บวชเป็นพระ ใจผูกพันพระ
บวชเป็นพระ ใจผูกพันพระ
สลัดละจากเครื่องจองจำ
ในสมัยพุทธกาล
ทหารได้จับโจรผู้ตัดช่องย่องเบาและฆ่าผู้คนในหนทาง นำเข้าถวายพระเจ้าโกศล
พระราชามีรับสั่งให้จองจำพวกโจรเหล่านั้นด้วยเครื่องจองจำ คือ ขื่อคา เชือก และโซ่
เช้าวันต่อมา มีพระภิกษุชาวชนบทประมาณ ๓๐
รูป ออกเดินบิณฑบาตผ่านไปทางเรือนจำ
มองเห็นพวกโจรเหล่านั้นอยู่ในเครื่องจองจำอย่างหนาแน่น น่าเวทนายิ่ง
..พอเวลาเย็นก็ได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้พวกข้าพระพุทธเจ้าออกบิณฑบาตได้เห็นพวกโจรมากมายที่เรือนจำ ถูกจองจำด้วยขื่อคาและเชือก เป็นต้น ต่างก็เสวยทุกข์ใหญ่หลวง พวกโจรเหล่านั้นไม่สามารถจะตัดเครื่องจองจำเหล่านั้นหนีไปได้
ยังมีเครื่องจองจำอย่างอื่นที่มั่นคงกว่าเครื่องจองจำเหล่านั้นอีกหรือไม่
พระเจ้าข้า"
พระศาสดาตรัสว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เครื่องจองจำเหล่านั้นจะชื่อว่าเครื่องจองจำอะไรกัน ส่วนเครื่องจองจำคือกิเลส ได้แก่ ตัณหาในทรัพย์ ในข้าวเปลือก ในบุตรภรรยา เป็นต้น นี่แหละ
มั่นคงยิ่งกว่าเครื่องจองจำเหล่านั้นตั้งร้อยเท่า พันเท่า
แต่เครื่องจองจำนี้แม้ใหญ่หลวง ตัดได้ยากอย่างนี้ บัณฑิตแต่ก่อนยังตัดได้" แล้วทรงนำเรื่องในอดีต มาตรัสเล่าให้ฟัง..
ก่อนที่เราจะได้ฟังเรื่องราวในอดีตเหล่านั้น
มีเรื่องราวหนึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน เรื่องราวของท่าน
พาให้เรานึกถึงการสลัดตนจากเรือนเหมือนเมื่อครั้งพุทธกาลทีเดียว
พระธรรมทายาทสุริยา นฺนทาคโม อายุ ๒๕ ปี จากศูนย์อบรมวัดปางไคร้ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย |
...ก่อนมาบวช อาตมาฝันเรื่องเดียวซ้ำ ๆ
ติดต่อกันถึง ๔ วัน คือ ฝันว่าตัวเองนุ่งห่มผ้าเหลือง
และไปวัดแห่งหนึ่งซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน วัดแห่งนั้นมีคนไปปฏิบัติธรรม
และมีพระไปบวชเป็นจำนวนมาก พออาตมานำความฝันนี้ไปเล่าให้เทพธิดาข้างกายฟัง
เธอก็บอกว่า "ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก" แต่ใจอาตมากลับคิดถึงแต่เรื่องบวช อาตมาจึงโทรศัพท์ไปเล่าให้พ่อฟังและบอกท่านว่า "ผมอยากบวช" ท่านก็บอกว่า "มีลูกมีครอบครัวแล้ว จะบวชทำไม ไปทำบุญก็น่าจะพอ" แต่อาตมาคิดถึงแต่วัด คิดแต่เรื่องบวชทั้งวัน คิดจนกลุ้มใจ เครียดทั้งวันเลย พอกลับจากที่ทำงาน
ก็ไปบอกเทพธิดาข้างกายอีกว่า "ขอไปบวชสัก ๗ วันได้มั้ย" เธอก็ไม่ยอม เธอกลัวว่าถ้าบวชแล้วจะไม่สึก แล้วคืนนั้นอาตมาก็ฝันอีกว่า มีพระรูปหนึ่งเอาผ้าจีวรมาห่มให้ ผ้าจีวรนั้น มีแต่ภาพพระพุทธเจ้าเต็มไปหมด พอตื่นขึ้นมา อาตมาก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องบวชให้ได้
จึงโทรไปหาป้าขอให้หาวัดให้ แล้วอาตมาก็เก็บกระเป๋าเสื้อผ้า
บอกลาเทพธิดาข้างกายว่า "จะไปบวชแล้วนะ" เธอก็ร้องไห้เสียงดังมาก แล้วมาแย่งกระเป๋าในมืออาตมา อาตมาก็ยื้อคืน เธอร้องไห้ปานจะขาดใจ แต่อาตมาก็เดินจากมาแบบไม่หันหลังกลับ แม้จะดูเหมือนคนใจดำ แต่อาตมารู้ว่า
อาตมากำลังจะทำอะไร พอไปถึงเชียงราย ก็ไปที่วัดที่ป้า หาให้
แต่พอไปถึงพระที่วัดกลับแนะนำให้อาตมาไปที่วัดปางไคร้ เพราะจะได้อุปสมบทหมู่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
พอไปถึงอาตมาก็โกนหัวอยู่วัดทันที อาตมาบวชท่ามกลางความไม่เข้าใจของคนในครอบครัว
ทุกคนโกรธที่อาตมาทิ้งทุกอย่างมาอย่างไม่อาลัย แต่ใจอาตมากลับสงบ เยือกเย็นมาก
อาตมาปล่อยวางทุกอย่าง ได้แต่อธิษฐานจิตขอให้ทุกคนเข้าใจ หายโกรธ
ให้ได้บุญด้วยกันมาก ๆ
อาตมาสนุกกับการนั่งสมาธิมาก
ชอบดึงใจให้มาอยู่ที่จุดศูนย์กลางกาย โดยจะภาวนา "สัมมาอะระหัง" ไปเรื่อย ๆ แล้วก็นึกตามที่หลวงพ่อสอน โดยนึกว่ามีเส้นด้ายสองเส้นตัดกันที่กลางท้อง แล้วก็นึกให้มีลูกแก้วใส ๆ วางอยู่ตรงนั้น พอ "สัมมาอะระหัง" ไป จิตใจก็จะว่างเปล่า ใจมันสงบไปเอง ในหัวก็ไม่มีอะไรสักอย่าง จนวันหนึ่ง ขณะที่ใจกำลังว่างเปล่า อยู่ ๆ
ก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นที่กลางท้อง แล้วก็เห็นหลวงปู่พระมงคลเทพมุนีผุดขึ้นมาชัดมาก
มีแสงรัศมีออกมาจากตัวท่านด้วย ท่านยิ้มให้อาตมา
อาตมาก็นึกเอาใจของตัวเองไปใส่ไว้ในมือของท่าน แล้วก็นิมนต์ท่านว่า "หลวงปู่ครับช่วยประคองดวงใจของผมหน่อยครับ
อย่าให้ฟุ้งซ่านเลย" แล้วใจอาตมาก็นิ่งไป รู้สึกเย็นสบายที่กลางท้อง ตัวเบาเหมือนลอยอยู่ในอากาศ แล้วก็เห็นลูกแก้วผุดพุ่งขึ้นมาเหมือนน้ำที่พุ่งขึ้นมาจากท่อเป็นลูกกลม ๆ เล็กเท่าแก้วตาดำ ใสมาก สว่างมาก แต่ไม่นานพระอาจารย์ก็สัพเพ
และวันที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตอีกวันก็มาถึง
ตอนนั้นอาตมารู้สึกปล่อยวางมาก ภาวนา “สัมมาอะระหัง” ไป ใจก็สงบ แล้วแสงสว่างก็มาเลย ต่อมาอาตมารู้สึกเหมือนหล่นวูบ โดนดูดลงไปเหมือนเวลาเราตกเบ็ดแล้วปลาดึงเบ็ดไป
พอนั่งไปอีกก็เห็นองค์พระผุดขึ้นมาในลูกแก้วใส ๆ ผุดขึ้นมาเหมือนน้ำที่พุ่งขึ้นมาจากท่อเป็นดวงกลม
ๆ ใสแจ๋ว เท่าฟองไข่แดง พอทำใจนิ่ง ๆ ความสว่างก็มากขึ้น แล้วแสงที่อยู่ในตัวพระก็สว่างขึ้นจนทะลุลูกแก้วออกมา
องค์พระก็ใสมาก สวยมาก มองแล้วสบายตามาก เวลามองลงไปก็จะเห็นแสงสว่างเป็นวงซ้อน ๆ
กันแทงขึ้นมาจากข้างล่าง ผ่านหน้าอาตมาไปเร็วมาก พอประคองใจนิ่ง ๆ ไม่คิดอะไร
ก็มีพระอีกองค์ซ้อนตัวขึ้นมา ใหญ่ขึ้นเหมือนจะทะลุตัวอาตมาไป
ตอนนั้นอาตมาเหมือนอยู่ในที่ที่มีแต่ความสุข แล้ว ใจก็นิ่งสุด ๆ
นิ่งเหมือนเรานอนหลับ ไม่รับรู้อะไร ไม่คิดอะไรเลย แล้วอาตมาก็จะยิ้มอยู่คนเดียว
จนเพื่อน ๆ ถามว่า "บ้าหรือเปล่า ยิ้มอยู่ได้คนเดียว" อาตมาก็คิดในใจว่า "ก็มันมีความสุขนี่ครับ"
ตอนนี้ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน ถ้าประคองใจไปที่ฐานที่
๗ อาตมาก็จะเห็นองค์พระที่มีดวงแก้วล้อมรอบแจ่มมาก มีแสงสว่างเยอะมากตลอดเวลา
อาตมารู้สึกรักองค์พระและดวงแก้วมาก ๆ เป็นความรักความผูกพันแบบที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนเลยในชีวิต...
เรื่องในอดีตที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าให้พระภิกษุทั้งหลายฟังนั้นมีใจความว่า
ในอดีตกาล
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลคหบดีตระกูลหนึ่ง ครั้นเจริญวัยแล้ว บิดาถึงแก่กรรม
พระโพธิสัตว์ได้ทำงานรับจ้างเลี้ยงมารดา ครั้งนั้น มารดาไปสู่ขอธิดาตระกูลหนึ่งมาไว้ในเรือนให้พระโพธิสัตว์
ทั้ง ๆ ที่พระโพธิสัตว์ไม่ต้องการ แล้วนางก็ถึงแก่กรรม
ฝ่ายภรรยาของพระโพธิสัตว์ก็ตั้งครรภ์
พระโพธิสัตว์ไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์จึงบอกว่า "ดูก่อนนาง เจ้าจงรับจ้างเขาเลี้ยงชีวิตเถิด ฉันจักบวชละ" นางจึงกล่าวว่า "ฉันตั้งครรภ์ เมื่อฉันคลอดแล้ว พี่เห็นเด็กแล้วก็บวชเถิด" พระโพธิสัตว์ก็รับคำ พอนางคลอดพระโพธิสัตว์จึงบอกว่า "น้องคลอดเรียบร้อยแล้ว พี่จักบวชละ" นางจึงกล่าวว่า "จงรอให้ลูกหย่านมเสียก่อนเถิด" แล้วก็ตั้งครรภ์อีก พระโพธิสัตว์ดำริว่า เราคงไม่อาจทำให้นางยินยอมให้เราจากไปได้ เราจะไม่บอกนางแล้ว เราจะหนีไปบวช พอตกกลางคืนก็ลุกหนีไป ออกทางประตูพระนคร แล้วไปอาศัยในที่แห่งหนึ่ง
ต่อมาเข้าป่าหิมพานต์บวชเป็นฤาษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด
เพลิดเพลินอยู่ด้วยฌาน พระโพธิสัตว์เมื่ออยู่ ณ ที่นั้น เปล่งอุทานว่า "เราได้ตัดเครื่องจองจำคือบุตรภรรยา เครื่องจองจำ คือกิเลสที่ตัดได้ยากเห็นปานนี้แล้ว"
นับแต่เกิดมา
เราถูกเครื่องผูกร้อยรัดผูกพันกันมาคนละไม่น้อย เครื่องผูกร้อยที่ว่า
ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน เราก็จักเป็นทาสให้มันพันธนาการไปตราบสิ้นชีวิต การได้มีโอกาสมาบวชเป็นพระ เราควรละความผูกพันในเหย้าเรือนทั้งหลาย
เหมือนบุคคลผู้ไม่ยินดีในน้ำลายที่ถ่มทิ้ง แล้วนำใจมาพันผูกกับองค์พระภายใน
ดังเช่น
พระธรรมทายาท ไทยแลนด์ คุตฺตมงฺคโล อายุ ๓๒ ปี ตัวแทนพระธรรมทายาทจากศูนย์อบรมวัดพระธรรมกาย ระเบียง ๒ |
..ขณะที่ยังไม่ได้บวช
วันหนึ่งอาตมากับพรรคพวกกำลังง่วนอยู่กับการหาปลาในคลอง
แต่วันนั้นไม่รู้เป็นอย่างไร หาปลาตั้งนานได้ไม่ถึง ๓ กิโล
ทั้งที่กลุ่มอื่นได้กันเป็นกระสอบ ๆ และแล้วอาตมาก็รู้สาเหตุ
เพราะน้องที่มาด้วยพูดว่า "โห... พระมา หาปลาไม่ได้เลย" พอมองไปบนฝั่ง อาตมาเห็นมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ แล้วมีพระรูปหนึ่งพยายามส่งเสียงส่งสารมาถึงอาตมา แต่น้ำไหลแรงมากทำให้อาตมาไม่ได้ยิน
อาตมาจึงเดินขึ้นไปคุย ท่านบอกว่า "มาชวนบวชเข้าพรรษา อยากบวชมั้ย" อาตมาก็งง ๆ ฝนก็ตก พระยังจะมาชวนคนบวชอีก แต่ก็ตอบท่านไปว่า "บวชครับ" พอรู้ที่อยู่ของอาตมาแล้ว
วันต่อมาท่านก็เอาเอกสารมาให้กรอกถึงที่เลย
พอบวชมาได้
๑ เดือน วันหนึ่งอาตมาเดินไปรับบุญที่มหารัตนวิหารคด ต้องเดินผ่านที่อบรมของพระธรรมทายาท
ระเบียง ๓ อาตมามองไปเห็นพระประธานแก้วใสตั้งเด่นอยู่ เลยลองนึกดูเล่น ๆ
อาตมาตรึกถึงท่านจนเพลิน พอขากลับก็หยุดมองพระประธานแก้วใสอีก
เสร็จแล้วก็ตรึกถึงท่านทุกวัน บางวันลืม นึกหน้าไม่ออก อาตมาก็จะเดินไปที่ระเบียง
๓ ไปยืนดูองค์พระให้ติดตา แล้วก็เอามาตรึกที่กลางท้อง ทำอยู่อย่างนี้ทุกวัน
ตอนรับบุญขัดวิมาน (ขัดห้องน้ำ) อาตมาก็ตรึกถึงองค์พระ แปลกมาก ทั้ง ๆ
ที่ไม่เห็นอะไรแต่ใจรู้สึกสบาย จนพระเพื่อนถามว่า “เป็นอะไร ล้างห้องน้ำไป ยิ้มไป” อาตมาก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่ามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เย็นนั้น ตอนสวดมนต์ทำวัตร
อาตมาหลับตา ตรึกถึงองค์พระไปด้วย พอทำใจนิ่ง ๆ ก็เห็นแสงสว่างวาบขึ้นมา แล้วก็เห็นดวงเล็ก
ๆ ใส ๆ แต่ยังไม่ชัด พอสวดมนต์เสร็จ ก็นั่งสมาธิต่อ อาตมาทำใจนิ่ง ๆ ไปเรื่อย ๆ
ก็รู้สึกว่า ตัวเราวูบไปเหมือนคนตกบันได แล้วเห็นอะไรคล้าย ๆ ช่องหรือรู
พอมองไปก็เห็นดวงแก้ว ข้างในมีองค์พระ ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากกลางท้อง
อาตมาเห็นเป็นภาพท็อปวิว แต่ไม่ชัด พอมองไปนิ่ง ๆ เรื่อย ๆ
ก็เห็นเกตุเป็นรูปดอกบัวตูม เห็นเป็นองค์พระใส ๆ
นั่งไปอีกก็เห็นเป็นภาพเรื่องราวในอดีต บางทีก็เห็นเป็นภาพผู้หญิงสวย ๆ แต่อาตมาก็ไม่สนใจ
ไม่มอง อาตมาเอาใจไปหยุดที่กลางท้องอย่างเดียว สักพักความรู้สึกก็ดับไปเลย ความจำ
ความคิดไม่มี เหมือนเราสลบไปอย่างนั้น มันว่างเปล่า โล่งไปหมด
แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท อยู่ ๆ ก็มีองค์พระแก้วใสองค์ใหญ่ลอยขึ้นมาจากกลางท้อง
องค์ท่านค่อย ๆ ขยายขึ้นมาเรื่อย ๆ ในตัวอาตมา อาตมาเห็นท่านสวย ใส สว่าง สง่างาม
เพชรที่ว่าใสก็เทียบไม่ได้ ท่านสวยงามมากจนไม่รู้จะเปรียบกับอะไร พอท่านขยายใหญ่
ตัวอาตมาก็เหมือนจะขยายตาม แล้วใจก็นิ่งมาก ถ้าอาตมาประคองใจให้นิ่ง ๆ
ได้อย่างต่อเนื่อง อาตมาก็จะเห็นท่านได้ตลอด ตอนนี้อาตมานั่งสมาธิทุกวัน ก็เห็นองค์พระทุกวัน
แต่ว่าความชัด ใส สว่าง จะไม่เท่ากัน
การได้เห็นองค์พระทำให้อาตมารู้สึกสงบ
มีความสุขมาก เหมือนเราได้รับของขวัญชิ้นโบว์แดง
เป็นความสุขที่เกิดขึ้นมาจากภายในลึก ๆ ไม่ต้องขับรถไปแสวงหา
และไม่มีใครมาขอแบ่งเอาไปได้ อาตมาอยากให้ทุกคนนั่งสมาธิ ได้สัมผัสกับความสุขแบบอาตมา
เพราะถึงอาตมาจะบอกว่ามีความสุขอย่างไร ถ้าเราไม่เข้าถึงเองก็จะไม่มีวันซาบซึ้ง
เหมือนคนป่วยที่บอกว่าปวดหัว ปวดท้อง ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวก็จะไม่มีวันเข้าใจ...
กว่าจะได้บวชเป็นพระนั้นยากแสนยาก
ต้องมีบุญจึงจะได้บวช ฉะนั้นเมื่อเราได้สละเครื่องผูก คือเรือนมาบวชเป็นพระแล้ว
ต้องบวชให้นาน ๆ ใจต้องผูกพันกับองค์พระภายใน ใจผูกพันกับองค์พระมากเท่าไร
องค์พระแก้วใสจักพาใจของเราหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง
Cr. ธัมม์
วิชชา
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙๗
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓
บวชเป็นพระ ใจผูกพันพระ
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:32
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: