กฐินสามัคคี บูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์



กฐินสามัคคี บูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์
✦✦✦✦✦✦✦✦

“ ทานนี้ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนาไว้ ถ้าปราศจากทานการให้แล้ว ศาสนาก็ไม่มีเครื่องหล่อเลี้ยง ทรงอยู่ไม่ได้ ต้องแตกสลายไป ดับไป หายไป ทานนี่แหละหล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนาไว้...”

อมตะวาจานี้ของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)  ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย นับว่าเป็นความจริงแท้นับตั้งแต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่จวบจนปัจจุบัน เพราะหากวัดใดก็ตามที่ขาดการอุปถัมภ์บำรุงจากญาติโยม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ ก็คงเป็นการยากยิ่งที่พระเณรจะสามารถอยู่ปฏิบัติศาสนกิจในวัดนั้นได้อย่างผาสุก ซึ่งเมื่อกาลผ่านไปเนิ่นนานเข้าก็ต้องกลายสภาพเป็น “วัดใกล้ร้าง” หรือ “วัดร้าง” ไปในที่สุด

ด้วยเหตุนี้ ชาวพุทธทุกคนจึงควรตระหนักว่าการทำหน้าที่เป็น “กองเสบียง” เพื่อคอยหล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนานั้นมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาหนึ่งเดือนหลังออกพรรษา ซึ่งเป็นเทศกาลงานบุญทอดกฐิน มหากาลทานแห่งปี  เป็นบุญอันยิ่งใหญ่ที่จะนำความสมปรารถนาให้บังเกิดขึ้นทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับ ซึ่งมีอานิสงส์อันไพศาลอย่างไม่อาจที่จะนับจะประมาณได้

กล่าวคือ ท่านเจ้าภาพผู้ทำบุญทอดกฐินนั้น ย่อมสมปรารถนาด้วยผลานิสงส์ที่จะส่งให้ถึงพร้อมด้วยสมบัติทั้ง ๓ ประการ คือ  “รูปสมบัติ” เป็นผู้มีผิวพรรณวรรณะงดงาม ผ่องใส ดึงดูดตาดึงดูดใจผู้พบเห็น “ทรัพย์สมบัติ” ที่จะบังเกิดขึ้นด้วยกำลังบุญที่ตนได้ทำไว้ทั้งในชาตินี้และภพชาติต่อ ๆ ไป และ “คุณสมบัติ” คือความเฉลียวฉลาดแตกฉานในศาสตร์ทั้งทางโลกและทางธรรม ฯลฯ

ส่วนผู้รับคือพระสงฆ์นั้น ท่านก็ย่อมสมปรารถนาเพราะได้รับอานิสงส์ตามพระธรรมวินัยจากการรับและอนุโมทนาผ้ากฐิน อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบริวารกฐินเพื่อนำไปใช้ก่อสร้าง หรือบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และใช้เป็นเสบียงอุดหนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในวัดได้ตลอดทั้งปี  รวมถึงนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสู่สังคมไทยได้อีกด้วย

ดังนั้น กฐินสามัคคีของวัดพระธรรมกาย ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๑ จึงเป็นโอกาสสำคัญยิ่งที่เหล่าศิษยานุศิษย์จะได้มาร่วมแสดงพลังความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการทำหน้าที่ “กองเสบียง” อุปถัมภ์บำรุงรักษาวัดพระธรรมกาย และเพื่อสืบสานมโนปณิธานของมหาปูชนียาจารย์ทุกท่านที่ต้องการเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปสู่ใจของมวลมนุษยชาติ เพื่อยังสันติสุขที่แท้จริงให้เกิดขึ้นแก่โลกใบนี้  ซึ่งเชื่อมั่นว่า มโนปณิธานเหล่านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของยอดกัลยาณมิตรทุกท่านอย่างแน่นอน

แม้ว่าทุกวันนี้จะยังคงมีปัญหาอุปสรรคถาโถมเข้ามามากมายเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่บททดสอบจิตใจในการสร้างบารมีเท่านั้นเอง  ดังที่ใครคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “อุปสรรคมีไว้ให้ข้าม ทะเลงดงามเมื่อยามมีคลื่น...”  ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ยอดกัลยาณมิตรทุกท่านต้องหมั่นรักษาใจให้ผ่องใส คิดเชิงบวก และเลือกรับฟังแต่เรื่องดีๆ  พร้อมทั้งหมั่นตรึกระลึกถึงมหาปูชนียาจารย์ทุกท่านอยู่เสมอ เพื่อเป็นพลังในการยกใจเอาชนะอุปสรรค และมุ่งตรงสู่การพิชิตเป้าหมาย นั่นคือการเป็นเจ้าภาพกองกฐินสามัคคีในปีนี้ให้สำเร็จสมดังความตั้งใจได้อย่างเป็นอัศจรรย์

วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายนนี้  จะเป็นวันแห่งความสำเร็จและสมปรารถนาในการสร้างมหากาลทานแห่งปีของทุกท่าน เพราะเมื่อผู้มีบุญมารวมตัวกันด้วยพลังแห่งความสามัคคี และมีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะมุ่งสืบสานมโนปณิธานของมหาปูชนียาจารย์  หากทำได้เช่นนั้น เรื่องที่ยากก็จะเป็นง่าย  เรื่องที่ร้ายก็จะกลายเป็นดี  เรื่องที่ดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป...

Cr. ธีรนาถ สำนักสื่อธรรมะ
กฐินสามัคคี บูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ กฐินสามัคคี บูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 18:51 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.