เป้าหมายการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของวัดพระธรรมกาย ตอน ๓ วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อหลวงพ่อได้ทราบมโนปณิธานของครูบาอาจารย์แล้ว หลวงพ่อจึงตั้งความปรารถนาขอเป็นหนึ่งในผู้ที่จะสร้างบารมีติดตามพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม
ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อจึงตั้งใจสังเกตการเทศน์สอนและการฝึกฝนอบรมศิษย์ของคุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยมาโดยตลอด ซึ่งท่านทั้งสองได้วางแนวทางตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำได้วางไว้ นั่นคือ ค่อย ๆ เล่าความจริงเบื้องหลังให้ฟัง แล้วก็ชี้ให้ไปตามอ่านในพระไตรปิฎก เพื่อเทียบเคียงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกได้ว่า ท่านเอาหลังอิงต้นโพธิ์ทุกครั้ง
แต่ละครั้งที่คุณยายและหลวงพ่อธัมมชโยท่านเทศน์สอน ทำให้พวกเราเกิดกำลังใจมหาศาลที่จะปฏิบัติธรรมตามรอยพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ท่านคอยเตือนอยู่เสมอว่า ในสังสารวัฏที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้น มีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องศึกษา แต่ช่วงอายุมนุษย์นั้นสั้นนัก หากจับประเด็นไม่ถูก ชาตินี้เกิดมาก็ตายเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ท่านสอนให้พวกเราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และเร่งสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่แข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที
แม้จะได้ยินพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเตือนอย่างนี้เป็นประจำ ตอนนี้หลวงพ่อก็ยังดูเบาไม่ได้คิดอะไรมาก ในยุคนั้นหนังสือสำคัญ ๆ ที่ผลิตในประเทศไทยในเชิงวิชาการ สารคดี และในด้านอื่น ๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและแปลมาจากต่างประเทศนั้น หลวงพ่อได้อ่านผ่านสายตามาหมดแล้ว โดยเฉพาะตำรับตำราในเชิงศาสนา และยังนึกว่าเราได้ศึกษามามากพอสมควร
จนกระทั่งมาถึงวันนี้ วันที่คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลมาก วิชาการสารพัดสาขาได้เกิดขึ้นในโลกมากมาย ถ้าจะอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องเฉพาะวิชาการสาขาใดสาขาหนึ่งให้จบนั้น ตลอดทั้งชีวิตก็อ่านไม่หมด เพราะผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านก็ค้นคว้าความรู้ใหม่ ๆ ที่ลึกซึ้งและกว้างขวางมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ คนในโลกคงมีไม่กี่คนที่จะได้สึกษาความจริงเกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงของวัฏสงสาร โลกและจักรวาล เพราะความรู้ที่เขาทุ่มเทศึกษากันนั้น ล้วนเป็นเรื่องนอกตัว ส่วนเรื่องของตัวเขาเองเขากลับไม่เคยรู้ ใจของเขาเป็นอย่างไรเขาไม่เคยรู้ สาเหตุที่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจกันอยู่ทุกวันนี้เพราะกิเลสที่ห่อหุ้มใจมันบีบคั้น เขาก็ไม่รู้ อย่างนี้ชาวโลกก็จะตกเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อจึงถามคุณยายว่า จะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้คนทั้งโลกพ้นจากความไม่รู้ คุณยายท่านตอบว่า ต้องเอาวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาให้เขารู้ตั้งแต่ชาตินี้ ถึงแม้เขาจะยังไม่หมดกิเลส แต่เขาจะได้เตรียมตัวไปในชาติข้างหน้า แล้วตอนนั้นจะกลายเป็นทีมใหญ่ที่มาช่วยกันปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษกันจริง ๆ
แล้วการใช้วิชชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก้ไขความไม่รู้นั้นทำอย่างไร หลวงพ่อถามคุณยายต่อไปอีก
คุณยายท่านตอบสั้น ๆ ว่า วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำท่านค้นให้แล้วว่า พระไตรปิฎกหมดทั้งตู้สรุปเหลือคำเดียวคือ "หยุด" หากเราฝึกใจให้หยุดให้นิ่งเป็นสมาธิอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้แล้ว เราจะชนะมารได้ในที่สุด
เพราะฉะนั้น คุณยายท่านจึงบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยตั้งแต่ยังไม่ได้บวชว่า ให้ช่วยสอนคนทั้งโลกให้รู้จักทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เมื่อชาวโลกเขาได้รู้และลงมือปฏิบัติแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมีของตัวเขาเอง และเป็นประโยชน์ต่อการรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าพระนิพพานด้วย
ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในระยะ ๑๐ กว่าปีมานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านเน้นว่า สื่อต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกายไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด ก็ให้ข้อความ "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ดังที่พวกเราได้เห็นกันทั่วไปตามป้ายที่ติดประชาสัมพันธ์ภายในวัด ท่านจะเน้นของท่านมาอย่างนี้และก็ตรงเป้าหมายที่สุด
ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อจึงตั้งใจสังเกตการเทศน์สอนและการฝึกฝนอบรมศิษย์ของคุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยมาโดยตลอด ซึ่งท่านทั้งสองได้วางแนวทางตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำได้วางไว้ นั่นคือ ค่อย ๆ เล่าความจริงเบื้องหลังให้ฟัง แล้วก็ชี้ให้ไปตามอ่านในพระไตรปิฎก เพื่อเทียบเคียงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกได้ว่า ท่านเอาหลังอิงต้นโพธิ์ทุกครั้ง
แต่ละครั้งที่คุณยายและหลวงพ่อธัมมชโยท่านเทศน์สอน ทำให้พวกเราเกิดกำลังใจมหาศาลที่จะปฏิบัติธรรมตามรอยพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ท่านคอยเตือนอยู่เสมอว่า ในสังสารวัฏที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้น มีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องศึกษา แต่ช่วงอายุมนุษย์นั้นสั้นนัก หากจับประเด็นไม่ถูก ชาตินี้เกิดมาก็ตายเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ท่านสอนให้พวกเราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และเร่งสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่แข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที
แม้จะได้ยินพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเตือนอย่างนี้เป็นประจำ ตอนนี้หลวงพ่อก็ยังดูเบาไม่ได้คิดอะไรมาก ในยุคนั้นหนังสือสำคัญ ๆ ที่ผลิตในประเทศไทยในเชิงวิชาการ สารคดี และในด้านอื่น ๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและแปลมาจากต่างประเทศนั้น หลวงพ่อได้อ่านผ่านสายตามาหมดแล้ว โดยเฉพาะตำรับตำราในเชิงศาสนา และยังนึกว่าเราได้ศึกษามามากพอสมควร
จนกระทั่งมาถึงวันนี้ วันที่คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลมาก วิชาการสารพัดสาขาได้เกิดขึ้นในโลกมากมาย ถ้าจะอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องเฉพาะวิชาการสาขาใดสาขาหนึ่งให้จบนั้น ตลอดทั้งชีวิตก็อ่านไม่หมด เพราะผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านก็ค้นคว้าความรู้ใหม่ ๆ ที่ลึกซึ้งและกว้างขวางมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ คนในโลกคงมีไม่กี่คนที่จะได้สึกษาความจริงเกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงของวัฏสงสาร โลกและจักรวาล เพราะความรู้ที่เขาทุ่มเทศึกษากันนั้น ล้วนเป็นเรื่องนอกตัว ส่วนเรื่องของตัวเขาเองเขากลับไม่เคยรู้ ใจของเขาเป็นอย่างไรเขาไม่เคยรู้ สาเหตุที่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจกันอยู่ทุกวันนี้เพราะกิเลสที่ห่อหุ้มใจมันบีบคั้น เขาก็ไม่รู้ อย่างนี้ชาวโลกก็จะตกเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อจึงถามคุณยายว่า จะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้คนทั้งโลกพ้นจากความไม่รู้ คุณยายท่านตอบว่า ต้องเอาวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาให้เขารู้ตั้งแต่ชาตินี้ ถึงแม้เขาจะยังไม่หมดกิเลส แต่เขาจะได้เตรียมตัวไปในชาติข้างหน้า แล้วตอนนั้นจะกลายเป็นทีมใหญ่ที่มาช่วยกันปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษกันจริง ๆ
แล้วการใช้วิชชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก้ไขความไม่รู้นั้นทำอย่างไร หลวงพ่อถามคุณยายต่อไปอีก
คุณยายท่านตอบสั้น ๆ ว่า วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำท่านค้นให้แล้วว่า พระไตรปิฎกหมดทั้งตู้สรุปเหลือคำเดียวคือ "หยุด" หากเราฝึกใจให้หยุดให้นิ่งเป็นสมาธิอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้แล้ว เราจะชนะมารได้ในที่สุด
เพราะฉะนั้น คุณยายท่านจึงบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยตั้งแต่ยังไม่ได้บวชว่า ให้ช่วยสอนคนทั้งโลกให้รู้จักทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เมื่อชาวโลกเขาได้รู้และลงมือปฏิบัติแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมีของตัวเขาเอง และเป็นประโยชน์ต่อการรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าพระนิพพานด้วย
ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในระยะ ๑๐ กว่าปีมานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านเน้นว่า สื่อต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกายไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด ก็ให้ข้อความ "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ดังที่พวกเราได้เห็นกันทั่วไปตามป้ายที่ติดประชาสัมพันธ์ภายในวัด ท่านจะเน้นของท่านมาอย่างนี้และก็ตรงเป้าหมายที่สุด
ย้อนกลับมาที่พวกเรา เนื่องจากกำลังสติปัญญาของเรายังตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไม่ทัน แต่ละเรื่องเราต้องฟังท่านหลาย ๆ เที่ยว แต่ท่านก็เมตตาค่อย ๆ สอน ค่อย ๆ ถ่ายทอดทีละนิดจนพวกเราเริ่มเข้าใจตามท่านได้มากขึ้น
ตรงนี้เอง ทำให้หลวงพ่อนึกถึงพวกเราที่มาในภายหลังว่า อยู่ดี ๆ จะให้มาทำใจหยุดใจนิ่ง แล้วสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนไปตรงกับพระไตรปิฎกตรงจุดไหนก็ยังไม่รู้ เมื่อตามไม่ทันความรู้ตรงนี้ หากถูกซักถาม ก็จะตอบที่มาที่ไป ให้เหตุผลอธิบายความรู้นี้กับผู้อื่นไม่ได้
หลวงพ่อจึงมาคิดหาวิธีการว่า จะทำอย่างไรให้คำสอนคุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเกิดความเป็นระบบไล่ไปตามลำดับ ๆ เพื่อผู้ที่มาภายหลังได้ศึกษาแล้วก็สามารถเข้าใจและตรองตามท่านได้ทันที จึงได้เตรียมค้นไว้ให้กับพวกเราหลายปีเพื่อให้ภาพออกมาชัดเจนที่สุด จะได้เข้าใจถูกต้องตรงกันทั้งหมด
หลวงพ่อได้พยายามทบทวนสิ่งต่าง ๆ ว่าที่คุณยายเคี่ยวเข็ญอบรมมาเป็นขั้นเป็นตอนนั้น ท่านปูพื้นให้มาอย่างไร คิดทบไปทวนมาพอได้สาระในเชิงปฏิบัติแล้ว จึงไปค้นคว้าพระไตรปิฎกเพิ่มเติมว่าตรงกับหลักธรรมใดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นก็นำความรู้มาฝึกฝนอบรมพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ที่เข้ามาอบรมในวัด แล้วก็ปรับปรุงตามลำดับ ต่อจากนั้นจึงสรุปทำเป็นหนังสือออกมา พวกเราไปติดตามอ่านกันให้ดี จะได้ตามทันความรู้ต่าง ๆ ที่ครูบาอาจารย์ของเราท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพันค้นมาไว้ให้ และท่านยังเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการฝึกฝนอบรมสั่งสอนพวกเรา เพื่อให้เป็นยอดนักสร้างบารมีตลอดมาอีกด้วย....
(อ่านต่อฉบับหน้า)
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗๘ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
เป้าหมายการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของวัดพระธรรมกาย ตอน ๓ วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:42
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: