พิธีบรรพชาสามเณร ๑๑๑ รูป ประเทศเนปาล
พิธีบรรพชาสามเณร
๑๑๑ รูป
ประเทศเนปาล
แสงแห่งความสมหวัง
ณ แดนประสูติ
“นมัสเต” คือ คำทักทายของชาวเนปาล
เหมือนคำว่า “สวัสดี” ของไทย
หลายคนคงรู้จักประเทศเนปาลในฐานะดินแดนในอ้อมกอดแห่งขุนเขาหิมาลัย
ซึ่งเป็นที่ตั้งของยอดเขาเอเวอเรสต์ที่สูงที่สุดในโลก หรือดินแดนแห่งป่าหิมพานต์
ตามความเชื่อโบราณ เนปาลมีอาณาเขตติดกับยักษ์ใหญ่อย่างอินเดียและจีน
เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และจากอุปสรรคทางกายภาพนี้
กลับทำให้ปลอดภัยและเป็นอิสระจากการแผ่ขยายอาณานิคมของต่างชาติ
เนปาลจึงไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของมหาอำนาจแต่อย่างใด
เนปาลมีเมืองหลวง
คือ กรุงกาฐมาณฑุ บริเวณรายรอบเมืองเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสำคัญมากมาย
จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกถึง ๗ แห่ง สถาปัตยกรรมอันงดงาม และการตกแต่งเจดีย์รูปทรงครึ่งวงกลม
มีรูปดวงตาเห็นธรรมทั้ง ๔ ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ทำจากทองเหลืองและหินขัดสวยงาม
วัดและสถูปก่อสร้างจากงานไม้แกะสลักอันประณีตบรรจง
แม้แต่งานช่างเหล็กและงานปั้นหินก็ทำได้อย่างละเอียดอ่อนไม่แพ้กัน
แสดงถึงความเชื่อถือศรัทธาอย่างแรงกล้าของผู้คนชาวเนปาล
ลักษณะเด่นเหล่านี้ทำให้ประเทศเนปาลมีภาพลักษณ์ในด้านวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่และวิจิตรงดงาม
ภูมิประเทศตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีภูเขาล้อมรอบทุกด้าน
จึงเรียกขานกันว่า “คีรีนคร” หรือเมืองแห่งขุนเขา พื้นที่ราบตรงกลางคล้ายแอ่งกระทะ
มีชัยภูมิเหมาะสมในการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนมาหลายพันปี
วัฒนธรรมประเพณีของชาวเนปาลในแต่ละท้องถิ่นนั้น
มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ เช่น
บริเวณที่ติดกับจีนด้านทิเบตจะคล้ายกับทิเบต
ส่วนที่อยู่ติดกับอินเดียก็จะคล้ายอินเดีย เป็นต้น
หากใครได้ไปเยือนเนปาล
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เนปาลคือดินแดนวัฒนธรรมในม่านหมอก
ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
เพราะได้รับการผสมผสานอิทธิพลของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
ไม่ว่าเราจะเดินไปบริเวณไหนของเนปาล จะพบเห็นรูปแกะสลักเทพเจ้าฮินดูกับพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้าอยู่เคียงกันตามสถานที่ต่าง
ๆ ทั่วไป โดยไม่มีความขัดแย้งแบ่งแยกเหมือนในหลาย ๆ ประเทศ
ย้อนไปเมื่อกว่า ๕๕๐ ปี
พระพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้เกือบกลายเป็นเพียงเรื่องเล่า
ในอดีตประเทศเนปาลเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย ทำให้ในปัจจุบันดินแดนประสูติของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
ณ ลุมพินีวัน แห่งนี้ยังคงอยู่ในประเทศเนปาล ซึ่งมีชาวพุทธทั่วโลกแวะเวียนเดินทางไปสักการบูชาไม่ได้ขาด
พระพุทธศาสนาในยุคแรกของประเทศเนปาลเป็นแบบดั้งเดิมหรือแบบเถรวาท
จากการที่มหาวิทยาลัยนาลันทาในประเทศอินเดียถูกทำลายส่งผลให้พระพุทธศาสนาในประเทศเนปาลพลอยเสื่อมลงไปด้วยเช่นกัน
จนแทบจะสูญหายไปจนหมดสิ้น
ผ่านไปกว่า
๖๐ ปี พระพุทธศาสนาในประเทศเนปาลได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง เมื่อพระปัญญานันทมหาเถระ
พระภิกษุชาวเนปาลที่บวชในประเทศอินเดีย ได้นำพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทกลับไปเผยแผ่ในประเทศ
ทำให้ผู้คนหันมาศรัทธาและนับถือจำนวนมาก
ซึ่งท่านได้รับการยกย่องให้เป็นพระสังฆมหานายกรูปแรกและรูปเดียวของประเทศเนปาล
ชาวพุทธแทบทุกบ้านจะมีรูปของท่านไว้บูชา และมีอนุสาวรีย์ของท่านอยู่ตามวัดต่าง ๆ
ทั่วประเทศ
ถ้าขณะนี้พระปัญญานันทมหาเถระยังมีชีวิตอยู่
ท่านจะมีอายุครบ ๑๑๑ ปีพอดี ทำให้เหล่าชาวพุทธเนปาลถือโอกาสนี้
จัดพิธีบรรพชาสามเณร ๑๑๑ รูป เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่าน และตั้งใจที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ในการที่จะนำคำสอนของพระพุทธเจ้าให้กลับคืนไปสร้างความสว่างไสวในจิตใจของชาวพุทธ
ณ ดินแดนแห่งพุทธภูมิแห่งนี้ ระหว่างวันที่ ๑๙ มกราคม- ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
โครงการนี้จัดขึ้นด้วยความร่วมมือของวัดไทยลุมพินี
โดยพระราชรัตนรังสี เจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี และวัดพระธรรมกาย โดยหลวงพ่อธัมมชโย
คณะสงฆ์ประเทศเนปาล ตลอดจนเหล่าพุทธบริษัท ๔ ทั้งจากประเทศไทยและประเทศเนปาล
นับเป็นพลังผลักดันสำคัญให้งานครั้งนี้สำเร็จลงได้ด้วยดี
๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ กุลบุตรชาวเนปาล ถึง
๑๑๑ คน เดินทางไปที่วัดสิริกิตติวิหาร ในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศเนปาล
เพื่อรายงานตัวและฟังปฐมนิเทศเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันบรรพชาที่กำลังจะมาถึงอีก
๒ วัน นาคธรรมทายาททุกคนต่างกระตือรือร้นและตั้งใจฝึกฝนตนเองอย่างเต็มที่
โดยไม่หวั่นไหวต่ออุณภูมิที่หนาวเหน็บ เวลากลางคืนมีอุณหภูมิลดต่ำลงถึง ๐
องศาเซลเซียส
วันนั้น
ชาวพุทธเนปาลเดินทางไปร่วมพิธีตัดปอยผมให้นาคธรรมทายาทเป็นจำนวนมาก
ซึ่งได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ
ประเทศเนปาล และคุณ Bekha
Ratna Shakya อดีตท่านผู้ว่าราชการเมืองลลิตปูร์
ร่วมเป็นเกียรติในพิธี และกล่าวชื่นชมอนุโมทนาในภาพมหากุศลครั้งประวัติศาสตร์
ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประเทศเนปาล
ก่อนเริ่มพิธีตัดปอยผมนาคธรรมทายาท คุณพ่อ
คุณแม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนคณะญาติมิตรได้พร้อมใจกันสวดมนต์และนั่งสมาธิร่วมกัน
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ที่จะมีโอกาสเข้าร่วมพิธีกรรมอันเปี่ยมด้วยคุณค่าและยังมีความหมาย
มีระเบียบงดงามอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ในวันสำคัญเช่นนี้หลายครอบครัวได้นำรูปภาพของบรรพบุรุษหรือหนังสือที่มีรูปภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปร่วมในพิธีขอขมาด้วย
เพื่อให้นาคธรรมทายาทได้ขอขมาลาโทษ พร้อมขออนุญาตต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีบรรพชา สามเณรทุกรูปได้ร่วมกันทำความสะอาดวิหารและศาสนสถาน พัฒนาวัดให้สะอาดสะอ้าน
สาธุชนหลายท่านเห็นภาพนี้แล้วเกิดความเลื่อมใสจึงเข้าร่วมทำความสะอาดด้วย
ตอนค่ำเป็นพิธีจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ณ ลุมพินีวัน
สามเณรทุกรูปร่วมเวียนประทักษิณรอบเสาอโศก และปฏิบัติธรรมร่วมกัน สามเณรหลายรูปมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดียิ่ง
ได้รับความสุข ความสงบ และพบความสว่างไสวจากการปฏิบัติธรรม
ก่อนลาสิกขา ๓ วัน สามเณรทั้ง ๑๑๑ รูป
ได้เดินทางกลับไปที่เมืองกรุงกาฐมาณฑุอีกครั้ง
เพื่อเป็นเนื้อนาบุญให้กับสาธุชนในพิธีตักบาตร และพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ซึ่งมีชาวพุทธหลายพันคนเดินทางไปร่วมใส่บาตรกันอย่างเนืองแน่น
กิจกรรมในครั้งนี้ ยุวพุทธแห่งประเทศเนปาล ( YMBA : Young Men Buddhist Association
) ได้ให้ความสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์
ทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
พิธีบรรพชาครั้งนี้
ถือเป็นพิธีมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเนปาล และเป็นสิ่งที่ชาวพุทธเนปาลทุกคนเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน
ทำให้ทุกคนต่างช่วยกันรับบุญทุกบุญด้วยความสดชื่นเบิกบาน มุ่งมั่นที่จะทำให้ทุก ๆ
กิจกรรมออกมาดีที่สุด สมกับการรอคอยพิธีบวชมาอย่างยาวนานเกือบศตวรรษ
หลังจากที่ลาสิกขาแล้ว
ธรรมทายาทหลายท่านตั้งใจว่าจะเปิดบ้านกัลยาณมิตร
ทำหน้าที่ชักชวนหมู่ญาติให้มาสวดมนต์นั่งสมาธิ
และจะนำสื่อธรรมะที่ออกในรายการโรงเรียนอนุบาลฯ ไปแปลเป็นภาษาเนปาล
เพื่อนำไปออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ของประเทศเนปาลอีกด้วย ส่วนธรรมทายาทบางท่านจะนำโครงการเด็กดี V-Star ไปใช้ใน ๒ โรงเรียนที่อยู่ในความดูแล
และทุกท่านมีความตั้งใจที่จะจัดโครงการบรรพชาสามเณรแบบนี้ขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยจะไปชักชวนชาวพุทธมาบวชให้มากกว่าเดิม
เพื่อให้พระพุทธศาสนากลับไปสถิตสถาพรอย่างมั่นคงในประเทศเนปาลตลอดไป
Cr. อัญชลี
เรืองจิต
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๐๑
เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
พิธีบรรพชาสามเณร ๑๑๑ รูป ประเทศเนปาล
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:07
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: