พลิกชีวิต เพราะเป็นประธานกองกฐินครั้งแรก!!!
ชื่อ
ณัฐชา แก้ววิมล เป็นเจ้าของ บริษัทเพชรสุวรรณการเกษตรจำกัด ผลิตสารปรับปรุงดิน
และส่งเสริมการปลูกอินทผลัมแบบเกษตรอินทรีย์
ก่อนเราจะมีวาสนามาเข้าวัดพระธรรมกาย
เรามีชีวิตที่ยากจนข้นแค้นไม่มีเงินใช้ จนต้องเก็บผักจับปลา
หากบหาเขียดตามท้องนามากินเพื่อประทังชีวิต
หนำซ้ำพ่อแม่ก็สามารถส่งลูกเรียนได้แค่ ป.6 เท่านั้น พอจบมาก็ต้องมาตรากตรำทำนา จนเราคิดหนีจากความจนไปให้พ้นๆ
โดยการแต่งงาน แล้วเปลี่ยนอาชีพมาเก็บของป่าขาย เช่น เห็ด หน่อไม้ แต่รายได้ก็ไม่แน่นอนเอาเลย
เพราะบางวันก็ได้แค่ 30 บาท บางวันก็ไม่ได้เลย จนเงินแม้แต่บาทเดียวก็ไม่มีติดบ้าน ทำให้ต้องอยู่อย่างอดๆ
อยากๆ ถึงขนาดต้องกินข้าวกับน้ำปลา จนรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา และตัดพ้อกับตัวเองว่า
‘เราเกิดมาทำไมนะ จนก็จน ลำบากก็ลำบาก ถ้าเกิดมาแล้วทุกข์ขนาดนี้ อย่าเกิดเลยซะดีกว่า’
จนวันหนึ่งมีญาติเอาหนังสือธรรมะของวัด
ที่เขียนโดย คุณป้าถวิล วัติรางกูล มาให้อ่าน เราก็เลยได้คำตอบว่า ที่เราเกิดมายากจนขนาดนี้
เพราะไม่ได้ทำบุญมา เราจึงออกแบบชีวิตใหม่ ด้วยการยอมเหนื่อยออกไปหารายได้เพิ่ม
โดยรับจ้างเขาหักฝักข้าวโพด เพื่อแลกกับเงินเพียง 1
บาทมาทำบุญหยอดกระปุกให้ได้ทุกวัน และก็อธิษฐานขอกับหลวงปู่วัดปากน้ำทุกครั้งเลยว่า
ขอให้หลุดพ้นจากวังวนแห่งความจน ให้สามารถถือศีล 5 ได้ ซึ่งพอทำอย่างนี้ 3 เดือน
อยู่ๆ ก็มีคนแนะนำให้มาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่สนามกอล์ฟ โดยได้เงินเดือนๆ
ละ 4,000 บาท ด้วยเหตุนี้ ชีวิตเราจึงเริ่มดีขึ้น และมีโอกาสมาวัดพระธรรมกายตลอดต่อเนื่อง
จนกระทั่งปี
พ.ศ.2541 เป็นปีที่วัดโดนโจมตีหนัก หัวหน้างานจึงสั่งห้ามไม่ให้เรามาวัด เราจึงตัดสินใจลาออก
แล้วเอาเงินก้อนสุดท้ายที่ได้ 8,000 บาท มาลงทุนเปิดแผงลอยขายกระเป๋า
เสื้อผ้า และรองเท้า แต่ก็ขายได้ไม่ดีเลย จนต้องหันมาทำอาชีพขายตรง แล้วสุดท้ายก็มีปัญหาอีก
จนเพื่อนโทรมาชวนให้ไปขายปุ๋ย ทำให้รายได้เริ่มดีขึ้น แล้ววันหนึ่งพอเราได้ยินหลวงพ่อพูดว่า
“ครั้งหนึ่งในชีวิต เราต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้” ทำให้เราอยากเป็นมาก เพราะอยากจะรื้อผังจนออกไปให้สิ้นซาก
เนื่องจากที่ผ่านมาเราลำบากเหลือเกิน
แต่เนื่องจากเรายังมีเงินไม่ถึง
M จึงชวนเพื่อนหุ้นกันคนละครึ่ง เพื่อเป็นประธานกองกฐินในปี พ.ศ.2554 ให้สำเร็จ
ซึ่งเขาก็รับปากเราอย่างดิบอย่างดี แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ
เพราะวันที่จะปิดกองกันเพื่อนไม่สามารถทำตามสัญญาได้ แต่เนื่องจากความตั้งใจที่จะเป็นประธานกองของเรามันพวยพุ่งไปอย่างแรงกล้า
เราจึงตัดสินใจเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่า จะเป็นตายอย่างไร
ก็ต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องไม่เสียสัจจะ จากนั้นเราก็ไปรวบรวมเงินที่เป็นเงินหมุนค่าสินค้าทั้งหมดที่มีอยู่
นำบัตร ATM ทุกใบมากดเงินออกจากบัญชีทั้งหมด โดยคิดเพียงว่า
ถ้าวันนี้ไม่ชนะ วันข้างหน้าก็จะแพ้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไรจะชนะ !
แล้วอีก
1 ชั่วโมงต่อมา เราก็รวบรวมเงินได้ครบ M พอดี จึงรีบเข้าไปถวายปัจจัยปิดกองอย่างเหลือเชื่อจริงๆ
เรียกว่า ทำบุญทั้งน้ำตาเลย เพราะปลื้มมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โดยที่เงินทุกบัญชีของเราหมดเกลี้ยง แต่แปลกมาก ที่ตอนนั้นแม้เงินจะหมด
แต่กลับไม่รู้สึกห่วงอะไรเลย รู้แต่ว่าปลื้มจนน้ำตาไหลพราก ๆ และรู้แต่ว่า
เด็กบ้านนอกที่ยากจนขนาดต้องกินข้าวกับน้ำปลา สามารถเป็นประธานกองกฐินได้แล้ว
และที่น่าแปลกไปกว่านั้น
หลังทำบุญเป็นประธานกองเสร็จ ยอดขายปุ๋ยพุ่งขึ้นสูงมาก ทั้ง ๆ
ที่ปีนั้นเจอวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ แต่กลับขายดี จนสุดท้ายเราพบจุดหักเหของชีวิต
จนก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการขายปุ๋ยด้วยตัวเองอย่างเหลือเชื่อ และมีเงินเป็นประธานกอง
M
ทุกปีอย่างต่อเนื่องนับจากนั้น
และแม้ปีนี้
จะเป็นปีที่เจอวิกฤติเศรษฐกิจมากที่สุด แต่เรากลับสวนกระแส เพราะตั้งแต่เรารับผ้าไตรจักรพรรดิมหาสมบัติไปอธิษฐาน
ชีวิตเราก็พลิกโผล่สามารถขายต้นอินทผลัมได้อย่างทะลักทะลวง จนสามารถเป็นประธานกองกฐินได้ถึง
2 M อย่างเหลือเชื่อ คือ เกินกว่าที่ตั้งใจไว้อีก ซึ่งทำให้เราปลื้มมากเลย
สุดท้ายนี้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเรากัดฟันมุ่งมั่นเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่จะเป็นประธานกองกฐินสักครั้งหนึ่งในชีวิตให้ได้
เราคงไม่มีวันนี้อย่างแน่นอนค่ะ เราขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากๆ ที่ชี้แนะวิธีรื้อผังจนให้
เพราะการเป็นประธานกองกฐินเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆ
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ
พลิกชีวิต เพราะเป็นประธานกองกฐินครั้งแรก!!!
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
03:33
Rating:
สาธุๆ
ตอบลบสาธุค่ะ
ลบ