ชีวิตที่ลิขิตเอง


          มนุษย์มิใช่มีเพียงชีวิต                 แต่ยังมีภารกิจคิดสร้างสรรค์
อีกฟากฟ้าจะคว้าดาวสาวตะวัน            มากำนัลคนยากไร้ในแผ่นดิน
ประวัติศาสตร์บ่งชี้กี่ยุคแล้ว                  ว่าดวงแก้วมักอยู่ในภูผาหิน
ไม่สกัดภูผาเป็นอาจิณ                          ก็ชื่นชมเพียงเศษดินจนสิ้นใจ
                                                                                                     (นิรนาม)

บุคคลผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นโทษภัยในวัฏสงสารจึงไม่ควรประมาทในชีวิต หมั่นสั่งสมกุศลกรรมทีละเล็กทีละน้อยอย่างเนืองนิตย์ ด้วยจิตใจที่ร่าเริงเบิกบานแจ่มใส โดยไม่เห็นแก่ความยากลำบาก จนกุศลความดีที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วนนั้นเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ย่อมได้ชื่อว่า เป็นบัณฑิตผู้มีมลทินอันขจัดแล้ว ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า

          อนุปุพฺเพน เมธาวี                      โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ
กมฺมาโร รชตสฺเสว                               นิทฺธเม มลมตฺตโน

ผู้มีปัญญา ทำกุศลอยู่คราวละน้อย ๆ ทุก ๆ ขณะ โดยลำดับ พึงกำจัดมลทินของตนได้ เหมือนช่างทองปัดเป่าสนิมทองให้หมดไปได้ฉะนั้น.

ดังเช่นเรื่องราวอันน่าสนใจของครอบครัวคุณฉวี่ หลานอย่า อายุ ๒๖ ปี และคุณแม่เฉิน ซิ่วฮวา อายุ ๖๐ ปี ชาวไต้หวัน ที่ลิขิตชีวิตตัวเองอย่างผู้มีปัญญา ตามที่ได้ศึกษาจากคำสอนในพระพุทธศาสนา

“ดิฉันเกิดและเติบโตในครอบครัวชาวพุทธ ตั้งแต่เด็กคุณแม่จะพาไปรับบุญอาสาสมัครที่วัดและร่วมพิธีกรรมงานบุญต่าง ๆ อยู่เสมอ คุณแม่และดิฉันชอบสวดมนต์สรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าและรักการนั่งสมาธิ และได้ถือปฏิบัติเป็นหลักในการดำรงชีวิตตลอดมา

“คุณแม่ท่านเล่าว่า เมื่อตอนคุณยายป่วยและเสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณแม่รู้สึกว่าชีวิตเราสั้นยิ่งนัก และพร้อมจะจากโลกใบนี้ไปได้ทุกเมื่อ เพื่อนของท่านได้แนะนำให้คุณแม่รู้จักความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิต จนทำให้ท่านเข้าใจคำสอนของพระพุทธศาสนาและปล่อยวางได้ คุณแม่จึงตั้งใจประกาศตนเป็นพุทธมามกะ นับถือพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งจนตลอดชีวิต

“หลังจากนั้น ท่านก็ก้าวเดินในเส้นทางธรรม ศึกษาและลงมือปฏิบัติธรรมตามสำนักต่าง ๆ อย่างจริงจัง จนได้ดูรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่เผยแพร่ออกอากาศในประเทศ จึงทราบข่าวการสร้างพระธรรมกายประจำตัวเพื่อประดิษฐานบนพระมหาธรรมกายเจดีย์

“ดิฉันและคุณแม่พร้อมทั้งทุกคนในครอบครัวเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปวัดพระธรรมกาย แต่ก็ติดต่อขอร่วมบุญสร้างองค์พระประจำตัวรวมทั้งสิ้น ๙ องค์ หลังจากนั้นก็เริ่มแสวงหาหนังสือธรรมะและสื่อต่าง ๆ ของทางวัดพระธรรมกายทุก ๆ ด้าน เช่น หนังสือประวัติปฏิปทาคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เป็นต้น จนท้ายที่สุดดิฉันได้เดินทางไปวัดพระธรรมกายไทเป และวัดพระธรรมกายที่ประเทศไทย

“ยิ่งดิฉันและคุณแม่ได้ศึกษาทำความเข้าใจมากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาคำสอนของหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย และเคารพรักท่านเป็นอย่างมาก ที่ท่านได้เป็นต้นแบบผู้ทำความเพียรอย่างกลั่นกล้าจนเข้าถึงพระธรรมกายอันเป็นที่พึ่งแก่ชีวิตได้ แล้วตั้งใจเผยแผ่ธรรมปฏิบัติและหลักธรรมของการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้คนมากมายทั่วทั้งโลกในทุกวิถีทาง จนครอบครัวของดิฉันที่อยู่ต่างประเทศมีโอกาสเข้าใจความหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

“ตั้งแต่นั้นดิฉันและครอบครัวได้มีหลักในการดำเนินชีวิตที่ดี มีมหาปูชนียาจารย์ท่านเป็นต้นแบบของผู้ที่ดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างมีเป้าหมาย และใช้วันเวลาที่มีอยู่ให้เป็นไปเพื่อละเว้นบาปอกุศลกรรมทั้งปวง และสั่งสมบุญทุก ๆ บุญอยู่ตลอดเวลา

“ครอบครัวของดิฉันสวดมนต์และนั่งสมาธิกันอยู่ตลอด และอธิษฐานอยู่บ่อยครั้งว่า ตั้งแต่นี้ไปทุกภพทุกชาติ ขอให้มีศรัทธาที่มั่นคงในพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย มีสติตั้งมั่น ติดตามมหาปูชนียาจารย์สร้างบุญบารมีไปจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม”

Cr. พระมหาภูรัช ทนฺตวํโส
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๒ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑


***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2018/12/blog-post_77.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๒ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ที่นี่
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือนของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ที่นี่
คลิกอ่านหรือดาวน์โหลดวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนของแต่ละปีได้ที่นี่
ชีวิตที่ลิขิตเอง ชีวิตที่ลิขิตเอง Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 21:16 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.