ลาก่อนมนุษย์ป้า
“ความโกรธ” ไม่ว่าใคร
ๆ ก็มีทั้งนั้น แต่โกรธขนาดรู้สึกว่าตัวเองเหมือนยักษ์คงไม่ได้มีกันทุกคน
วันนี้ พรธิวา วงษ์สอาด (อ๋อ) ครูสอนวิชานาฏศิลป์-การละครในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งมาเปิดเผยเรื่องราวของเธอเพื่อเป็นธรรมทาน
“อ๋อเป็นคนขี้โมโหมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ
แค่พ่อมารับที่โรงเรียนช้า ก็หงุดหงิดแล้ว และถ้ามีใครมาทำให้ไม่ถูกใจจะโมโหมาก
อย่างตอนเรียนมัธยมมีเพื่อนมาค้นกระเป๋าของเรา
อ๋อโกรธมากกกกกกกถึงขนาดอยากบีบคอให้ตายเลย ทำไมถึงไร้มารยาทขนาดนี้ คือ
อ๋อไม่รู้จักปล่อยวาง ไม่มีสติ จัดการกับอารมณ์ของตัวเองไม่ได้
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง อ๋อไปทานอาหาร
เมนูที่สั่งไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ตอนพนักงานมาคิดเงินเลยพูดกับเขาไปว่า ‘รสชาติแย่มาก’
ใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำ ตาเขียวเหมือนยักษ์
พนักงานก้มหัวขอโทษแล้วหน้าเสียไปเลย ยังไม่พอ อ๋อยังตามไปคอมเมนต์ว่าเขาในเพจอีก
ตอนนั้นอ๋อเป็นมนุษย์ป้า!!”
ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ขณะศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เธอมีโอกาสเข้าค่ายสมาธิ ๗ วันกับชมรมสมาธิเพื่อชีวิต
ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเธอ และหลังจากได้เข้าวัดฟังธรรมทำทาน รักษาศีล
ทำสมาธิต่อเนื่อง ไฟโทสะในใจที่มักปะทุออกมาทำร้ายจิตใจผู้อื่นและทำลายความสัมพันธ์อันดีกับผู้คนรอบข้างก็ค่อย
ๆ บรรเทาลง
“ชีวิตอ๋อเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากค่ะ
การเรียนก็ดีขึ้น จากนั้นก็ฝึกนั่งสมาธิและรักษาศีลมาเรื่อย ๆ
แต่ใจไม่ได้เย็นลงภายในไม่กี่วันนะคะแรก ๆ เวลาสอนนักเรียนก็ยังใจร้อนอยู่
ตอนฝึกประสบการณ์สอน ถ้าให้อ๋อสอนซ้ำ ๆ อ๋อจะหงุดหงิด ทำไมทำไม่ได้สักที ดุนักเรียนจนครูพี่เลี้ยงต้องบอกให้ใจเย็น
ถึงดึงสติกลับมาได้
“เข้าวัดหลายปีเลยค่ะถึงเย็นลงได้ขนาดนี้
แต่อ๋อว่าความโกรธมันยังอยู่นะคะ เพียงแต่เรามีสติมากขึ้น
ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น ไม่ก่อกรรมกับใครง่าย ๆ
พยายามไม่ไปกระทบกับใครให้มากที่สุด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะลูกหลวงพ่อเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมกันอยู่แล้ว”
หลังจากทำสมาธิและปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อไปเรื่อย ๆ
วันหนึ่งทุกคนก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของเธอ
“ตอนหลังอ๋อใจเย็นขึ้นมากค่ะ
มีอยู่วันหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ดี ๆ มีครูคนหนึ่งเข้าใจเราผิด
เข้ามาด่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ ด่า ๆ ๆ ๆ เสียงดังมาก ในใจเราก็เดือดเหมือนกัน
แต่มีสติพอ เราเลยนิ่ง เขาเห็นเรานิ่ง ก็เลยไม่รู้จะว่าอย่างไรต่อ
เลยเสียหลักแล้วเดินจากไปเอง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเรื่องคงใหญ่และไม่จบง่าย ๆ
ตายเป็นตาย ด่ามาด่ากลับ ไม่รอให้เขาพูดจบแน่นอนค่ะ”
สมาธินอกจากช่วยให้มีสติดีขึ้นและใจเย็นขึ้นแล้ว
ยังมีประโยชน์อีกมากมาย อาทิ ทำให้เราได้บุญ ช่วยให้มีความสุข ผ่อนคลายความเครียด
ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ สุขภาพดีและยังช่วยให้ความจำดีขึ้น
สมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
“การฝึกสมาธินอกจากทำให้เรานิ่งขึ้น
ใจเย็นขึ้นแล้ว จากที่เป็นคนขี้หลงขี้ลืมไม่มีสติก็หายไปค่ะ ก่อนเข้าเรียนที่มศว
อ๋อเรียนอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ เวลาเรียนจำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะ
เวลาครูต่อท่ารำเพลงต่าง ๆ ให้ ก็จำไม่ค่อยได้ ความจำแย่มาก ๆ
“พอฝึกสมาธิแล้ว ความจำดีขึ้นมากเลยค่ะ
เหมือนเกิดใหม่ มีละครอยู่เรื่องหนึ่งที่จะต้องสอบ บทยาวมาก ๆ เต็มหน้ากระดาษเลย
ซึ่งต้องใช้ความจำล้วน ๆ ตอนนั้นเพื่อน ๆ
ที่ได้รับบทนี้ไม่มีใครจำบทพูดได้หมดสักคน แต่อ๋อจำได้ Amazing มาก
ๆ ค่ะ ทั้งรุ่นมีเราคนเดียวที่จำได้
จนเพื่อนสนิทที่เรียนจบมัธยมมาด้วยกันแปลกใจว่าทำไมเราถึงจำได้
ปกติไม่ใช่แบบนี้ก็เลยบอกเพื่อนไปว่านั่งสมาธิมา แล้วช่วงนั้นอ๋อนั่งสมาธิดีและต่อเนื่องด้วย
“หลังจากเรียนจบมาทำงานแล้ว
ถ้ามีโอกาสอ๋อจะหาเวลาไปชาร์จแบต ไปปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ ไปแล้วมีพลังค่ะ ได้พักสมอง
พักใจ ได้อารมณ์สบาย
พร้อมที่จะกลับไปทำงานต่อเข้าพรรษานี้อ๋อก็ตั้งเป้านั่งสมาธิไว้ในใจแล้วค่ะ”
สมาธิทำให้เกิดสิ่งดี ๆ มากมาย
เปลี่ยนยักษ์หรือมนุษย์ป้าให้เป็นนางฟ้าก็ยังได้ แล้วเรื่องอะไรเราจะไม่นั่งสมาธิ
Cr. กลุ่มดาวมีน
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๘ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
ลาก่อนมนุษย์ป้า
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
23:51
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: