How to be happy easily เราจะหาความสุขอย่างง่ายๆได้อย่างไร

สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : Son Backhome e-mail: garaboon_jdai@hotmail.com



สิ่งที่ยอดเยี่ยมมักจะได้มายาก
หนทางที่ทอดยาวไปสู่ความยอดเยี่ยม
ไม่ได้ถูกปูไว้ด้วยกระเบื้องลายดอกไม้


  
ถ้อยคำนี้อาจเป็นทรรศนะการดำเนินชีวิตของใครหลาย ๆ คน บางคนแปะไว้หน้าประตูเรือนเพื่อให้มองเห็นก่อนออกไปทำงาน บางคนแปะไว้หน้าโต๊ะทำงานในระยะที่สายตามองเห็น ซึ่งมันก็เป็นกำลังใจที่ดี เพราะรายทางชีวิต
ที่เราดำเนินอยู่นี้ มักจะเจอกรวดหินมากกว่าดอกไม้
แต่ถ้อยคำดี ๆ บางคำ ก็เหมาะที่จะใช้ได้กับแค่บางเรื่องเท่านั้น เพราะสำหรับสิ่งที่ยอดเยี่ยมบางอย่าง คุณควรลบคำว่า "ยาก" ออกไป แล้วเขียนคำว่า "ง่าย" เข้ามาแทน อาทิเช่น เรื่องของการทำสมาธิ หนทางสู่ความสุขอันยอดเยี่ยมของมนุษย์ เพราะการนั่งสมาธินั้นง่ายมาก ๆ
บุคคลที่ช่วยยืนยันความจริงข้อนี้อีกท่าน คือชาวนอร์เวย์ อายุ ๗๓ ปี ชื่อ คุณคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณรู้สึกคุ้น ๆ กับนามสกุลของท่าน เพราะท่านคือบิดาของคุณซิคเว่ เบร็คเก้ ซึ่งเป็น CEO ผู้เปรื่องปราชญ์แห่งยุคของ DTAC นั่นเอง
ชีวิตเริ่มต้นของคุณลุงคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ก็ไม่ได้ปูด้วยกระเบื้องลายดอกไม้ เหมือนใครหลาย ๆ คน ท่านเกิดในครอบครัวของเกษตรกร เคยดูแลเลี้ยงแกะเป็นร้อยตัว และที่ฟาร์มนั้นได้เปิดให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และในช่วงหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต ก็เคยเป็นคุณครูนานนับ ๑๐ ปี จากนั้นได้ก้าวมาสู่งานสังคมมากขึ้น ในสายการเมืองการปกครอง เริ่มจากระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ และเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาฝ่ายพลังงาน คณะกรรมาธิการ ฝ่ายความยุติธรรมอีกด้วย
คุณลุงคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ได้มาเมืองไทยครั้งแรก เมื่อ ๖ เดือนที่แล้ว มาเยี่ยมลูกชายสุดรัก คือ คุณซิคเว่ เบร็คเก้ซึ่งทำงานเป็น CEO ของ DTAC อยู่ที่เมืองไทย ดูเหมือนว่าลูกชายของท่านจะชอบเมืองไทยมาก ๆ เขาบอกว่า "พ่อมาเมืองไทยซักครั้งเถอะ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น" พอเดือนมิถุนายน คุณลุงคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ก็ได้มาอยู่เมืองไทยสองสัปดาห์ และได้เล่าถึงความประทับใจในคราวที่มาเมืองไทยครั้งนั้นให้ฟังว่า
"วันหนึ่ง ผมได้ไปเยี่ยมชมอาณาจักรโบราณแห่งกรุงศรีอยุธยาด้วยตัวเอง แล้วผมก็หลงรักเข้าเต็มเปา ผมชอบทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารไทย วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย คนไทย แต่ถ้าให้ผมเลือกจริง ๆ ว่า "ชอบอะไรที่สุด" บางทีผมอาจจะตอบว่า "ประเทศไทยไม่มีหิมะกระมัง" เพราะที่นอร์เวย์หนาวมาก ผมไม่ชอบหิมะเลยครับ" และที่สำคัญสิ่งที่คุณลุงคนุทประทับใจที่สุดก็คือ เมืองไทยมีพระพุทธศาสนา
"ผมสนใจพระพุทธศาสนามานาน และคิดว่าทุกศาสนาดีหมด แต่พระพุทธศาสนาแตกต่างออกไปเพราะในคำสอนมีแต่เรื่องราวของสันติภาพ ความรัก และความสงบสุข เมื่อมองดูปัญหาต่าง ๆ ทั่วโลก เราจะพบว่าส่วนมากเกิดจากความขัดแย้งระหว่างศาสนา แต่เราจะไม่เจอในศาสนาพุทธเลย ศาสนาพุทธไม่เคยก่อสงคราม ไม่รุกรานใคร ที่สำคัญที่สุด พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสมาธิครับ ผมจึงรู้สึกว่า เมืองไทยนอกจากจะเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาแล้วยังเป็นดินแดนแห่งสันติภาพด้วยครับ"
จากการเยือนเมืองไทยคราวนั้น ทำให้คุณลุงคนุท รู้สึกว่า "มาเมืองไทยเพียงครั้งเดียวคงไม่พอเสียแล้ว" ท่านจึงได้ส่งจดหมายมาหาคุณบุญชัย เบญจรงคกุล ซึ่งเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนธุรกิจ (DTAC) ของคุณซิคเว่ว่า "ผมจะมาประเทศไทยอีกครั้ง อยากมาอยู่นาน ๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาศึกษาพระพุทธศาสนา อยากจะมาแสวงหาทางนิพพาน" แล้วคุณบุญชัย เบญจรงคกุล ก็ได้ตั้งใจมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่คุณลุงคนุท นั่นคือ การนั่งสมาธิในโครงการ The Middle Way ที่จังหวัดเชียงใหม่
และนี่คือประสบการณ์ภายในของคุณลุงคนุทอาร์ลิง เบร็คเก้ เมื่อได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรม
"ผมชอบเมืองไทยมาก ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ผมเกิดความรู้สึกที่ Deep impression (ประทับใจอย่างสุดซึ้ง) ผมรู้สึกโชคดีกว่าชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ที่มาเมืองไทยอย่างผิวเผิน แต่ผมได้มาเมืองไทยแบบเข้าถึงแก่นวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง วัฒนธรรมไทยเป็นของมีค่า ผมสัมผัสได้ถึงความมีไมตรีจิตที่ทุกคนมอบให้จากรอยยิ้ม และการไหว้ ช่างเต็มไปด้วยมิตรภาพ และเรื่องอาหารผมได้รับความสะดวกจากกัลฯ วรรณา จิรกิติ เตรียมให้เป็นอย่างดี ทั้งขนมปังสปาเกตตี และอาหารไทย เธอเตรียมให้ทุกอย่างจนผมแฮปปี้มาก ๆ
ในวันแรกของการปฏิบัติธรรม คือ วันที่ ๔ ธันวาคม ที่ผ่านมา พระอาจารย์ได้แนะนำให้ผมรู้จัก Center of the body
คือ ศูนย์กลางกาย วันนี้ ผมสามารถนึกถึงบับเบิล (Bubble หรือ ฟองสบู่) ไว้ที่ศูนย์กลางกายได้อย่างนุ่มนวล ผมรู้สึกว่า
การนั่งสมาธินั้นง่าย เพียงแค่ผมนั่งลง แล้วก็หลับตาเบา ๆ พร้อมกับขจัดความคิดในหัวสมองให้หายไป จากนั้นผมก็แค่เอาใจมาวางนิ่ง ๆ และภาวนา "สัมมาอะระหัง" มันง่ายมาก
ในขณะนั้น ผมรู้สึกว่า ใจของผมสะอาด บางที เหมือนกับเคลิ้มหลับไป ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างมหัศจรรย์ สัมผัสได้
ถึงสันติภาพภายใน ซึ่งไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่า สันติภาพนั้นสัมผัสได้ และ วันต่อมา คือวันที่ ๕ ธันวาคม ได้มีกิจกรรมเป่าบับเบิล ร่วมกับคณะปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์ ผมใจสบายมาก สามารถย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้งและนึกถึงบับเบิลในกลางท้องได้ชัดเจนเหมือนกับที่ผมลืมตาเห็น

ศาสนาพุทธไม่เคยก่อสงคราม ไม่รุกรานใคร ที่สำคัญที่สุด พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสมาธิครับ


"ทั้งชีวิต ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย
แต่ประสบการณ์ที่ได้จากสมาธินั้นเป็นสิ่งที่ใหม่จริงๆ
และสมาธิยังมีอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีกมาก ผมสนุกกับการเรียนรู้นี้เสียด้วย
ชีวิตมนุษย์ทุกคนจะเริ่มต้น ได้ก็ต่อเมื่อได้นั่งลง และหลับตาเบาๆ
นึกถึงดวงตะวันที่กลางกาย ซึ่งมันง่ายสำหรับทุกๆ
คนมากเลย
        
ต่อมาวันที่ ๖ ธันวาคม พระอาจารย์แนะนำให้รู้จักการแผ่ความรักความเมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผมสามารถเห็น
บับเบิลผุดเป็นสายอยู่ภายในเหมือนเมื่อตอนที่ผมเป่าได้ และขยายให้กว้างออกไปคลุมห้องปฏิบัติธรรมได้
(แต่ก็ติดอยู่ที่กำแพง) และเช้าวันที่ ๗ ธันวาคม ผมวางใจสบาย ๆ นึกบับเบิลไว้ที่กลางท้อง และค่อย ๆ ขยายบับเบิล ออกไปเรื่อย ๆ คลุมห้องปฏิบัติธรรมจนทะลุกำแพงออกไปได้ ผมยังขยายต่อไปคลุมสวนพนาวัฒน์ จนขยายคลุมโลกใบนี้ได้ ผมมีความสุขมาก ๆ happier สุขมากกว่า happy สุขยิ่งกว่าสุข และปรารถนาให้คนทั้งโลกมีความสุขด้วย
บ่อยครั้งที่มนุษย์มักทำเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นเรื่องยาก และไม่ฉลาดที่จะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ดังนั้นชีวิตจึง
พบกับเรื่องยาก ๆ อย่างไม่รู้จบ ซึ่งบางทีเราอาจจะยังขาดบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตไป คือ บทเรียนที่ว่าด้วยการ
ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และการทำเรื่องง่ายอย่างง่าย ๆ เราสามารถก้าวไปสู่สุขอันยอดเยี่ยมได้โดยไม่ต้อง
มองหากระเบื้องลายดอกไม้ไว้รองทางเดิน ดังประสบการณ์ที่คุณลุงคนุทได้ให้ข้อคิดไว้
"ทั้งชีวิต ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย แต่ประสบการณ์ที่ได้จากสมาธินั้นเป็นสิ่งที่ใหม่จริง ๆ และสมาธิยัง
มีอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีกมาก ผมสนุกกับการเรียนรู้นี้เสียด้วย ชีวิตมนุษย์ทุกคนจะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อได้นั่งลง
และหลับตาเบา ๆ นึกถึงดวงตะวันที่กลางกาย ซึ่งมันง่ายสำหรับทุก ๆ คนมากเลย สมาธิจะทำให้คนเราเรียนรู้ว่า
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั้น จริง ๆ ควรจะเป็นอะไรบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่ผิด อะไรคือความรู้สึกชอบ อะไรคือความชั่ว และอะไรคือความดี ซึ่งชาวตะวันตกได้เสียเวลามากมาย เสียเวลาที่จะไปอ่านตำรา ร่ำเรียน แต่หารู้ไม่ว่าปรัชญาตะวันออก เช่น สมาธินั้น สามารถไขปัญหาข้อข้องใจเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจริง ๆ สมาธิเป็นแบบฝึกหัดที่ดีมาก ๆ ของชีวิต"
ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนทัศนคติบางอย่างของชีวิต เปลี่ยนถ้อยคำบางประโยคที่หน้าประตูเรือนหรือหน้าโต๊ะทำงานว่า "ถ้าชีวิตที่เรากำลังดำรงอยู่เป็นเรื่องลำบาก และความสุขในชีวิตหาได้ยากเกินไป จงนั่งลงและหลับตาเบา ๆ นึกถึงดวงตะวันที่กลางกาย แล้วคุณจะพบความสุขที่สัมผัสได้ ซึ่งมันง่ายสำหรับทุก ๆ คน"



Cr. เรื่อง : Son Backhome e-mail: garaboon_jdai@hotmail.com
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖๓ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑
How to be happy easily เราจะหาความสุขอย่างง่ายๆได้อย่างไร  How to be happy easily เราจะหาความสุขอย่างง่ายๆได้อย่างไร Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:07 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.