้รับสไบ อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนยังได้รับโอวาทอันทรงคุณค่าและสัมโมทนียกถาอันจรรโลงใจ ให้ปลาบปลื้มจากพระวิสุทธิวงศาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ ที่ได้เมตตาไปเป็นประธานในพิธี โดยมีพระมหาเถรานุเถระจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไปร่วมมอบสไบแก้วและหลังจากพิธีรับสไบแก้วเรียบร้อยแล้ว อุบาสิกาแก้วทุก ๆ คนต่างเข้าร่วมพิธีจุดโคมธัมมจาริณีประทีป ณ ลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย อันเป็นที่ประดิษฐานของพระธรรมกายนับล้านองค์ ดุจดั่งว่าท่านได้มองลงมาดูอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนนับล้านคนมาร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยจิตที่อนุโมทนา

โปรดจำวันนี้เอาไว้..คืนแห่ง "ราตรีสีขาว"

ค่ำคืนของวันที่ ๖ มีนาคม ถือเป็นวันแห่งความทรงจำที่อุบาสิกาแก้วทั้งหลายยากจะลืมเลือน เพราะเมื่อโคมธัมมจาริณีประทีปที่อยู่ตรงหน้าได้ถูกจุดขึ้น แสงสว่างที่เปล่งประกายจากโคมแต่ละดวง เสมือนจะตอกย้ำความรู้สึกแห่งความเป็นอุบาสิกาแก้ว ผู้มุ่งมั่นที่จะร่วมกันจุดความสว่างไสวขึ้นในดวงใจชาวโลกทั้งหลาย และจะทำหน้าที่ดุจดอกไม้แห่งจักรวาลสีขาวบริสุทธิ์ ที่จะนำความชื่นบานไปเผื่อแผ่แก่ผู้รุ่มร้อน ลุ่มหลง ให้กลับชุ่มเย็นผ่องใส พบกับเส้นทางแห่งสัมมาทิฐิ และจะช่วยกันธำรงรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้บนแผ่นดินที่ได้ชื่อว่าแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองให้ยืนยาวตลอดกาล ดังนั้น ค่ำคืนนี้จึงเป็นราตรีแห่งความสงบร่มเย็น เป็นงานราตรีสีขาวที่มีแต่สตรีผู้แกร่งกล้า แต่งกายด้วยชุดขาว บริสุทธิ์ประดุจนักรบหญิงแห่งจักรพรรดิ มาร่วมกันเฉลิมฉลองชัยชนะ และอวยชัยให้พี่น้องอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนในแต่ละภูมิภาค นำเอาความประเสริฐแห่งพระพุทธธรรมคำสอนไปจุดประกายความสว่างไสว ให้แต่ละท้องถิ่นทั่วโลกเจิดจรัสด้วยแสงแห่งอมตธรรม และประสานความรุ่งโรจน์แห่งธรรมรังสีให้ยังความเจิดจ้าไปทั่วโลก ขจัดความมืดแห่งอวิชชา นำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน ซึ่ง ณ วันนี้...เราได้พิสูจน์แล้วว่า อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกคน ล้วนมีหัวใจอันแข็งแกร่ง กล้าที่จะทุ่มเทสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ให้ปรากฏขึ้นกับพระพุทธศาสนา อันเป็นสิ่งที่ยากจะมีผู้คนยุคใดกล้าทุ่มเททำงานเพื่อสืบสานอายุพระพุทธศาสนา อย่างเป็นหมู่ เป็นคณะ และด้วยมโนปณิธานอันสูงส่งร่วมกันเช่นนี้ได้ ...เพราะสิ่งที่ปรากฏเป็นผลงานยิ่งใหญ่ มักเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ทั้งหลายเคยบอกว่า "ไม่เชื่อ ..เป็นไปไม่ได้" แต่บัดนี้ได้เกิดขึ้นแล้วและเกิดเป็นภาพประวัติศาสตร์แห่งการสร้างบารมีอันน่าภาคภูมิใจไปตลอดกาลนาน






กลับคืนสู่มาตุภูมิด้วยปณิธานแห่งการสร้างบารมี

หลังจากพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของคืนวันที่ ๖ มีนาคมได้เสร็จสิ้นลงแล้ว อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ทั่วประเทศและทั่วโลก ได้ทยอยกันเดินทางกลับคืนสู่แผ่นดินแห่งการสร้างบารมีของตนเองอย่างเป็นหมู่คณะ แต่การกลับไปครั้งนี้ เป็นการกลับด้วยอุดมการณ์ที่ได้ตั้งปณิธานร่วมกัน ที่จะช่วยกันกอบกู้ และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง

อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทั้งหลาย... ท่านคงตระหนักดีว่า ผลงานและภาพแห่งความดีงามทั้งหลายและทุกสิ่งทุกอย่างที่เราร่วมกันทุ่มเท ร่วมกันสร้างสรรค์ และได้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมสร้างกันมานั้น ล้วนเกิดจากมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ร่วมกันของพวกเราทุกคน

...เพราะเรารู้ว่า เราเกิดมาสร้างบารมี

...คู่แข่งคือเวลาที่กำลังกลืนชีวิตของเราไปทุกวินาที และศัตรูที่แท้ก็คือพญามารที่คอยเอาความเจ็บ ความตาย สอดแทรกระเบิดเวลาของชีวิตมาให้เราทุกขณะ

...ดังนั้น เวลาชีวิตที่ยังเหลืออยู่ จึงเป็นเวลาอันล้ำค่า ที่จะให้โอกาสเราได้สร้างบารมี ได้สั่งสมสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง ได้ตอบแทนพระคุณบุคคลที่ดีที่สุดของเรา และสืบต่อลมหายใจของพระพุทธศาสนาให้ยืนยาว ก่อนที่จะหลับตาลาโลก กลับคืนสู่ดุสิตบุรีด้วยชัยชนะ ประดุจพระราชาผู้ชนะสงคราม เดินทางกลับคืนสู่แว่นแคว้นฉะนั้น

นับจากวันนี้ไป ยากจะมีราตรีใดงดงามเช่นราตรีนี้ เพราะราตรีนี้คือราตรีสีขาว ราตรีแห่งการร่วมอธิษฐานทำงานในสิ่งที่ท้าทาย และยากจะมีใครทำได้ หากไม่ใช่เรา เพราะเราคือ อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน นักรบหญิงจักรพรรดิแห่งความดี ผู้มีหัวใจกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตนั่นเอง...


Cr. พระสมศักดิ์  จนฺทสีโล
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๑๐๒  เดือนเมษายน  พ.ศ. ๒๕๕๔
อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนผู้กล้า...ณ ราตรีสีขาว อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนผู้กล้า...ณ ราตรีสีขาว Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:28 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.