พระรับเงินดีหรือไม่รับดี ? พระรับเงินถือว่าไม่สละหรือเปล่า ?



รู้สึกสะดุดใจ e-card ในโลกโซเชียลที่บอกว่า “...ทุกอย่างก็ใช้เงิน แล้วจะไม่ให้พระรับเงิน แล้วรัฐบาลจะจัดการทุกอย่างฟรีให้ได้ไหม”

จากนั้นก็มีคนเอาไปโพสต์โต้กลับว่า.. “อยู่เป็นพระไม่ได้ เชิญลาสิกขาครับ พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ให้สละ ไม่ใช่ให้สะสม”


จากโพสต์นี้เอง..ทำให้หลายคนรู้สึกเห็นด้วยว่า..ถ้าพระทำไม่ได้ก็ควรจะสึก ๆ ไปซะ !!!

แล้วถ้าจะให้พระสึกกันจริง ๆ ก็คงเกือบหมดประเทศแหละค่ะ เพราะรับเงินกันส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ อีกไม่ช้าพระพุทธศาสนาก็คงสูญสิ้นไปจากแผ่นดินนี้จริง ๆ

ดังนั้น การแก้ปัญหาด้วยการสึกพระไม่น่าใช่วิธีการที่ถูกต้อง แล้วที่สำคัญพระก็ไม่ได้ผิดอะไรร้ายแรงเลย ไม่ได้ปาราชิกซะหน่อย

ในอีกประเด็นที่มีคนเข้าใจผิดอีกมาก จากประโยคที่โพสต์ว่า..พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ให้สละ คำว่า “สละ” ในที่นี้พระองค์ทรงให้สละกิเลส ไม่ได้ให้สละสิ่งที่เกื้อกูลต่อการบรรลุธรรม หรือไม่ได้ให้สละสิ่งที่ช่วยในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

เหมือนครั้งที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีทรงถวายวัดเชตวันอันใหญ่โตมโหฬารแด่พระสัมสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือในครั้งที่นางวิสาขาถวายวัดบุพพารามที่สร้างด้วยโลหะปราสาทอันแสนอลังการ พระพุทธองค์ก็ทรงรับไว้ ไม่ทรงสละหรือเอาวัดอันใหญ่โตนั้นไปบริจาคใครเลย ตรงกันข้ามพระองค์กลับทรงปักหลักใช้เป็นที่จำพรรษายาวนานหลายปี และทรงใช้วัดเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่คำสอนให้มั่นคงมาจนถึงยุคปัจจุบัน

ส่วนในเรื่องของการบวช พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงสนับสนุนให้บวชแล้วต้องอยู่แบบแร้นแค้น ยากไร้ อดอยาก ไม่มีปัจจัย ๔ ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม ไม่มียารักษาโรค จนร่างกายทรมาน ไม่มีสภาพที่เหมาะสมกับการปฏิบัติธรรม เพราะถ้าพระพุทธองค์มีพระประสงค์ให้สละทุกอย่างอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน พระองค์จะทรงปฏิเสธเรื่องข้อปฏิบัติ ๕ ประการที่พระเทวทัตขอทำไม

ข้อปฏิบัติ ๕ ประการนั้นก็คือ...
๑. ให้ภิกษุทั้งหลายอยู่ป่าตลอดชีวิต เข้าสู่บ้านมีโทษ
๒. ให้ภิกษุถือบิณฑบาตตลอดชีวิต รับนิมนต์มีโทษ
๓. ให้ภิกษุถือผ้าบังสุกุลตลอดชีวิต รับคฤหบดีจีวร (ผ้าที่เขาถวาย) มีโทษ
๔. ให้ภิกษุอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต เข้าสู่ที่มุงบังมีโทษ
๕. ให้ภิกษุห้ามฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต ถ้าฉันมีโทษ

การที่พระบรมศาสดาทรงปฏิเสธข้อปฏิบัติ ๕ ประการที่พระเทวทัตเสนอข้างต้น เพราะสิ่งที่พระเทวทัตทูลขอนั้นออกแนว อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบตนเองให้ลำบากเกินไป ซึ่งทำให้ยากต่อการบรรลุธรรม เพราะพวกที่จะสามารถบรรลุธรรมได้ก็คือ พวกที่เดินทางสายกลางเท่านั้น



ทำไมพระในพุทธกาลอยู่ได้โดยไม่ต้องรับเงิน ?

ในสมัยนั้นมีกษัตริย์ มีอนาถบิณฑิกเศรษฐี มีนางวิสาขา และมีทายกผู้เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากคอยดูแลจัดการถวายปัจจัย ๔ แด่คณะสงฆ์ทั้งหมด

สมัยนั้นนิยมการแลกเปลี่ยน ซึ่งมีทั้งการเอาของแลกของ เอาแร่เงินแร่ทองไปแลกของ ส่วนการใช้เงินซื้อของเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่สมัยนี้เราใช้เงินซื้อของเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยเป็นเหตุหนึ่งที่คนมาถวายเงินให้พระเพื่อความสะดวก

ในสมัยนั้นใช้น้ำจากลำธาร แม่น้ำ และก่อไฟในการหุงต้ม ให้แสงสว่าง พระไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เหมือนยุคปัจจุบัน

การเดินทางส่วนใหญ่ใช้วัวเทียมเกวียน ใช้ม้า ลา เป็นพาหนะ ไม่ใช้รถ ไม่ใช้น้ำมัน พระจึงไม่ต้องจ่ายค่ารถเมล์ ค่าแท็กซี่

คนในยุคนั้นมีศีลธรรม ชอบเข้าวัด ชอบช่วยกันดูแลอุปัฏฐากพระ จึงมีอุบาสกอุบาสิกามากมายเข้ามาช่วยงานวัด แต่ในปัจจุบัน คนไม่ยอมเข้าวัด ไม่เคารพพระ ดูถูกดูแคลน คอยจับผิดด่าว่าพระ เช่น บอกว่า..พระห้ามรับเงิน แต่ตัวเองกลับไม่เข้าไปช่วยเหลือจัดหาปัจจัย ๔ อะไรให้ท่านเลย แล้วก็มากล่าวโทษท่านอยู่ฝ่ายเดียว



แต่พอ ๒,๕๐๐ กว่าปีผ่านไป ถึงยุคปัจจุบัน ในเมื่อสภาวะแวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ทำให้พระมหากษัตริย์ไทยเราตั้งแต่ยุคโบราณ จึงมีพระราชดำริให้มีการถวายนิตยภัต (ถวายเงินค่าอาหาร) แด่พระสังฆราชและพระภิกษุสงฆ์ที่พระองค์ทรงอุปถัมภ์อยู่เป็นประจำ

ดังนั้น เรื่องการรับเงินของพระจะถือว่าเป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ ก็น่าจะขึ้นกับเจตนาของการรับว่า เอาไปเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาอย่างไร เช่น เอาเงินไปสร้างโบสถ์ สร้างศาลา เพื่อให้คนมาถือศีลปฏิบัติธรรม  หรือรับเงินมาแล้วเพื่อเอามาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ายารักษาโรค ค่าพิมพ์หนังสือธรรมะไว้สอนคน คือ ถ้ารับมาแล้วมีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะต่อลมหายใจพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไปอีก ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรเลยมิใช่หรือ ? เพราะถ้าจะปล่อยให้วัดวาอารามไม่มีเงินสนับสนุน พระก็คงอยู่ไม่ได้ คำสอนของพระพุทธศาสนาก็จะเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ จนผู้คนขาดศีลธรรม คดโกงกัน ทะเลาะกัน จนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ แล้วท้ายที่สุด เราเองก็จะอยู่ในประเทศนี้อย่างอย่างหวาดระแวง ไม่มีความสุข

ทุกวันนี้..ผู้เขียนก็ได้แต่ภาวนาว่า อยากให้ความเจริญทางด้านจิตใจมนุษย์กลับคืนมาเหมือนในสมัยพุทธกาล ที่มีทายกเข้ามาอุปถัมภ์จัดหาปัจจัย ๔ ให้พระครบทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดจนมีสวัสดิการให้พระไปหาหมอฟรี ขึ้นรถฟรี เรียนฟรี เพื่อพระทุกรูปจะได้ไม่ต้องรับเงินเหมือนครั้งพุทธกาล

ถ้าผู้เขียนจบบทความด้วยประโยคนี้ ผู้อ่านบางคนคงแอบว่าผู้เขียนว่า..อย่าโลกสวยนักเลย ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะผู้คนไม่ได้เห็นคุณค่าของพระเหมือนในสมัยพุทธกาลแล้ว ดังนั้นถ้าไม่เห็นคุณค่า ก็อย่าทำลาย หรือมุ่งมาเอาเงินพระ ทั้ง ๆ ที่พระก็ไม่ได้เอาเงินไปลงทุนค้ายาเสพติด เปิดบ่อน หรือซื้ออาวุธเพื่อรบกับใคร หรือทำอะไรที่เลวร้ายเลย 

ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธด้วยกัน ก็ขอให้อยู่ด้วยกันโดยใช้จิตเมตตาเห็นอกเห็นใจกัน ทำอะไรก็ให้อยู่บนรากฐานของความพอดี ให้คิดเสียว่า ถ้าเป็นญาติพี่น้องเรามาบวช เราจะปล่อยให้ลูก ให้พ่อที่อายุมากของเราไปบวชอย่างแร้นแค้นไหม หรือเราจะอุปถัมภ์ให้เขามีปัจจัย ๔ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องปลีกย่อยเหล่านี้ แล้วเอาเวลามานั่งสมาธิศึกษาคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เต็มที่...

บทความนี้เป็นเพียงมุมมองหนึ่งที่เขียนขึ้นเพราะอยากจะให้พุทธบริษัท ๔ เห็นใจกัน อยู่กันอย่างเข้าใจ ส่วนบทสรุปว่า “พระรับเงินดีหรือไม่รับดี ? ก็ต้องสุดแล้วแต่ที่ผู้อ่านจะคิดตามวิจารณญาณ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมายาวนานอย่างไม่จบไม่สิ้น ซึ่งถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ก็คงดี เพราะพระองค์คือผู้ที่จะทรงให้ความกระจ่างที่เหมาะสมที่สุดกับยุคที่เปลี่ยนไป...


Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ    
                   

พระรับเงินดีหรือไม่รับดี ? พระรับเงินถือว่าไม่สละหรือเปล่า ? พระรับเงินดีหรือไม่รับดี ? พระรับเงินถือว่าไม่สละหรือเปล่า ? Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 23:08 Rating: 5

13 ความคิดเห็น:

  1. ถวายท่านเถิด
    ท่านจะได้ก็บไว้ใช่จ่ายตามความจำเป็นของท่าน

    ตอบลบ
  2. ใครอยากจะถวายก็ถวายกันไป.. ใครไม่ถวายก็แล่วแต่ เวลาเราไปทำบุญแล้วพระให้พร ทำให้หัวใจเราพองโต ใครคิดแบบนี้บ้างคะ

    ตอบลบ
  3. ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทุกสิ่งต้องใช้เงินแลกเปลั่ยนมา ฆราวาสที่ไม่อยากให้พระรับเงินเอาอะไรคิด?

    ตอบลบ
  4. กราบอนุโมทนา สาธุเจ้าค่ะ เมื่อรัฐไม่มีสวัสดิการให้กับท่าน เนาชาวพุทธต้องช่วยกันดูแล เกื้อกูลท่าน สาธุค่ะ

    ตอบลบ
  5. กราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุครับ

    ตอบลบ
  6. ให้คนที่ชอบว่าพระบวชสัก3เดือนดูนะว่าจะกล้าใหมผมว่าคงไม่ทำดอกคนบาปเห่ลานี้

    ตอบลบ
  7. ถ้าพระบวชมานั่งๆนอนๆไม่จับเงินแต่ก็ไม่ทำอะไรเลย
    ชาวพุทธก็คงไม่ศรัทธาอยู่ดี
    ตอนนี้เห็นใจพระที่สร้างงานพระศาสนา
    แต่ถูกมองไม่ดีเพียงแค่ยังรับเงินทอง

    หากเงินทองนั้นรับมาเพื่องานของพระศาสนาจริง
    ศีลของท่านจะคุ้มครองให้เงินนั้นไปอย่างบริสุทธิ์
    ขอเพียงคนที่ศีลต่ำกว่าไม่ไปพยายามปกครองท่าน
    หรือกดขี่ข่มเหงท่าน เชื่อว่าศาสนาพุทธจะอยู่ได้

    ตอบลบ
  8. พระจับเงินไม่ผิดวินัยนะคะ
    ถ้าผิดวินัย
    พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ท่านคงไม่ให้การ#อุปถัมป์มาตั้งแต่ #รัชกาลที่5เป็นต้นมา

    ตอบลบ
  9. ทุกสิ่งในโลกนี้มีดีมีเสียคู่กันไปเสมอ แต่พุทธศาสนามีแต่ดีด้านเดียวย

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.