วิสาขา ยอดอุปัฏฐายิกา มหาอุบาสิกาแก้ว
วิสาขาเป็นธิดาของธนัญชัยเศรษฐีกับนางสุมนาเทวี
อาศัยอยู่ในภัททิยนคร แคว้นอังคะ ตอนที่นางวิสาขามีอายุได้ ๗ ขวบ นางได้สร้างวีรกรรมที่เด็กหญิงทั่วไปทำได้ยาก
คือ นางได้พาบริวาร ๕๐๐ คน ไปต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จมาที่ภัททิยนคร
ครั้นได้ฟังธรรมแล้ว ทั้งหมดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน
วิสาขา
วัยรุ่น ไม่วุ่นวาย
ต่อมา
นางย้ายเมืองไปอยู่ที่แคว้นโกศล เมื่อโตเป็นสาว
นางเป็นหญิงที่พร้อมด้วยลักษณะเบญจกัลยาณี คือ มีความงาม ๕ อย่าง ได้แก่ ผมงาม
ริมฝีปากงาม ฟันงาม ผิวงาม วัยงาม มิคารเศรษฐีได้ส่งพราหมณ์ไปดูตัวนาง
ก่อนที่จะไปสู่ขอ พวกพราหมณ์สังเกตเห็นหญิงสาวคนอื่น ๆ
ต่างวิ่งเข้าไปในศาลาเพื่อหลบฝน แต่วิสาขากลับเดินด้วยอาการปกติ
จึงถามดูว่า ทำไมไม่รีบวิ่งหลบฝน วิสาขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะว่า ไม่รีบร้อน
เพราะมีเหตุ ๒ ประการ คือ
ประการแรก มีชนอยู่ ๔ จำพวก
เมื่อวิ่งแล้ว ไม่งาม คือ
๑. พระราชาเมื่อทรงเครื่องประดับแล้ววิ่งย่อมไม่งาม
๒.
ช้างมงคลที่ประดับตกแต่งแล้ววิ่งย่อมไม่งาม
๓. บรรพชิตเมื่อวิ่งย่อมไม่งาม
ย่อมถูกติเตียนว่า ทำไมจึงทำกิริยาเหมือนคฤหัสถ์
๔. สตรีเมื่อวิ่งย่อมไม่งาม
ย่อมถูกติเตียนว่า ทำไมหญิงคนนี้จึงวิ่งเหมือนผู้ชาย
ประการที่ ๒
พ่อแม่เลี้ยงดูลูกสาวมาอย่างทะนุถนอม เพื่อจะให้แต่งงานในตระกูลดี ๆ
ถ้าดิฉันวิ่งไปเหยียบชายผ้านุ่งแล้วลื่นล้ม ก็จะทำให้ท่านทั้งสองต้องเดือดร้อน
ส่วนเครื่องประดับแม้เปียกฝนแล้วก็แห้งได้ เหตุนี้ดิฉันจึงไม่วิ่ง
พราหมณ์เห็นฟันของนางมีลักษณะเรียบสนิท
จึงกลับไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านเศรษฐีฟัง มิคารเศรษฐีจึงยกขันหมากไปสู่ขอนางทันที
ฝ่ายพ่อของวิสาขาได้สำรวจทรัพย์สินของฝ่ายชาย ครั้นทราบว่า มีแค่ ๔๐ โกฏิ
จึงคิดในใจว่า โอ้! สมบัติมีแค่ หยิบมือเดียว แต่ก็ไม่เป็นไร
ขอให้เขาดูแลลูกสาวเราให้ดีก็แล้วกัน ในวันแต่งงาน พ่อของวิสาขาตั้งใจว่า
จะมอบเครื่องประดับที่สวยงามที่สุดและมีมูลค่าแพงที่สุดในโลกให้ลูกสาว นั่นก็คือ
เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ มูลค่า ๙ โกฏิ เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์นี้
เกิดจากผลบุญเมื่อครั้งอดีตชาติ ที่นางได้จัดเตรียมผ้าไตรจีวรถวายแด่ภิกษุ ๒๐,๐๐๐ รูป
โดยมีพระกัสสปพุทธเจ้าเป็นประธาน
ลูกสะใภ้ยอดกัลยาณมิตร
เมื่อวิสาขาได้แต่งงานไปอยู่ในบ้านของมิคารเศรษฐีแล้ว
มีอยู่วันหนึ่งเศรษฐีได้เชิญนักบวชชีเปลือย ๕๐๐ คน มารับประทานอาหาร
เมื่อวิสาขาได้ยินว่า มีพระอรหันต์มาเป็นเนื้อนาบุญ จึงออกมาต้อนรับ แต่เมื่อได้เห็นชีเปลือยเธอก็ตกตะลึง
บอกพ่อสามีว่า พวกเปลือยกายเหล่านี้ไม่มีความละอาย ไม่ใช่พระอรหันต์หรอก
ว่าแล้วก็เดินจากไป ส่วนพวกชีเปลือยไม่พอใจวิสาขามาก จึงบอกให้เศรษฐีขับไล่นางออกไปจากคฤหาสน์
เศรษฐีคิดว่า นางมาจากตระกูลใหญ่ จะไล่ออกไปดื้อ ๆ คงไม่ได้ จึงกล่าวว่า
พวกท่านอย่าไปถือสาเด็กเลย ขอเชิญบริโภค อาหารต่อไปเถิด
วันหนึ่งวิสาขาได้นิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ให้มาฉันภัตตาหารที่บ้าน เมื่อพระพุทธองค์ฉันเสร็จแล้ว
ทรงเทศน์ให้วิสาขาและบริวารฟัง ส่วนท่านเศรษฐีนั่งอยู่หลังม่าน ไม่กล้าออกมา
เพราะนักบวชชีเปลือยห้ามเอาไว้ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมที่ลุ่มลึกไปตามลำดับ
ทำให้ท่านเศรษฐีแม้นั่งอยู่หลังม่านก็ดื่มด่ำในรสพระธรรม จนได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน
ตั้งแต่นั้นมา ท่านเศรษฐีจึงหันมานับถือพระพุทธศาสนาจนตลอดชีวิต
วิสาขา
สวยไม่สร่าง
นางวิสาขาเป็นผู้มีความงามตลอดทุกวัย
แม้อายุมากถึง ๑๒๐ ปี ก็งามราวกับสาววัยรุ่น แม้อายุ มากผมก็ยังดกดำโดยไม่ต้องย้อม
ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่นางสั่งสมมา คือบุญที่ได้ถวายมหาสังฆทาน
แด่พระภิกษุสงฆ์เรือนหมื่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อนางวิสาขาเดินมาพร้อมกับลูก หลาน
เหลน หน้าตาจะคล้าย ๆ กัน เหมือนวัยเดียวกัน
ชนผู้มาใหม่ที่ไม่เคยเห็นนางวิสาขาต่างพากันสงสัยว่า คนไหนคือ นางวิสาขา
ผู้ที่รู้จักนางวิสาขาจึงบอกว่า ผู้ที่สง่างามที่สุดนั่นแหละ คือ นางวิสาขา แม้ลูก
หลาน เหลน จะมีลักษณะคล้าย ๆ นาง แต่ไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง
เพราะทำบุญมาไม่เหมือนกัน
นอกจากนางวิสาขาจะมีความงามเป็นเลิศแล้ว
นางยังมีกำลังเท่ากับช้าง ๕ เชือกอีกด้วย พระราชาอยากจะทดลองว่า
นางจะมีแรงมากอย่างนั้นจริงหรือ ไม่ จึงได้ส่งช้างตกมันดุเชือกหนึ่งออกมาในขณะที่นางกำลังกลับมาจากการฟังธรรม
หญิงบริวารทั้ง ๕๐๐ คนของนางวิสาขา เห็นช้างแล้วต่างก็พากันวิ่งหนี
แต่บางคนก็ไม่วิ่งหนีเพราะรักนางวิสาขา นางวิสาขารู้ว่า
ถ้าเราจับช้างอย่างเต็มกำลังของเรา ช้างก็จะตาย เราก็จะบาป พระราชาก็จะเสียช้าง
เราก็เสียศีลเพราะไปทำให้ช้างตาย นางมีอาการเป็นปกติ ราบเรียบแบบคนมีบุญ
รู้พละกำลังของตัว เห็นช้างเหมือนเห็นตั๊กแตน ด้วยความเมตตาไม่อยากให้ช้างตาย
นางวิสาขาเผชิญหน้ากับช้าง พร้อมกับส่งยิ้มแผ่เมตตา แต่ช้างไม่สนใจเพราะกำลังตกมัน
ช้างวิ่งมาอย่างเร็วแรง เธอก็ใช้นิ้วจับไปที่งวงของช้างแล้วก็ผลักไปเบา ๆ
ด้วยลีลาที่นุ่มนวล ช้างก็ไถลลื่นไปกับพื้น เสียการทรงตัว เกิดอาการงงงวยว่า
มนุษย์ท่านนี้เป็นใคร ทำไมถึงมีกำลังมากเหลือเกิน
ตั้งแต่เราเกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย ช้างตกตะลึง ถึงกับหายตกมันทันที
หันหลังกลับเข้าโรงช้างด้วยอาการงุนงงและเชื่องยิ่งนัก
สร้างบุพพาราม
อัครสถานแห่งบุญ
ต่อมานางวิสาขามีความปรารถนาจะสร้างวัด
จึงขายเครื่องประดับซึ่งมีมูลค่า ๙ โกฏิ นางใช้ทรัพย์ในการซื้อที่ดิน ๙ โกฏิ
ใช้เป็นค่าก่อสร้าง ๙ โกฏิ และทำการฉลองวิหารอีก ๙ โกฎิ รวมเป็น ๒๗ โกฏิ อาคารที่นางสร้างนั้น
มี ๑,๐๐๐ ห้อง มี ๒ ชั้น ชั้นล่าง ๕๐๐ ห้อง
ชั้นบน ๕๐๐ ห้อง นางประดับประดาตกแต่งวิหารบุพพารามจนวิจิตรงดงาม
กิจวัตรของยอดมหาอุบาสิกาแก้ว
กิจวัตรประจำวันที่วิสาขามหาอุบาสิกาแก้วทำเป็นประจำจนตลอดชีวิต
คือ
๑. ถวายผ้าอาบน้ำฝน ทุกปี
๒.
ถวายภัตตาหารแด่พระที่เดินทางมาจากที่อื่นเป็นประจำ
๓. ถวายภัตตาหารแด่พระที่เตรียมจะเดินทางไปที่อื่นเป็นประจำ
๔.
ถวายภัตตาหารแด่พระผู้อาพาธเป็นประจำ
๕.
ถวายภัตตาหารแด่พระผู้เฝ้าไข้เป็นประจำ
๖. ถวายเภสัชสำหรับพระผู้อาพาธเป็นประจำ
๗.
ถวายข้าวยาคูแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นประจำ
๘. ถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่ภิกษุณีเป็นประจำ
วิสาขา
ญาติพระศาสนา
วิสาขานอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นยอดอุปัฏฐายิกา
ที่ไม่มีใครทำได้ดีกว่าแล้ว นางยังเป็นต้นบุญต้นแบบในการชักชวนลูกหลานไปฟังธรรมที่วัดไม่เคยขาด
นางไม่เคยไปวัดมือเปล่า ตอนเช้านางจะถวายข้าวต้ม ช่วงเพลก็ถวายภัตตาหารเพล
ช่วงบ่ายถวายน้ำปานะ นางชักชวนญาติมิตรทั้งชายและหญิงไปบวชมากมาย และอนุญาตให้ลูกชายบวชตลอดชีวิต
บุตรชายของนางเมื่อบวชแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมจนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ทำให้นางได้ชื่อว่าเป็นญาติพระศาสนาเต็มตัว เมื่อละโลกแล้ว
นางได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานนรดี เป็นเทพธิดาผู้มีรัศมีกายสว่างไสว
ทั้งหมดนี้ คือประวัติย่อ ๆ
ของอุบาสิกาที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งในโลกมนุษย์และเทวโลก
เป็นมหาอุบาสิกาที่เหล่าอุบาสิกาแก้วยุคนี้ควรศึกษาและเอาเป็นแบบอย่างในการสร้างบารมีให้ยิ่ง
ๆ ขึ้นไป เพราะยุคนี้ คือยุคที่เหล่าอุบาสิกาแก้วจะรวมพลังกันฟื้นฟูศีลธรรมโลก
จะเป็นประดุจช้างเท้าหลังที่ทรงพลังในการขับเคลื่อน พระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาสากล และนำทุกคนมาเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน
ให้ผองชนทั่วหล้ารู้จักหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ปลอดภัย
และมีชัยชนะไปทุกภพทุกชาติ
Cr. เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี
ป.ธ. ๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙๘
เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
วิสาขา ยอดอุปัฏฐายิกา มหาอุบาสิกาแก้ว
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:24
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: