เข้าพรรษา รักษาอุโบสถ
" ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิตที่เห็นได้ยาก
ละเอียดยิ่งนัก มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่
เพราะว่าจิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้"
ต้นหญ้าเล็ก
ๆ ที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หากขาดคนดูแล ปล่อยให้ใบไม้ทับถมหญ้าทุก ๆ วัน
ทำให้หญ้าไม่มีโอกาสได้รับออกซิเจนหญ้าสีเขียวย่อมเหี่ยวเฉาตายไปในที่สุดฉันใด
จิตใจที่ถูกความโลภ โกรธ หลง ครอบงำทุกวัน โดยเจ้าตัวไม่หาโอกาสขจัดออกไป
จิตนั้นย่อมมัวหมอง ระทมทุกข์ได้ฉันนั้น
ความสุขของมนุษย์เริ่มต้นจากจิตใจที่ดีงามใสบริสุทธิ์
ถ้าจิตบริสุทธิ์มากย่อมมีความสุขมาก พระบรมศาสดาทรงสอนให้เราหมั่นตามรักษาจิต หากไม่ฝึกฝนอบรมจิตให้ดีแล้ว
จะส่งผลเสียให้ถึงคนรอบตัว ธรรมชาติของจิตมีปกติดิ้นรนเหมือนลิง คือไม่ชอบอยู่นิ่ง
ถ้าไม่ควบคุมให้ดี มักจะดิ้นรนซัดส่ายไปหากิเลส ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องเดือดร้อนอยู่ร่ำไป
ผู้ปรารถนาความสุขจึงต้องเริ่มต้นที่การฝึกใจ เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วจึงนำสุขมาให้
งูพิษรักษาอุโบสถ
มีเรื่องเล่าว่า
มีงูพิษตัวหนึ่งเลื้อยออกจากป่าไปหาเหยื่อตามทุ่งนา ขณะเดียวกัน
โคตัวหนึ่งกำลังขวิดจอมปลวกเล่นอยู่ งูกลัวจะถูกเหยียบจึงรีบเลื้อยไปหลบอยู่ในจอมปลวก
แต่เลื้อยหลบไม่พ้นจึงถูกโคเหยียบหาง มันโกรธจัด จึงฉกโคแล้วพ่นพิษใส่
ทำให้โคล้มตายในทันที เจ้าของเห็นโคของตนตายก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจมาก
จึงขุดหลุมฝังมันด้วยความอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก เมื่อเจ้าของโคกลับไปแล้ว
งูได้สำนึกผิดว่า "เพราะความโกรธของเราแท้
ๆ ทำให้โคตัวนี้ตาย ผู้คนต้องมาโศกเศร้าเสียใจไปด้วย หากเราข่มความโกรธไว้ไม่ได้
เราจะไม่ยอมออกหาอาหารอย่างเด็ดขาด" จากนั้น มันได้เลื้อยเข้าไปในอาศรมของฤๅษี
นอนสมาทานอุโบสถศีลเพื่อข่มความโกรธตามที่ตั้งใจไว้
สุนัขรักษาอุโบสถ
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเที่ยวหาอาหาร
เห็นช้างตายอยู่ข้างทาง มันดีใจคิดว่า เป็นลาภลอยชิ้นใหญ่ของเราแล้ว เลียปากแผล็บ ๆ
แล้วตรงรี่เข้าไปกัดที่งวง แต่กัดไม่เข้า จึงเปลี่ยนไปแทะที่งา ก็รู้สึกเหมือนกับแทะแผ่นหิน
กัดที่หาง ก็รู้สึกเหมือนกัดสากตำข้าว ครั้นกัดช่องทวารหนัก
ก็รู้สึกว่าได้กินเนื้อนุ่ม ๆ จึงเกิดติดใจมุดเข้าไปอยู่ข้างในท้องช้าง
แล้วกัดกินเครื่องในอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่ออิ่มแล้วมันจึงยึดท้องช้างนั้นเป็นที่พักผ่อนนอนหลับไม่ยอมออกไปไหนเลย หลายวันผ่านไป
ซากของช้างเริ่มแห้งลง ทำให้ช่องทวารหนักถูกปิด มันจึงติดอยู่ข้างในหาทางออกไม่ได้
วันหนึ่ง ฝนตกหนักทำให้ช่องทวารหนักของช้างอ่อนตัวลง
สุนัขจิ้งจอกจึงรีบตะเกียกตะกายออกไปจนสุดกำลัง เมื่อรอดชีวิตมาได้ มันสอนตนเองว่า
"เพราะความโลภแท้ๆ
ทำให้แทบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าเราข่มความโลภไม่ได้ เราจะไม่ยอมออกหากินเด็ดขาด" จากนั้น
มันได้ไปนอนสมาทานอุโบสถเพื่อข่มความโลภที่อาศรมของฤๅษี
หมีป่ารักษาอุโบสถ
ฝ่ายเจ้าหมีป่าตัวใหญ่ล่ำบึ้กตัวหนึ่งไม่พอใจในถิ่นที่อยู่ของตน
เพราะรู้สึกว่าอยู่ในป่าไม่สนุก เพราะหาคู่ทดลองกำลังไม่ได้
อยากทดลองไปเที่ยวในถิ่นของมนุษย์บ้าง เผื่อจะได้เจอประสบการณ์พิเศษ ๆ บ้าง
จึงออกจากป่าไปหากินตามแถบชนบท พวกชาวบ้านเห็นจึงพากันเอาธนูยิงใส่
เอาไม้พลองทุบตีจนเลือดไหลอาบทั้งตัว เจ้าหมีได้แต่แยกเขี้ยว
แต่ไม่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้เลย จึงต้องรีบเผ่นอ้าวหนีเข้าป่าชนิดหางจุกตูดทีเดียว
เมื่อหลบหนีเงื้อมมือมนุษย์มาได้ มันได้คิดว่า "เป็นเพราะเราไม่รู้จักประมาณตนแท้ๆ
จึงต้องได้รับความเจ็บปวดปางตายถึงเพียงนี้" จากนั้น มันได้ไปสมาทานอุโบสถศีลที่อาศรมของฤๅษี
เพื่อข่มความทะยานอยากของตน
ฤๅษีรักษาอุโบสถ
ฝ่ายฤๅษีโพธิสัตว์กำลังมัวเมาอยู่ในอำนาจมานะ
ถือตัวว่าตนเองมีชาติตระกูลสูง จึงไม่หมั่นเจริญสมาธิภาวนา
แม้จะแสดงตนว่าเป็นนักบวชที่เคร่งครัด แต่มีจิตใจฟุ้งซ่าน
ไม่สามารถทำฌานสมาบัติให้บังเกิดขึ้นได้ ขณะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งหวังจะอนุเคราะห์ท่านฤๅษีเพราะเห็นว่าบำเพ็ญบารมีมานาน
จึงมาปรากฏกายให้เห็น พร้อมทั้งแนะนำให้รีบเร่งทำความเพียร
หมั่นสำรวมระวังจิตให้ดี อย่าได้ประมาท แต่ท่านกลับไม่เชื่อ
เพราะถือตัวว่าเป็นนักบวชเหมือนกัน
พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงได้เหาะขึ้นไปในอากาศให้เห็นด้วยตาเนื้อกันจะจะเลยทีเดียว
ท่านฤๅษีเห็นความอัศจรรย์เช่นนั้นก็ได้สติและเกิดความสลดใจว่า "ท่านผู้นี้เป็นสมณะ
มีสรีระหนักแต่สามารถเหาะไปในอากาศได้เหมือนปุยนุ่น ส่วนเรามัวแต่ถือตัว
จึงไม่มีคุณวิเศษอะไร ชาติตระกูลจะช่วยอะไรได้ ศีลและจรณะเท่านั้นเป็นใหญ่
เมื่อทิฐิมานะของเรายังพอกพูนอยู่เช่นนี้ก็มีแต่จะพาเราไปสู่นรก ฉะนั้น
หากเรายังข่มมานะไม่ได้ เราจะไม่ไปหาผลไม้มาขบฉันอย่างเด็ดขาด"
ท่านรีบเข้าสู่บรรณศาลาสมาทานอุโบสถศีลเพื่อข่มมานะ
นั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์ เพียงไม่กี่วันก็สามารถทำใจหยุดนิ่งจนได้อภิญญาสมาบัติ
แล้วจึงเหาะไปหาผลไม้มาฉันตามปกติ เมื่อท่านเห็นสัตว์ทั้งสามที่มาสมาทานอุโบสถศีลเพื่อข่มจิต
ท่านเมตตาสั่งสอนให้ตั้งใจรักษาอุโบสถศีลไว้ให้มั่น ภพชาติต่อไปจะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานอีก
เราจะเห็นได้ว่า
ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์
หากรู้จักรักษาจิตแล้วย่อมก่อให้เกิดผลดีทั้งต่อตนเองและเพื่อนร่วมโลก
เหตุที่มนุษย์เกิดมามีความแตกต่างกัน เพราะได้ทำกรรมที่แตกต่างกัน
การกระทำที่แตกต่างกันนั้นก็มาจากจิตใจที่ต่างกัน เพราะใจเป็นบ่อเกิดของคำพูดและการกระทำ
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชติ กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ให้แตกต่างกัน
กรรมที่แตกต่างกันเพราะกิเลสทำให้จิตไม่บริสุทธิ์ เมื่อจิตไม่บริสุทธิ์ผ่องใสแล้ว
คำพูดหรือการกระทำก็ไม่บริสุทธิ์ไปด้วย การตามรักษาจิตให้ผ่องใสเป็นภารกิจหลักของตัวเราเองแล้วความผ่องใสนี้จะแผ่ขยายไปสู่คนรอบข้างและสังคมโลก
ลูกพระธัมฯ
รักษาอุโบสถ
ในพรรษานี้ ลูกพระธัมฯ
ทั่วโลกควรให้โอกาสกับตนเองในการเข้าอยู่จำอุโบสถ ซึ่งมีวิธีการง่ายๆ คือสมาทานศีล
๘ ในวันพระ ๘ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ เป็นประจำ แม้ไม่ได้ไปอยู่อุโบสถศีลที่วัดเหมือนคุณตาคุณยาย
ก็ถือว่ารักษาอุโบสถได้เหมือนกันเพราะถ้าเป็นความดีที่เราตั้งใจจะทำเป็นประจำ
และลงมือทำจนสำเร็จ สิ่งนั้นได้ชื่อว่าอุโบสถ
เหมือนสัตว์ร้ายที่ปฏิญาณตนว่าจะละความโลภ ความโกรธ แล้วอยู่จำอุโบสถนั้นแหละ
การบอกตัวเองว่าจะนั่งธรรมะให้ได้ทุกวันก็ถือว่าเป็นอุโบสถ นี่คือวิธีการอันประเสริฐที่จะทำให้จิตดวงนี้เป็นจิตที่ประภัสสรสว่างไสวและใสบริสุทธิ์
เป็นใจที่เหมาะสมต่อการเข้าถึงที่พึ่งอันประเสริฐภายใน คือ พระธรรมกาย
"ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
มัจจุราชย่อมไม่เห็นบุคคลผู้พิจารณาเห็นโลกตามความเป็นจริง"
Cr. เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี
ป.ธ.๙
ภาพประกอบ
: กองพุทธศิลป์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๐๖
เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เข้าพรรษา รักษาอุโบสถ
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:30
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: