ฤกษ์งาม...ยามดี


การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นการยากแล้ว การที่จะดํารงชีวิตให้เป็นอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ มีจิตใจสูงส่ง มั่นคงในคุณธรรม ดําเนินอยู่บนเส้นทางแห่งอริยมรรค ทางของพระอริยเจ้า เกิดมาสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยมบริสุทธิ์บริบูรณ์นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้มีบุญมีดวงปัญญาบริสุทธิ์ มีดวงใจที่ผ่องใสเท่านั้น จึงจะใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า เดินหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ทั้งภัยในปัจจุบันนี้ ภัยในอบายภูมิ ตลอดจนภัยในสังสารวัฏ เวลาในชีวิตของคนเรานั้นมีอยู่อย่างจํากัด ประเดี๋ยววันประเดี๋ยวคืน ทุกชีวิตต่างก็บ่ายหน้าไปสู่ความชราและความตายกันหมด ปีเก่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปีใหม่ก็เข้ามาแทนที่ วันเวลาที่ผ่านไปก็ผ่านไปพร้อมกับนําความแก่ ความเจ็บและความตายมาให้กับตัวเราเพิ่มมากขึ้น

เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ ทั่วทั้งโลกได้มีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่กันอย่างครึกครื้น เพื่อเป็นนิมิตหมายว่า เราจะได้รับสิ่งที่ดีๆ ให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ส่วนพวกเรานักสร้างบารมี เมื่อปรารภเหตุเนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่แล้ว ก็ต้องเฉลิมชัย ด้วยการสั่งสมความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป รุ่งเช้าก็ทําบุญตักบาตรรับความเป็นสิริมงคล ทําบุญ ได้ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน หลายๆ ท่านก็มาวัดมาสมาทานศีลให้บริสุทธิ์ และนั่งสมาธิเจริญภาวนา เมื่อทําได้อย่างนี้ จึงจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวาระวันขึ้นปีใหม่อย่างมีคุณค่า เสริมสร้างบุญบารมีให้กับตัวเองอย่างแท้จริง

เรื่องของฤกษ์ดียามดีนั้น มีการเชื่อถือกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว แม้พระบรมศาสดาจะตรัสสอนไว้ว่า “สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ในเวลาเช้า เวลาเช้านั้นก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจในเวลากลางวัน เวลากลางวันนั้นก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ในเวลาเย็น เวลาเย็นนั้นก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น แต่ก็ยังมีผู้ที่เชื่อในฤกษ์ยามอยู่ทําให้เสียประโยชน์มาแล้ว ดังเรื่องต่อไปนี้

มีกุลบุตรชาวบ้านนอกผู้หนึ่งไปขอกุลธิดานางหนึ่งในกรุงสาวัตถีให้แก่ลูกชายของตน นัดหมายวันกันว่า ในวันโน้นจักมารับเอาตัวไป ครั้นถึงวันนัด จึงถามอาชีวกผู้เป็นอาจารย์ของตนว่า “พระคุณเจ้าผู้เจริญ วันนี้พวกผมจักทํามงคลอย่างหนึ่ง ฤกษ์ดีไหมครับ อาชีวกนั้นโกรธอยู่แล้วว่า ครั้งแรกเขาไม่ถามเราก่อนเลย มาบัดนี้จึงค่อยถามเรา เราจักต้องสั่งสอนเขาเสียบ้าง จึงแกล้งพูดว่า “วันนี้ฤกษ์ไม่ดี พวกท่านอย่ากระทําการมงคลในวันนี้เลย ถ้าขึ้นทําจักพินาศใหญ่” พวกมนุษย์ในตระกูลพากันเชื่ออาชีวกนั้น ไม่ไปรับตัวในวันนั้น

ฝ่ายพวกชาวเมืองจัดการมงคลไว้พร้อมแล้วไม่เห็นพวกนั้นมา จึงยกธิดาให้แก่ตระกูลอื่นไปด้วยการมงคลที่เตรียมไว้นั้นแหละ ครั้นวันรุ่งขึ้นพวกกุลบุตรบ้านนอกก็พากันมาถึง แล้วกล่าวว่า

“พวกท่านจงส่งตัวเจ้าสาวให้พวกเราเถิด” ทันใดนั้น ชาวเมืองสาวัตถีก็พากันบริภาษพวกนั้นว่า

“พวกท่านสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นคนบ้านนอก ขาดความเป็นผู้ดี เป็นคนเชื่อถือไม่ได้ กําหนดวันไว้แล้ว ดูหมิ่นเสียไม่มาตามกําหนด เชิญกลับไปตามทางที่มากันนั่นแหละ พวกเรายกเจ้าสาวให้คนอื่นไปแล้ว” พวกชาวบ้านนอกก็พากันทะเลาะกับชาวเมือง ครั้นไม่ได้เจ้าสาว ก็ต้องพากันกลับไป

เรื่องที่อาชีวกกระทําอันตรายงานมงคลของมนุษย์เหล่านั้น ปรากฏว่ารู้กันทั่วไปในระหว่างภิกษุทั้งหลาย และภิกษุเหล่านั้นประชุมกันในธรรมสภานั่งพูดกันถึงเรื่องนั้น พระบรมศาสดาทรงทราบเรื่องก็ตรัสว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่อาชีวกนั้นทําการขัดขวางงานมงคลของตระกูลนั้น ในกาลก่อนก็ได้กระทําแล้วเหมือนกัน” แล้วทรงนําเอาเรื่องในอดีตมาเล่าให้ฟังว่า

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี ชาวพระนครพากันไปสู่ขอธิดาของชาวชนบท กําหนดวันแล้วถามอาชีวกผู้คุ้นเคยกันว่า

“พระคุณเจ้าผู้เจริญ วันนี้ผมจะกระทํางานมงคลสักอย่างหนึ่ง ฤกษ์ดีไหมขอรับ” อาชีวกนั้นโกรธอยู่แล้วว่า คนพวกนี้กําหนดวันเอาตามพอใจตน บัดนี้กลับถามเรา คิดต่อไปว่าในวันนี้เราจักทําการขัดขวางงานของคนเหล่านั้นเสีย แล้วกล่าวว่า

“วันนี้ฤกษ์ไม่ดี ถ้ากระทําการมงคล ก็จักพากันถึงความพินาศใหญ่” คนเหล่านั้นพากันเชื่ออาชีวกจึงไม่ไปรับเจ้าสาว ชาวชนบททราบว่าพวกนั้นไม่มา ก็พูดกันว่า “พวกนั้นกําหนดวันไว้วันนี้แล้วก็ไม่มา ธุระอะไรจักต้องคอยคนเหล่านั้น” แล้วก็ยกธิดาให้แก่คนอื่น

รุ่งขึ้น ชาวเมืองพากันมาขอรับเจ้าสาว ชาวชนบทก็พากันกล่าวว่า “พวกท่านขึ้นชื่อว่า เป็นชาวเมือง แต่ขาดความเป็นผู้ดี กําหนดวันไว้แล้วแต่ไม่มารับเจ้าสาว เพราะพวกท่านไม่มา เราจึงยกให้คนอื่นไป” ชาวเมืองกล่าวว่า “พวกเราถามอาชีวกดู ได้ความว่าฤกษ์ไม่ดี จึงไม่มา ท่านจงให้เจ้าสาวแก่พวกเราเถิด”

ชาวชนบทแย้งว่า “เพราะพวกท่านไม่มากัน พวกเราจึงยกเจ้าสาวให้คนอื่นไปแล้ว คราวนี้จักนําตัวเจ้าสาวที่ให้เขาไปแล้วมาอีกได้อย่างไรเล่า?” เมื่อคนเหล่านั้นโต้เถียงกันไปโต้เถียงกันมาอยู่อย่างนี้ ก็พอดีมีบุรุษผู้เป็นบัณฑิตชาวเมืองคนหนึ่งไปชนบทด้วยกิจการบางอย่าง ได้ยินชาวเมืองเหล่านั้นกล่าวว่า “พวกเราถามอาชีวกแล้วจึงไม่มาเพราะฤกษ์ไม่ดี” ก็พูดว่า

“ฤกษ์จะมีประโยชน์อะไร เพราะการได้เจ้าสาวก็เป็นฤกษ์อยู่แล้วมิใช่หรือ?” แล้วกล่าวต่อไปว่า “ประโยชน์ผ่านพ้นคนโง่ ผู้มัวคอยฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวทั้งหลายจักทําอะไรได้” พวกชาวเมืองทะเลาะกับพวกนั้นแล้วก็ไม่ได้เจ้าสาวอยู่นั่นเอง เลยพากันจากไป

เรื่องการถือฤกษ์ยามเราต้องพิจารณากันอย่างถี่ถ้วน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วนั้นแหละถือว่าเป็นฤกษ์ยามที่ดี และยิ่งเมื่อปรารภที่จะสร้างความดีแล้ว เวลานั้นนั่นแหละ เป็นเวลาที่ดีในทุกๆ โอกาสทีเดียว เหมือนพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายเมื่อปรารภเหตุอะไรแล้วท่านก็จะทําบุญสร้างบารมี ท่านทําอย่างนี้มาตลอดระยะเวลายาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วนนั้น ไม่ว่าจะเป็นวันนักขัตฤกษ์หรือวันมหามงคลอะไรก็แล้วแต่ ท่านก็จะประพฤติปฏิบัติให้เป็นเนติแบบแผนคือสั่งสมบุญบารมีไม่ได้ว่างเว้นเลย เพราะสิ่งนี้จะเป็นวิถีทางที่จะนําไปสู่ความเต็มเปี่ยมของชีวิต คือการได้ตรัสรู้ธรรม และนําพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่อายตนนิพพาน เพราะฉะนั้นเนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่นี้ เราควรจะหันมาพิจารณาว่า วันเวลาที่ผ่านไป เราจะให้ผ่านไปพร้อมกับการสร้างบุญบารมีที่เพิ่มพูนมากขึ้นไป และเรามาสร้างความสุขให้เกิดขึ้นด้วยการปฏิบัติธรรมแล้ว มาส่งความใสของจิตใจ ให้ขยายไปสู่ชาวโลก ให้โลกนี้เป็นโลกแก้วที่สวยใสด้วยธรรมภายในกันตลอดไป

เรื่อง : ธรรมทัศน์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๓ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2019/07/blog-post_89.html

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/19G5K1Efhea42ytilRFz0AH_vP3D8v_H5/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/03YNB_4601/03YNB_4601.html#p=6

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๓ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
คลิกอ่านหรือดาวน์โหลดวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนของแต่ละปี (ฉบับ PDF) ได้ที่นี่
ฤกษ์งาม...ยามดี ฤกษ์งาม...ยามดี Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:35 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.