ไม่กล้าฝึกสมาธิเพราะกลัวเสียสติ

มีคนจำนวนมากที่ไม่กล้าฝึกสมาธิ เพราะกลัวว่าจะทำให้เสียสติ เราควรจะอธิบายให้เขาเข้าใจ อย่างไรดี
   



          
จำหลักให้ดีก็แล้วกันว่า ใครยิ่งฝึกสมาธิ ผู้นั้นสติของเขายิ่งดี เพราะสติกับสมาธิเป็นคู่แฝดกัน แยกกันไม่ได้ทีเดียว
          

คล้ายกับเวลาเราจุดเทียน ทันทีที่ไฟติดขึ้น เราจะได้ความสว่างจากเทียน ในเวลาเดียวกันก็ได้ความร้อนเกิดขึ้น พร้อม ๆ กันด้วย ความร้อนกับแสงสว่างที่เกิดจากดวงเทียนนี้แยกกันไม่ออก เป็นของคู่กันยิ่งร้อนก็ยิ่งแสดงว่าการเผาไหม้ดีเท่านั้น เพราะฉะนั้น ความสว่างของเทียนก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

สมาธิกับสติก็เหมือนกัน ถ้าสมาธิ คือความสว่าง สติก็เหมือนความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ของเทียน แยกจากกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครฝึกสมาธิได้ก้าวหน้าไปเท่าไร สติก็สมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น ในทำนองเดียวกันถ้าใครฝึกสติได้สมบูรณ์เท่าไร สมาธิก็ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปเท่านั้นอีกเหมือนกัน

ที่เกิดความเข้าใจผิดกันว่าฝึกสมาธิแล้วทำให้เสียสติ แสดงว่าเขายังไม่เข้าใจอยู่อีกเรื่องหนึ่ง คือ สมาธินั้นมีอยู่ ๒ ประเภท

ประเภทหนึ่ง เป็นสมาธิในพุทธศาสนาคือยิ่งฝึกแล้วสติยิ่งสมบูรณ์ แต่มีสมาธิอีกประเภทหนึ่งท่านเรียกว่า มิจฉาสมาธิ หรือสมาธิผิด ๆ

มีด้วยหรือสมาธิผิด ๆ มีแน่นอน ใครที่เคยเล่นไพ่จะรู้ดี ตอนจ้องจะเอาตัวสำคัญที่เรารออยู่นั้น ตอนนั้นสมาธิดีเหลือเกิน แต่ว่าเป็นสมาธิที่อยู่บนพื้นฐานของความโลภ อย่างนี้เรียกว่ามิจฉาสมาธิหรือสมาธิผิด ๆ หรือมือปืนเวลาเขาจะยิงกัน สมาธิเยี่ยมเลย แต่เป็นสมาธิที่อยู่บนพื้นฐานของความโลภบ้างความพยาบาทบ้าง สมาธิประเภทนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นมิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิที่ผิด ๆ คือยิ่งมีสมาธิจดจ่อเท่าไร ก็ยิ่งขาดสติไปมากเท่านั้น

เวลาเขาเข้าทรงกัน เวลาผีจ้าวเข้าทรงอะไรพวกนี้ ผู้ที่ถูกผีเข้านั้น เขาต้องขาดสติตลอดเวลาเพราะว่าถ้าไม่ขาดสติ ผีก็ไม่เข้า เวลาผีเข้าก็แสดงว่าเขาขาดสติ ทีนี้บางทีเข้าทรงกันทีละตั้งเป็นชั่วโมงนั่นก็คือ เขาฝึกให้ตัวของเขาเองขาดสติเป็นชั่วโมงๆ






เมื่อประชาชนแยกกันไม่ออกว่าสมาธิแบ่งออกเป็น ๒ สายอย่างนี้ เป็นสมาธิแบบมิจฉาสมาธิ คือฝึกแล้วขาดสติ เพราะใจมุ่งอยู่ในความโลภ ความโกรธ ความหลง ความพยาบาท ประชาชนยังแยกตรงนี้ไม่ออก เลยเข้าใจว่าการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนาจะทำให้เสียสติไปด้วย แต่ที่จริงเป็นความเข้าใจผิดของคนที่ไม่รู้ อย่าเอามาปนกัน การฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา ยิ่งฝึกสติยิ่งจะต้องสมบูรณ์ขึ้น

ถ้าฝึกทำสมาธิแล้วจะทำให้เสียสติ ในโลกนี้คงไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาให้เรากราบ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ทรงตั้งใจฝึกสมาธิตั้งแต่ออกบวชมาทีเดียว เพราะสมาธินั้นเป็นเรื่องของการทำใจให้สงบ ทำใจให้สว่าง เมื่อสงบแล้วจึงสว่าง สว่างแล้วจึงเห็น สำหรับผู้ที่มีสมาธิดี เวลาหลับตาสว่างยิ่งกว่าลืมตา เห็นได้กว้างไกลยิ่งกว่าคนลืมตา คนลืมตาเห็นเฉพาะด้านหน้า แต่ว่าสำหรับผู้ที่ทำสมาธิได้ดีแล้ว ความสว่างเกิดขึ้นภายในมากพอ การเห็นไม่เห็นเฉพาะข้างหน้า แต่เห็นรอบตัว เห็นทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง ล่าง บน พร้อม ๆ กันในเวลาเดียวกัน

และด้วยอาศัยการเห็นประเภทนี้ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบ จึงทำให้พระองค์ทรงเห็นกิเลสซึ่งฝังอยู่ในใจมนุษย์แล้วทรงสามารถแก้ไขได้ และเป็นที่มาแห่งการตรัสรู้ของพระองค์ รีบฝึกสมาธิกันเถอะ ขณะนี้หลวงพ่อหลวงปู่พระอาจารย์ที่มีความรู้ดี ๆ ในเรื่องสมาธิยังมีอยู่รีบไปฝึกกับท่านเสีย ท่านเหล่านี้อายุมาก ๆ กันแล้ว และถึงเวลาท่านลาโลกไปคิดจะกลับมาฝึกกับท่านก็ไม่เจอท่านเสียแล้วรีบไปเถอะ









Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘๐ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
ไม่กล้าฝึกสมาธิเพราะกลัวเสียสติ  ไม่กล้าฝึกสมาธิเพราะกลัวเสียสติ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:08 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.