พลิกชีวิต..เพราะปิดบัญชีครับ

กัลฯบารมี เหล่าขจรกิจ

ผมชื่อ บารมี เหล่าขจรกิจ หรือเรียกผมง่ายๆ ว่า ต้น ก็ได้ครับ ปัจจุบันทำอาชีพหาพื้นที่ให้เช่าติดป้ายโฆษณา ซึ่งผมเป็นเจ้าของบริษัทเอง ชื่อ บริษัทบารมีเดียจำกัด ครับ

..ก่อนหน้านั้นชีวิตผมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สังกัดพรรคกระยาจกอย่างเต็มรูปแบบเลยครับ เพราะคุณแม่ผมมีลูกมากถึง 9 คน แล้วคุณพ่อผมก็มาตายจากไปตั้งแต่ผมอายุแค่ 5 ขวบ หนำซ้ำคุณแม่ก็ไร้อาชีพ

ด้วยเหตุนี้..แม่ผมจึงจำเป็นต้องเลี้ยงลูกทั้ง 9 คน แบบตามมีตามเกิด ปล่อยให้เร่ร่อนเต็มที่ คือ ลูกแต่ละคนจะทำอย่างไรก็ได้..อย่าให้อดตายเป็นใช้ได้ ซึ่งพี่ๆ ผมทุกคนก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเอาเอง โดยไปขายเรียงเบอร์บ้าง รับจ้างทำงานทุกอย่างบ้าง

ส่วนผมซึ่งเป็นน้องคนสุดท้อง ก็ไม่มีสิทธิ์ได้ใช้เงินอะไรเลยครับ เนื่องจากไม่มีเงินให้ใช้ แถมต้องไปขอทุนกินข้าวฟรี เรียนฟรี กับครูที่โรงเรียน แถมไปโรงเรียนก็ต้องเดินไปเดินกลับตลอด เพราะไม่มีเงินค่ารถ และพอผมอายุได้ 17 ปีก็ต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยการไปรับจ้างเป็นเด็กเก็บโต๊ะในร้านไก่ทอด KFC ไปรับจ้างขี่มอเตอร์ไซด์ส่งพิซซ่า รับจ้างเป็นแมสเซนเจอร์ แต่เงินก็ไม่พอใช้ครับ ทำให้ต้องกู้เงินเรียนต่อจนมีหนี้สินถึง 2 แสนบาท

จนกระทั่งปี 45 แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทำให้ผมยากจะทำใจ แต่พอดีเหลือบไปเห็นป้ายที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงเขียนว่า บวชให้แม่..ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ผมจึงตัดสินใจบวชธรรมทายาทที่วัดพระธรรมกายทันที

และหลังลาสิกขาออกมาแล้ว ในปี 49 ผมก็มาสมัครเป็นสารถีทำงานในวัดพระธรรมกายเพื่อเติมบุญระยะหนึ่งก่อน และพอฟังหลวงพ่อเล่าเรื่องพลิกชีวิตด้วยบุญกฐินบ่อยๆ จึงเกิดวิชั่นว่า..เห็นคนจนๆ เขาปิดบัญชีแล้วพลิกชีวิตจนรวยรุ่งพุ่งแรงได้ ผมก็น่าจะทำได้บ้าง

จากนั้นผมก็ตัดสินใจลองไปหาช่องทางรวยโดยการไปเช่าแท็กซี่ขับ แต่พอขับไปขับมา ทั้งเหนื่อย ทั้งจนหนักกว่าเดิมครับ

จนสุดท้าย..ต้องไปขออาศัยอยู่กับพี่ชาย เพื่อไปขอข้าวเขากิน ซึ่งระหว่างนั้น ผมก็ช่วยพี่ชายทำงานหาพื้นที่ให้เช่าเพื่อติดป้ายโฆษณาไปด้วย แต่หลังจากนั้นพี่ชายก็บอกผมว่า..ให้ผมไปทำมาหากินเอาเองได้แล้ว แล้วเขาก็ให้ค่าตอบแทนที่ช่วยงาน 5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินที่มากที่สุดในชีวิตที่ผมเคยมีมาเลยครับ

แต่ช่วงนั้น..ทางวัดมีข่าวการทำบุญปิดองค์พระ และพอผมฟังหลวงพ่อเล่าโน้นเล่านี่ ผมก็อยากรื้อผังจนบ้าง จึงตัดสินใจเอาเงิน 5 หมื่นบาทที่มีในชีวิต ทำบุญองค์พระทั้งหมดทันที ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมยังใช้หนี้การศึกษา 2 แสนบาทไม่หมดเลย อีกทั้งยังไม่รู้ว่า..ในอนาคตจะกินอะไร เนื่องจากพี่ชายให้ออกมาทำมาหากินเองแล้ว

แต่พอผมทำบุญเสร็จ ขณะที่นอนปลื้ม..แต่ไม่มีจะกินนั่นเองครับ อยู่ๆ ก็ปิ้งไอเดียว่า..ลองไปหาพื้นที่ให้เขาเช่าติดป้ายโฆษณาเล่นๆ ดีกว่า ซึ่งผมก็เจอทำเลเหมาะเป็นอัศจรรย์ แล้วก็ติดต่อบริษัทบ้านจัดสรรให้มาขึ้นป้ายโฆษณาสำเร็จเป็นอัศจรรย์ งานนี้..เลยทำให้ผมรอดตาย มีเงินซื้อข้าวกินอย่างเหลือเชื่อ




จากนั้นชีวิตผมก็เริ่มพลิกเลยครับ เพราะได้หันมาทำอาชีพนี้ จนมีรายได้มากขึ้น แต่ผมก็อยากรื้อผังจนอยู่ดีครับ จึงตั้งความปรารถนาว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิต..เราต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้

จากนั้นผมก็ประหยัดเก็บหอมรอบริบทุกอย่างจนถึงปี 54 แล้วปิดบัญชีที่ 1 S เอามาเป็นประธานกองทันที ทั้งๆ ที่ผมยังใช้หนี้การศึกษาไม่หมด

และพอเป็นประธาน S เสร็จ ชีวิตผมก็พลิกไปแบบสุดเหวี่ยง คือ ธุรกิจผมดีขึ้นมากจนใช้หนี้ได้หมดในปีต่อมา คือปี  55 และสามารถมีเงินเป็นประธาน M แรกในชีวิตอย่างเหลือเชื่อ

ซึ่งผมปลื้มมากเลยครับ ว่าอดีตสมาชิกพรรคกระยาจกอย่างผม สามารถมีเงิน M ทำบุญกับเขาได้ และจากนั้นธุรกิจผมก็พลิกดีขึ้นอีกจนสามารถทำ M ได้ทุกปี

แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีเอามากๆ แต่ผมก็กัดฟันสู้ปิดบัญชีมาเป็นประธานกฐิน และหล่อหลวงปู่ไปที่ M กว่าๆ ซึ่งเป็นการทำบุญที่มากกว่าทุกปี เพราะผมคิดว่า..ผมรอดวิกฤติในชีวิตที่ผ่านๆ มาได้ด้วยบุญ

ผมปลื้ม และรู้สึกคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจอย่างแรงกล้าในการรื้อผังจน เพราะถ้าผมไม่รื้อ ก็คงเสียชาติเกิด เพราะต้องเกิดมาจนฟรีๆ ลำบากฟรีๆ โดยเสียไปอีกชาติ ทำให้สร้างบารมีได้น้อยมาก แต่พอรื้อผังจน ก็จะสะดวกในการสร้างบารมีอย่ามเต็มที่เต็มกำลัง แล้วชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรคกระยาจกอีก คือ เข็ดแล้วครับ !!!



Cr. สำนักสื่อธรรมะ
พลิกชีวิต..เพราะปิดบัญชีครับ พลิกชีวิต..เพราะปิดบัญชีครับ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 04:06 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.