แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กับพิธีมอบองค์พระธรรมกาย ๒๕๐ องค์ แก่วัดในบังกลาเทศ

หาดูไม่ง่ายนัก สำหรับภาพการประดิษฐานองค์พระธรรมกายในต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกมุสลิมอย่างบังกลาเทศ ที่แม้ไม่ใช่พี่ใหญ่ด้านจีดีพี แต่ก็ใหญ่ด้วยจำนวนประชากรที่เป็นมุสลิมเกิน ๑๐๐ ล้านคน (มากกว่าคนไทยทั้งประเทศเสียอีก) ด้วยจำนวนของ องค์พระที่มากถึง ๒๕๐ องค์ ตามคำขอของคณะสงฆ์บังกลาเทศ งานมอบองค์พระจากมูลนิธิธรรมกาย เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายในสนามกีฬาโปโล เมืองจิตตะกอง จึงไม่ต่างจากงานรวมรุ่นที่ชาวพุทธทั้งประเทศไม่มีใครยอมผิดนัด

" อาตมาปลื้มปีติมาก นี่คือความใฝ่ฝันที่จะได้รับพระองค์ใหม่ และตอนนี้ฝันนั้นเป็นจริงแล้ว " เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่กำลังปีติ ซึ่งไม่เป็นเรื่องแปลก หากทราบมาก่อนว่า บังกลาเทศหลายวัดยังไม่มีองค์พระ บางวัดอยู่มานับร้อยปีไม่เคยสัมผัสพระองค์ใหม่เลยสักครั้ง

สิ่งเหล่านี้ คือผลพวงจากอดีตที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เมื่อชาวพุทธต้องกลายเป็นคนส่วนน้อย ทำให้สถานการณ์พระพุทธศาสนาในปัจจุบันอยู่ในภาวะต้องเร่งฟื้นฟู ในขณะที่คนส่วนใหญ่มีรายได้เพียงน้อยนิดและต้องเร่งทำมาหากิน

บินอด คินตี บารัว ชาวพุทธคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "ทุกวันนี้ พวกเรายังคงเดินตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่พูดโกหก ถือศีล ๕ และ ศีล ๘" การหยัดสู้ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนดูจะเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาจะทิ้งตัวอย่างไว้ให้ลูกหลานรับช่วงต่อไป

แต่วันนี้ ดูเหมือนว่าแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะองค์พระธรรมกายที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเมตตามอบให้ครั้งนี้ มิได้ตอบโจทย์แต่เพียงการถวายถาวรวัตถุให้ครอบคลุมถึงชาวพุทธทั่วประเทศ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เมื่อใดที่ทุกคนนำพระภายนอกมาตรึกระลึกที่กลางกายอยู่เสมอ สักวันจะพบแสงสว่าง เข้าถึงพระภายใน อันเป็นความรู้ดั้งเดิมที่สมบูรณ์แบบและเคยสูญหายไปจากแผ่นดินผืนนี้

ล่าสุด พระดร.จินาโพธิ มหาเถระ (ผู้ริเริ่มการขอองค์พระธรรมกาย) และพระสงฆ์อีกหลายวัดกำลังเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริง ความฝันที่จะเห็นแสงสว่างภายในตัวกลับมา และวันใดที่เกิดขึ้น นั่นคือการกลับมาของพระพุทธศาสนา นั่นคือการกลับมาของคนดีระดับต้นแบบ เพื่อมอบคำตอบอันมีค่าให้แก่ลูกหลานว่า พวกเขา...มาเกิดบนโลกนี้ทำไม