เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี ?
หลวงพ่อทัตตชีโว : ธรรมะในพุทธศาสนานั้นมีหลักธรรมที่นำมาใช้ในการพัฒนาชีวิต
และยกระดับจิตใจผู้ปฏิบัติได้ตลอดกาลในพระพุทธศาสนามีการสอนถึงหน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
และสอนหน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่ไว้
วันนี้หลวงพ่อจะยกหน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกมาถ่ายทอด
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ที่เตรียมตัวจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ในวันข้างหน้าได้ศึกษาเรียนรู้หน้าที่ทั้งหมดของตัวเองให้ดี
ส่วนท่านที่เป็นลูกเมื่ออ่านแล้วก็จะได้รู้และซาบซึ้งถึงพระคุณของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อลูก
ส่วนใหญ่คนเป็นพ่อเป็นแม่ต่างก็ไม่ค่อยรู้หน้าที่ของตนเองครบนัก
เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจด้วยกันทุกคน
เพราะไม่มีพ่อหรือแม่คนไหนในโลกหรอกที่จะเรียนหลักสูตรเลี้ยงลูกให้จบเสียก่อนแล้วค่อยแต่งงาน
แล้วค่อยเลี้ยงลูก ส่วนมากแต่งงานแล้วจนกระทั่งมีลูกถึงมาขวนขวายว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไร
แต่เวลานั้นก็ช้าไป เพราะงานเฉพาะหน้าก็เกิดขึ้นเยอะแล้ว นั่นเป็นช่วงของการทำงานเลี้ยงลูก
หาใช่ช่วงเวลาของการมาศึกษาว่าจะเลี้ยงลูกให้ดีอย่างไรหรือจะเลี้ยงอย่างไรให้ลูกดี
เมื่อการศึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกช้าไป จึงทำให้การเลี้ยงลูกไม่สมบูรณ์
ส่วนมากก็มุ่งเลี้ยงทะนุถนอมกันอย่างดีในส่วนของกาย มุ่งฝึกร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อ
มุ่งเลี้ยงให้กายโตวันโตคืนป้องกันไม่ให้ยุงเหลือบริ้นไรมาไต่ตอม ดูแลกันอย่างดี
เรียกได้ว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ช่วยป้องกันดูแลกายลูกสุดชีวิตกันทีเดียว
นี้เป็นพระคุณของท่านที่ลูก ๆ
ทุกคนจะต้องจดจำไปจนวันตาย แต่นี่ก็เป็นเพียงหน้าที่ส่วนหนึ่งของท่าน เป็นหน้าที่ดูแลลูกในส่วนรักษากาย
ยังมีหน้าที่ดูแลลูกอีกส่วนหนึ่ง คือ
การดูแลรักษาใจ หน้าที่ตรงนี้สำคัญมาก คุณพ่อคุณแม่จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม
แต่ถ้าทำหน้าที่ส่วนนี้ผิดพลาดลงไปแล้ว กลับจะได้ลูกเป็นคนเลว คนประพฤติทราม
ซึ่งนอกจากคนเป็นพ่อแม่จะต้องเสียใจว่ามีลูกเลวแล้ว สังคมประเทศชาติก็จะต้องเดือดร้อน
เพราะลูกคนที่เลวนี้ นี้เป็นปัญหาที่คาราคาซังอยู่ในโลกมานานเหลือเกิน
แล้วภาระหน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูทางใจมีอะไรบ้าง
เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้แนวทางไว้ คือ
ข้อหนึ่ง
ต้องรีบสอนไม่ให้ลูกทำความชั่ว
ข้อสอง
รีบสอนรีบสั่งรีบปลูกฝังให้ลูกคุ้นกับความดี ตั้งใจทำความดี เมื่อพ่อแม่ทำหน้าที่ ๒
ข้อนี้ครบแล้ว จึงค่อยทำข้อที่สาม
ข้อสาม
ส่งเสริมให้เล่าเรียนเขียนอ่าน ให้ศึกษาศิลปวิทยาวิชาการต่าง ๆ
เพื่อจะได้เลี้ยงชีวิตพึ่งตัวเองต่อไปได้
ข้อสี่
เมื่อลูกเติบโตสมควรจะมีคู่ครอง ก็ช่วยดูให้ลูกเลือกคนดี
ข้อสุดท้าย
ถึงเวลาก็มอบมรดกให้ลูกไว้
แต่ ๒ ข้อสุดท้ายยังนับว่าเป็นเรื่องรอง
เรื่องหลักคือ ๓ ข้อแรก
มาดูที่ ๓ ข้อแรก เรื่องแรก
ห้ามลูกไม่ให้ทำความชั่ว เรื่องที่สอง ให้ลูกตั้งอยู่ในความดี ๒ อย่างนี้สำคัญที่สุด
แล้วจึงค่อยไปส่งเสริมให้ศึกษาเล่าเรียน นั่นคือการศึกษาก็สำคัญ
แต่ยังต้องหลังจากแยกดีกับชั่วออก
แต่พ่อแม่เกือบทุกยุคทุกสมัยมองข้าม ๒ ข้อแรกไป อยากจะเห็นลูกเก่ง
อยากจะเห็นลูกดีแต่ตัวเองไม่รู้หรอกว่าจะให้ลูกดีนั้น
ลูกต้องรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วก่อน รู้แล้วจึงไปสอนให้ลูกเก่ง คือ
มีวิชาความรู้ความสามารถต่าง ๆ
การสอนให้ลูกเป็นคนดี
รู้ว่าอะไรชั่วแล้วสามารถเบรกตัวเองไม่ให้ทำชั่ว แล้วทุ่มเททำความดี ตรงนี้ยากจริง
ๆ ยากเพราะว่าความดีความชั่วไม่มีมิเตอร์ ไม่มีเครื่องวัดให้เห็นประจักษ์กันด้วยตา
คนในโลกนี้กว่าจะรู้ดีรู้ชั่วได้ถูกต้องจริง ๆ ต้องรอจนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วไปพบกฎแห่งกรรม
โลกจึงได้มาตรฐานในการวัดความดีวัดความชั่วมาว่า ชั่วทางกายเป็นอย่างไร
ชั่วทางวาจาเป็นอย่างไร ชั่วทางใจเป็นอย่างไร ดีทางกายเป็นอย่างไร
ดีทางวาจาเป็นอย่างไร ดีทางใจเป็นอย่างไร แต่แม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และค้นพบเรื่องกฎแห่งกรรมนี้
และทรงประกาศเรื่องกฎแห่งกรรมที่ทรงค้นพบไว้ตั้งแต่เมื่อ ๒,๖๐๐
กว่าปีมาแล้วความรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้ก็ยังไม่แพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก
ดังนั้น
คนที่ไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรมจึงมีมากกว่าคนที่รู้เรื่องกฎแห่งกรรม แถมยังมีคนที่รู้กฎแห่งกรรมแล้ว
แต่ก็มักง่าย คือ รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว แต่เห็นคนทำชั่วมีเยอะในโลก
ตัวก็พลอยทำชั่วตามไปด้วย โลกจึงวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้
ในโลกนี้พ่อแม่จำนวนมากเหลือเกินที่เลี้ยงลูกได้แต่กาย เลี้ยงใจลูกไม่เป็น
เลี้ยงให้เป็นคนดีไม่เป็น จึงมักได้ยินคำพูดตามกันมาว่า คนเราเลี้ยงได้แต่กาย
เลี้ยงใจไม่ได้ แต่ความจริงใจก็เลี้ยงได้ ถ้าเลี้ยงเป็น
ใครที่มาบวชเป็นพระแล้ว
ก็แสดงว่าใจของพ่อแม่ท่านใช้ได้ทีเดียวจึงได้ประคองเลี้ยงลูกมาให้มีใจงาม ๆ
จนกระทั่งมาบวชได้
พระคุณของพ่อแม่ในส่วนที่เลี้ยงดูใจของลูกจนลูกเป็นคนดีได้นี้เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่
ที่ตัวของท่านเองกว่าจะได้ความรู้นั้นมา ก็ต้องผ่านความยากลำบากนานาประการ
ต้องศึกษามาปฏิบัติมา จนกระทั่งรู้ว่าดีกับชั่วเป็นอย่างไร
และเพียรพยายามฝึกลูกให้รักความดี ห่างไกลความชั่วมาได้ นี้คือพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่าน
มีข้อฝากให้คิดว่า
การศึกษาของโลกนั้นมุ่งกำหนดแต่มาตรฐานทางวิชาการ ไม่มีมาตรฐานทางด้านศีลธรรม
จบการศึกษามาแล้วได้แต่ความเก่ง แต่ไม่ได้ความดีติดตัว
เมื่อมีแต่ความเก่งไม่มีความดีเป็นกรอบขอบเขตของการคิดและการกระทำ ก็จะพากันเก่งในการทำความไม่ค่อยจะดี
เก่งในการสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนร่วมโลก โลกนี้จึงมีมิตรเทียมมากกว่ามิตรแท้
โลกจึงเดือดร้อนกันไม่หยุด
การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีสามารถทำได้
หากทุกคนตระหนักถึงความสำคัญในภาระหน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ ว่าจะสามารถสร้างคนดี
สร้างมิตรแท้ให้กับเพื่อนร่วมโลก
และมีส่วนที่จะทำให้โลกนี้สว่างไสวด้วยพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วพึงขวนขวายศึกษาหาความรู้ทำความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมให้ถ่องแท้
และชักชวนกันทำความดี ปฏิเสธความชั่วให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปทุกคน
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๘ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๘ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี ?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
23:57
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: