ญาติธรรม.. ..ธรรมทายาท


"ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ไม่สามารถชักนำไปในทางอื่นได้ ผู้นั้นควรเป็นบุตรของพระพุทธเจ้า เป็นโอรสเกิดแล้วจากพระโอษฐ์ เป็นบุตรเกิดแล้วโดยธรรม อันธรรมเนรมิตแล้วเป็นธรรมทายาท"  (วาเสฏฐสูตร)

ความเป็นชาวพุทธในปัจจุบันนี้มีหลายประเภท บางคนเป็นเพียงชาวพุทธในทะเบียน นาน ๆ จะมีโอกาสไปวัดหรือทำบุญในโอกาสพิเศษ เพราะมัวเอาเวลาที่มีอยู่ไปทำมาหากินอย่างเดียว บางคนเข้าวัดเพราะไปร่วมฟังสวดศพ บางคนไปวัดตอนเป็นศพ!! บางคนเป็นธรรมทายาทมีโอกาสได้บวชเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย บางคนเป็นทายก ทายิกา ได้สั่งสมบุญอย่างต่อเนื่อง ฟังธรรม ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์ และลงมือปฏิบัติจนบรรลุธรรมลุ่มลึกไปตามลำดับ แล้วพวกเราทั้งหลาย จะเรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธเช่นไร

ในสมัยหลังพุทธกาลประมาณ ๒๐๐ ปี พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสละพระราชทรัพย์ถึง ๙๖ โกฏิเพื่อสร้างพระวิหาร ๘๔,๐๐๐ หลัง ในวันฉลองพระวิหารพระองค์ประทับยืนอยู่ที่อโศการาม ทรงเหลียวดูตลอดทั้ง ๔ ทิศ ได้ทอดพระเนตรเห็นชมพูทวีป ซึ่งมีมหาสมุทรเป็นที่สุดโดยรอบ และพระวิหาร ๘๔,๐๐๐ หลัง ที่รุ่งโรจน์อยู่ด้วยการบูชาอันยิ่งใหญ่ ทรงเกิดปีติปราโมทย์ใจอย่างท่วมท้น ดำริว่า ความปีติปราโมทย์เห็นปานนี้เคยเกิดขึ้นแก่ใครบ้างไหม

พระราชาตรัสถามภิกษุสงฆ์ว่า "พระคุณเจ้าผู้เจริญ ในพระศาสนาของพระโลกนาถเจ้ามีใครบ้าง ได้สละทรัพย์บริจาคอย่างมากมาย การบริจาคของใครเล่ายิ่งใหญ่เช่นนี้บ้าง"  พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระได้ถวายพระพรว่า "มหาบพิตร ขึ้นชื่อว่าผู้ถวายปัจจัยในพระศาสนาของพระทศพลเช่นกับพระองค์ แม้พระตถาคตเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ก็ไม่มีใครเลย ที่จะทรงบริจาคได้ยิ่งใหญ่เท่า"

พระราชาสดับคำของพระเถระแล้ว ทรงปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ที่ไม่มีผู้ใดถวายพระวิหารได้ยิ่งกว่าพระองค์ จากนั้นได้ตรัสถามต่อว่า "โยมได้ยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่น เมื่อเป็นเช่นนี้ โยมได้ชื่อว่าเป็นทายาทแห่งพระศาสนาหรือยังหนอ"

พระเถระได้ฟังพระราชดำรัสแล้วมองเห็นอุปนิสัยของพระราชโอรสของพระองค์ว่า ถ้าออกบวชแล้วพระพุทธศาสนาจักแผ่ขยายตั้งมั่นสถิตสถาพรสืบต่อไป จึงทูลพระราชาว่า "ขอถวายพระพรมหาบพิตร ผู้ที่จะเป็นทายาทพระศาสนา หาใช่เป็นด้วยเหตุเพียงเท่านี้ไม่ อีกอย่างผู้ที่ได้ถวายปัจจัยไทยธรรมได้ชื่อว่าเป็นทายก ทายิกา หรือเป็นอุปัฏฐากเท่านั้น ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นทายาทในพระพุทธศาสนา"


พระราชาตรัสถามว่า "ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้นทายาทพระศาสนาจะมีได้อย่างไรเล่า" พระเถระถวายพระพรว่า "มหาบพิตร บุคคลใดเป็นผู้มีศรัทธาในพระรัตนตรัย ได้ถวายบุตรธิดาผู้เป็นที่รักของตนบวชในพระพุทธศาสนา บุคคลนั้น ได้ชื่อว่าเป็นทายาทในพระพุทธศาสนา"

เมื่อพระเถระถวายพระพรดังนั้นแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชทรงดำริว่า "แม้เราบริจาคทานถึงเพียงนี้ ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นทายาทแห่งพระพุทธศาสนาเลย" ทรงปรารถนาความเป็นทายาท จึงทอดพระเนตรเหลียวดูข้างโน้นข้างนี้แล้วทรงเห็นพระมหินทกุมารซึ่งประทับยืนอยู่ไม่ไกล ทรงรำพึงว่า "เราประสงค์จะสถาปนาพระกุมารนี้ไว้ในตำแหน่งอุปราช แต่ตำแหน่งนั้นก็ไม่ประเสริฐกว่าการเป็นสมณะ เพราะการบรรพชาเป็นสิ่งประเสริฐกว่าตำแหน่งอุปราชอย่างเทียบกันไม่ได้" พระราชาจึงรับสั่งกับพระราชโอรสว่า "ลูกเอ๋ย ลูกสามารถบวชให้พ่อได้ไหม"

นับตั้งแต่พระติสสกุมารออกผนวชแล้ว พระมหินทกุมารก็มีพระประสงค์อยากจะออกผนวชด้วย เช่นกัน เมื่อได้สดับพระราชประสงค์ของพระบิดาเช่นนั้นก็เกิดความปีติปราโมทย์ใจเป็นอย่างยิ่ง รีบกราบทูลว่า "หม่อมฉันมีความปรารถนาจะบวชอยู่แล้ว ถ้าทูลกระหม่อมทรงอนุญาต หม่อมฉันก็จะบวช"

ขณะเดียวกัน พระราชธิดาชื่อสังฆมิตตา ซึ่งประทับยืนอยู่ข้าง ๆ ทรงมีความประสงค์จะผนวชเช่นกัน จึงได้ทูลขออนุญาตลาบวชด้วย พระราชาทรงอนุโมทนาต่อพระราชโอรส และพระราชธิดาด้วยพระทัยที่เบิกบานตรัสกับภิกษุสงฆ์ว่า "พระคุณเจ้าจงให้โอรสและธิดาทั้งสองบวช แล้วกระทำโยมให้เป็นทายาทในพระพุทธศาสนาเถิด" พระสงฆ์รับพระราชดำรัสแล้ว ก็ให้พระราชโอรสบรรพชาโดยมีพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเป็นพระอุปัชฌาย์

พระราชโอรสบังเกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย มีใจที่ผ่องใสหยุดนิ่งดีแล้ว ในวันอุปสมบท นั้นเองก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ส่วนพระนางสังฆมิตตาเมื่อผนวชแล้ว ได้ตั้งใจประพฤติธรรม ไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เถรีเช่นกัน



พระราชโอรสและพระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อผนวชแล้ว ทั้งสองพระองค์ได้เป็น กำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไป โดยเฉพาะพระมหินทเถระได้นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ยังประเทศลังกา นำพาหมู่ชนในที่นั้นให้ได้พบแสงสว่างแห่งพระสัทธรรม ทำให้ผู้มีบุญได้บรรลุมรรคผลนิพพานกันมากมาย อย่างน้อยก็มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป

จะเห็นได้ว่า แม้พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสละพระราชทรัพย์ถึง ๙๖ โกฏิ สร้างพระวิหารถึง ๘๔,๐๐๐ หลัง ไว้ในพระพุทธศาสนา พระองค์ก็ทรงเป็นได้เพียงแค่โยมอุปัฏฐากเท่านั้น ครั้นทรงถวายพระราชโอรสและพระราชธิดาผู้เป็นประดุจแก้วตาดวงใจไว้ในพระศาสนา จึงได้ชื่อว่าเป็นญาติพระศาสนาอย่างแท้จริง พระมหินทเถระและสังฆมิตตาเถรี เมื่อบวชแล้วได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ได้ชื่อว่าเป็นทั้งศาสนทายาทและธรรมทายาทตามพุทธประสงค์อย่างภาคภูมิใจ และยังได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเกิดมาเป็นมนุษย์อีกด้วย

นักสร้างบารมีทั้งหลาย...จากนี้ไปเราจะไม่เป็นเพียงชาวพุทธในทะเบียนบ้านเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงนี้ พระพุทธศาสนาต้องการชาวพุทธใจเพชร ผู้มาทำหน้าที่เป็นประดุจช้างเท้าหน้า เป็นพุทธบุตรนักรบกล้าแห่งกองทัพธรรม ที่จะรบกับกิเลสในใจของมนุษยชาติ นำพาเขาเหล่านั้นให้เข้าสู่กระแสธรรม และธำรงพุทธศาสน์ให้เป็นที่พึ่งของชาวโลกตราบนานเท่านาน


หากใครอยากจะเป็นญาติกับพระศาสนาก็ให้ส่งกุลบุตรเข้ามาบวช จะบวชพระหรือเป็นสามเณรตามวัดวาอารามต่าง ๆ ที่มีการจัดอบรมกันก็ได้ ฝ่ายท่านหญิงก็ให้เข้ามาบวชเป็นอุบาสิกาแก้ว เมื่อเราทำได้ดังนี้จึงจะได้ชื่อว่า เป็นชาวพุทธผู้มีหัวใจรักศาสน์อย่างแท้จริง เราจะเป็นทั้งโยมอุปัฏฐาก เป็นญาติธรรม และเป็นธรรมทายาทผู้สืบทอดพระศาสนา และเป็นผู้บรรลุธรรมของพระบรมศาสดา


Cr. เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๑๐๑  เดือนมีนาคม  พ.ศ. ๒๕๕๔
ญาติธรรม.. ..ธรรมทายาท ญาติธรรม..  ..ธรรมทายาท Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 23:54 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.