หลักฐานธรรมกาย ในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๓๓)


ร่องรอยธรรมกายในจีนและยุโรป

ในฉบับที่แล้ว ผู้เขียนและคณะนักวิจัยสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญ ๆ ทิ้งท้ายไว้ ๒ ประเด็น ในการรายงานผลการทำงาน การศึกษาค้นคว้า การลงพื้นที่สำรวจและทำงานภาคสนามในการค้นหาแหล่งคัมภีร์โบราณในวาระครบ ๑๐๐ ปีวิชชาธรรมกายว่า จากการทำงานศึกษาค้นคว้าหลักฐานธรรมกายตลอด ๑๗ ปีที่ผ่านมานั้น สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัยได้ค้นพบว่า บรรดาหลักฐานธรรมกายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของจารึกใบลาน หรือคัมภีร์ใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องนั้นล้วนแต่กล่าวถึง ธรรมกายในลักษณะที่เชื่อมโยงกับพระสัพพัญญุตญาณและพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกล่าวถึงพระธรรมกายในลักษณะที่เชื่อมโยงกับการปฏิบัติทั้งสิ้น¹ ซึ่งก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าข้อสรุปที่ได้จากหลักฐานธรรมกายดังกล่าวนี้ก็ล้วนมีความสอดคล้องกับคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายด้วยทั้งสิ้น ทำให้สามารถกล่าวได้อย่างสนิทใจว่า ธรรมกายคือสิ่งที่มีอยู่จริง ปฏิบัติได้จริงและดีจริง ความรู้เรื่องธรรมกายนี้ย่อมมิใช่ของใหม่ แต่เป็นสิ่งที่มีผู้รู้ผู้ศึกษากันมาอย่างกว้างขวางเป็นเวลานานมาแล้ว


เช่นเดียวกับการค้นพบร่องรอยหลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พระพุทธศาสนาในประเทศจีน ที่พระเกียรติศักดิ์ กิตฺติปญฺโญ นักวิจัยท่านหนึ่งของสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย กำลังรวบรวมศึกษาอยู่นั้น ก็มีความคืบหน้าที่น่าสนใจ และช่วยยืนยันได้อีกทางหนึ่งว่า เรื่องราวของหลักฐานธรรมกายนั้นเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่า เป็นเรื่องราวที่ให้คำตอบเชื่อมโยงไปสู่ พระสัพพัญญุตญาณและพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” และการปฏิบัติ (ธรรม) ทั้งสิ้น ซึ่งไม่แตกต่างไปจากหลักฐานธรรมกายชิ้นต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทยแต่อย่างใดเลย

พระพุทธศาสนาได้รับการประดิษฐานอย่างเป็นทางการในจีนเมื่อราว ๒,๐๐๐ ปีที่ผ่านมาเมื่อครั้งสมัยพระเจ้าฮั่นหมิงตี้ได้ส่งคณะทูตไปกราบอาราธนาคณะพระธรรมทูตชุดแรก ซึ่งนำโดยพระกาศยปมาตังคะและพระธรรมรักษ์เข้ามายังแผ่นดินจีนโดยมีวัดม้าขาวเป็นอารามพระราชทานหลังแรกของจีน

ในส่วนของพระเกียรติศักดิ์เองนั้น ท่านมิได้เริ่มศึกษาเรื่องหลักฐานธรรมกายอย่างไร้ที่มา   หากแต่ท่านมีประวัติและผลงานอันเกี่ยวข้องกับการศึกษาค้นคว้าเรื่องของพระพุทธศาสนาในจีนมาตั้งแต่ต้น โดยสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในสาขาศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพระถังซำจั๋ง ได้รับทุนการศึกษาจากองค์ประธานสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) ให้ศึกษาในระดับปริญญาโทด้านศาสนศาสตร์และเทววิทยาที่มหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ และปริญญาโทด้านพุทธศาสตร์ที่สถาบันโซแอส (SOAS) มหาวิทยาลัยลอนดอน โดยได้รับปริญญาโทเกียรตินิยมจากสถาบันโซแอสด้วย

นักวิชาการนานาชาติด้านพุทธศาสตร์เยี่ยมชมวัดฝอกวงซัน โทรอนโต แคนาดา

พระเกียรติศักดิ์ กิตฺติปญฺโญ นำาเสนอผลการวิจัยเกี่ยวกับเทคนิคการปฏิบัติธรรม ที่เนื่องด้วยการวางใจบริเวณกลางนาภี ในคัมภีร์พุทธจีนยุคพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ต่อหน้าคณาจารย์และนักศึกษาด้านพุทธจีนจากทั่วโลก ณ สถาบันฝากู่เหรินเหวินเสวียเวี่ยน ไต้หวัน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขณะที่พระเกียรติศักดิ์กำาลังศึกษาปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยโอทาโก ท่านก็ได้รับทุนจากโครงการ Woodenfififfiish ไปทัศนศึกษาวัดพุทธสำคัญแห่งยุคราชวงศ์ซ่งที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเวลา ๒ สัปดาห์ ร่วมกับนักศึกษาด้านพุทธศาสนาจีนจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก














สถาบันโซแอสแห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน คือ สถานที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้ทางวิชาการต่าง ๆ มากมายรวมถึงวิชาสมาธิของพุทธในอินเดีย ทิเบต จีน ญี่ปุ่น ซึ่งพระเกียรติศักดิ์มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาคัมภีร์พุทธศาสนาจีน ที่สถาบันนี้ด้วย ทำให้พบร่องรอยธรรมกายและการปฏิบัติธรรมที่สอนให้วางใจไว้ที่กลางกาย


ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ในช่วงที่เรียนปริญญาโทด้านพุทธศาสตร์ที่สถาบันโซแอส พระเกียรติศักดิ์ได้รับทุนจาก DILA ให้เข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการแปลคัมภีร์จีน ณ วิทยาลัยศิลปศาสตร์ฝากู่ ไต้หวัน

ทั้งนี้ ในระหว่างการศึกษาและการทำวิจัยที่ผ่านมา พระเกียรติศักดิ์ให้ความสนใจศึกษาค้นคว้า เข้าร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการ เข้าไปร่วมศึกษาเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และมีโอกาสเยี่ยมเยียนหน่วยงานหรือองค์กรที่สำคัญ ๆ ทางวิชาการและพระพุทธศาสนาอยู่เสมอ เช่น มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น, วิทยาลัยสงฆ์หังโจว, สถาบันวิจัยตุนหวง, มหาวิทยาลัยไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น ด้วยความสนใจใฝ่รู้ของท่านดังกล่าวนี้ ทำให้ท่านมีโอกาสได้เก็บเล็กผสมน้อยในเรื่องหลักฐานธรรมกายเพิ่มขึ้น ๆ อย่างต่อเนื่อง จนส่งผลถึงการสรุปผลการวิจัยในการศึกษาระดับปริญญาโท และการทำวิจัยในระดับที่สูงขึ้นในปัจจุบันด้วย

วิทยาลัยสงฆ์หังโจว ประเทศจีน

สิ่งที่พระเกียรติศักดิ์ได้ค้นพบนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เช่น ในงานวิจัยเรื่อง รูปแบบการทำสมาธิในคัมภีร์จีนยุคพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ซึ่งได้คะแนนในระดับยอดเยี่ยม (Distinction) นั้น ก็ยังได้ชี้ว่า ในการปฏิบัติธรรมแบบพุทธานุสติอย่างโบราณของจีนในยุคพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ได้สอนให้ผู้ปฏิบัติเริ่มต้นโดยการวางใจไว้ที่กลางท้อง เพราะการเอาใจวางไว้ที่กลางท้องนั้น จะทำให้ผู้ปฏิบัติค่อย ๆ เกิดประสบการณ์ การเห็นองค์พระผุดซ้อนเป็นชั้น ๆ ได้ ซึ่งตรงกับหลักฐานธรรมกายอื่น ๆ หลาย ๆ ชิ้น ที่ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับธรรมกาย และตรงกับคำสอนของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ที่ได้กล่าวถึงเสมอมา


(ภาพที่ ๑-๒) พระเกียรติศักดิ์นำเสนอผลงาน การวิจัยในงานประชุมวิชาการนานาชาติ
เรื่ององค์พระที่กลางกายหมายถึงพระธรรมกายหรือพุทธภาวะภายในกายตน

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสนใจว่า ข้อสรุปอีกอย่างหนึ่งในงานวิจัยชิ้นนี้ พบว่า วิธีการทำสมาธิที่ให้เอาใจวางไว้ที่กลางท้องดังกล่าวนี้ เคยแพร่หลายในแถบเอเชียกลางมาก่อนหากต่อมาได้สูญหายไป ซึ่งก็ตรงกับที่เราเหล่าลูกศิษย์หลานศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ต่างก็เคยได้ยินมาเสมอว่า วิชชาธรรมกายที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ได้ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพันค้นพบมานี้ เป็นวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สูญหายไป ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นสำคัญมากประเด็นหนึ่ง ที่สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) จะได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้าต่อไป

ท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนขอให้ทุกท่านมีความสมบูรณ์พร้อมด้วยสมบัติทั้งสาม รู้แจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย มีดวงปัญญาที่สว่างไสว เป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายตลอดไป ได้มาร่วมกันเป็นทนายแก้ต่างให้แก่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย และขอให้สมความปรารถนาในสิ่งที่ดีงามจงทุกประการเทอญ 
ขอเจริญพร

------------------------------
¹ดังตัวอย่างที่ชัดเจนจากคาถาอุปปาตสันติ ที่ได้แยกรูปกายและธรรมกายของพระพุทธเจ้าออกจากกันอย่างชัดเจน และขณะเดียวกัน ก็ยังได้กล่าวไว้อีกว่า "พระธรรมกายสามารถเห็นได้ด้วยปัญญา มิใช่ด้วยสายตาสามัญทั่วไป" เป็นต้น หรือในคัมภีร์จตุรารักขา ที่พบคำว่า "ธรรมกาย" ในคาถาที่ ๑๑ ซึ่งเป็นข้อความสรุปถึงการปฏิบัติพุทธานุสติ อันมีเนื้อความว่า ทิสฺสมาโน ปิตาวสฺส รูปกาโย อจินฺตโย อสาธารณญาณฑฺเฒ ธมฺมกาเย กถา ว กาติ ฯ ที่หมายความว่า "แม้พระรูปกาย (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ที่ปรากฏอยู่ก็ยังเป็นเรื่องอจินไตย จะกล่าวไปไยถึงพระธรรมกายของพระองค์ ซึ่งมั่งคั่งไปด้วยญาณ คือ ความรู้ที่ไม่ทั่วไป"

Cr. นวธรรมและคณะนักวิจัย DIRI
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๔ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑
หลักฐานธรรมกาย ในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๓๓) หลักฐานธรรมกาย ในคัมภีร์พุทธโบราณ  (ตอนที่ ๓๓) Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 05:05 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.