อธิบายอย่างไร ให้คนสบายใจ
คนไข้ตั้งครรภ์ปกติมาตลอด
แต่คลอดออกมาเสียชีวิต ทำให้พ่อแม่เด็กเสียใจ แล้วพลอยโกรธมาถึงหมอ
หมอจะอธิบายอย่างไร เขาถึงจะเข้าใจและสบายใจ?
คำตอบ
พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ชีวิตนี้เป็นทุกข์
ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ แต่ว่าคนในโลกนี้มักจะเผลอ ขนาดนับถือพระพุทธศาสนาก็ตาม
เขาจะเห็นแค่ความแก่เป็นทุกข์ ไม่อยากแก่ ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นทุกข์
ไม่อยากเจ็บป่วย ความตายเป็นทุกข์ ไม่อยากตาย แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวโลกมองไม่เห็น
คือความเกิดก็เป็นทุกข์ มนุษย์มองตรงนี้ไม่ค่อยออก
เพราะฉะนั้นพอถึงวันคล้ายวันเกิดก็ฉลองกันเพียบ
แล้วบางทีไม่ได้ฉลองแบบที่เป็นบุญเป็นกุศลด้วย กลับเลี้ยงเหล้าฉลองวันเกิด
เอาบาปมาตัดรอนชีวิตตัวเอง เอาทุกข์มาเพิ่มให้ตัวเอง
คุณหมอก็ทำคลอดมามากแล้ว
เคยเห็นบ้างไหมว่า เด็กที่คลอดออกมาแล้วหัวเราะเอิ๊ก ๆ ไม่มีหรอก
มีแต่ร้องจ๊ากออกมาทั้งนั้น ทำไมถึงได้ร้อง ก็ร้องเพราะทุกข์น่ะสิ
เพราะฉะนั้น ในขณะที่แม่เด็กมาฝากครรภ์
เราต้องพูดให้เขาเข้าใจว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความทุกข์ ความเกิดก็ทุกข์
แล้วก็มีโอกาสตายได้ ปูพื้นไว้เลย บอกไว้เสียตั้งแต่ต้น แต่อย่างไรก็ตาม
หมอจะดูแลให้สุดฝีมือ
พูดอย่างนี้ไม่ถือว่าเราไปทำให้แม่เด็กจิตใจเศร้าหมองหรือท้อแท้
แต่นี่เป็นความจริงประจำโลก ให้แม่ให้พ่อเด็กทำใจตรงนี้เสียก่อน
แล้วต่อไปถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เราก็เอาตัวรอดได้ง่าย นอกจากนี้
พ่อแม่เขาจะได้ไม่ผิดหวังจนเกินไป และในขณะที่ดูแลคนไข้ที่ตั้งครรภ์
เราก็ให้กำลังใจเขาเป็นการป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่งว่า ตอนนี้ตัวคุณมี ๒ ชีวิต
เพราะฉะนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน จะทำอะไรก็ตาม จะมีผลกระทบถึงลูกทั้งนั้น
ถ้าแม่สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิก่อนนอน รักษาอารมณ์ให้ดี ไม่โกรธใครเลยทั้งวันทั้งคืน
อิ่มเอิบใจตลอด มีบุญมาเลี้ยงใจตลอด เด็กในท้องก็พลอยมีบุญไปหล่อเลี้ยงด้วย เพราะเลือดทุกหยดทุกหยาดในตัวแม่ที่ไปหล่อเลี้ยงชีวิตลูกเป็นเลือดที่สะอาด
ตรงกันข้าม ถ้าแม่กินเหล้า สูบบุหรี่
รวมทั้งโดนพ่อเตะมาด้วย แม่ก็บอบช้ำ ลูกก็ยิ่งช้ำชอก หนักเข้าไปอีก
ดังนั้นแม่จะต้องถนอมตัวเองให้มากที่สุด
แล้วก็อยู่ในบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อเป็นหลักประกันให้แม่สุขภาพดี
โอกาสที่ลูกจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือตายกะทันหันตอนคลอดก็ยากหน่อย
แต่ว่าจะประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ เพราะไม่มีอะไรต้านทานแรงกรรมได้
ถ้าเด็กคนนี้มีกรรมหนัก ๆ ข้ามภพข้ามชาติมา เช่น เคยฆ่าสัตว์ที่เพิ่งจะเกิดใหม่ ๆ
หรือเคยฆ่าคนที่เขาตั้งครรภ์อยู่ ถึงคราวจะเกิด ก็จะเจอบ้าง แม้ไม่มีใครฆ่า
ก็มีเหตุให้ตายปุบปับได้เหมือนกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ชีวิตของคนเราไม่ได้ยาวเป็นวัน
เป็นเดือน เป็นปี เป็นสิบปี ยี่สิบปี ร้อยปี อย่างที่ใครคิดหรอก อายุจริง ๆ
ของมนุษย์ก็แค่ช่วงหายใจเข้า หายใจออกเท่านั้น คนเราหายใจเข้าทีหนึ่งยาวเท่าไร
หายใจออกทีหนึ่งยาวเท่าไร นั่นคืออายุจริงของมนุษย์
แล้วมนุษย์ก็ต่ออายุตนเองเหมือนต่อวีซ่า คือ ต่อเป็นช่วง ๆ ช่วงละลมหายใจเข้าออก
นี่คือ ข้อแท้จริงของชีวิต
ความตายไม่มีเครื่องหมายบอกให้รู้ล่วงหน้า
เห็นกันตอนเช้า ตอนสายตายก็มี เห็นกันตอนสาย ตอนบ่ายตายก็มี
ตอนบ่ายเพิ่งคุยกันอยู่ ตอนเย็นตายเสียแล้วก็มี เห็นกันตอนเย็น
ตกกลางคืนโทรศัพท์กริ๊งกร๊างมาบอกว่าตายเสียแล้ว
ไม่มีเครื่องหมายบอกให้รู้ล่วงหน้า จะตายเมื่อไรขึ้นอยู่กับบุญในตัว
หมดบุญเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น เหมือนกับตะเกียง น้ำมันหมดก็ดับวูบไป
แต่น้ำมันเรายังเอาเครื่องไปชั่ง ไปตวง ไปวัดได้ว่ายังมีอยู่กี่ลิตร กี่ซี.ซี.
ส่วนบุญในตัวมีเท่าไรหาเครื่องวัดไม่ได้ เพราะฉะนั้น จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้
จะตายที่ไหนก็ไม่รู้ บางคนอุตส่าห์เตรียมโลงเอาไว้อย่างดี แต่ไปตายในต่างประเทศ
ผลสุดท้ายโลงที่เตรียมไว้ที่เมืองไทยก็ไม่ได้ใช้
เมื่อเรารู้อย่างนี้ เราก็เล่าให้คนไข้ฟัง
จะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ แต่ไม่ต้องจำเพาะเจาะจงไปถึงเด็กที่จะเกิดว่าจะตายหรือไม่ตาย
แต่คุยกันเรื่องธรรมะให้อุ่นใจ
ในเวลาเดียวกันก็บอกให้เขารู้จักความจริงของชีวิตว่า ชีวิตนี้เป็นทุกข์
ทุกข์เพราะเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นของประจำโลก ค่อย ๆ คุยให้เขาซึมซับไป
ยิ่งกว่านั้น คุณหมอควรแนะนำคนไข้ให้สวดมนต์
ไหว้พระ ตักบาตร ทำบุญทำทาน ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา
ให้ความรู้ทางธรรมแก่เขาอย่างเต็มที่ แล้วในที่สุดถ้าลูกของเขาคลอดออกมาแล้วตาย
เขาก็จะยอมรับได้ว่าขึ้นอยู่กับบุญกรรมของเด็กด้วย แม่ก็ประคองครรภ์มาสุดฝีมือ
หมอก็ดูแลรักษาสุดฝีมือแล้ว แต่กำลังบุญของเด็กมีเท่านั้น จะไปโทษใครได้
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๐๑
เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
อธิบายอย่างไร ให้คนสบายใจ
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:25
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: