อุบาสิกแก้วหน่ออ่อน ยอดหญิงผู้กอบกู้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา
เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล
พระพุทธองค์ทรงตั้งพระอุบลวรรณาเถรี เป็นพระอัครสาวิกาเบื้องซ้าย ด้านผู้มีฤทธิ์ และพระเขมาเถรี
เป็นพระอัครสาวิกาเบื้องขวา ด้านผู้มีปัญญามาก แม้ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์
พระองค์ก็จะทรงตั้งนักบวชสตรีหรือภิกษุณี คือ
พระสุมนาเถรีขึ้นเป็นพระอัครสาวิกาเบื้องซ้าย
และพระปทุมาเถรีเป็นพระอัครสาวิกาเบื้องขวา นั่นก็แสดงว่า "สตรี" มีบทบาทในการเผยแผ่ และสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอย่างโดดเด่นเคียงคู่กับบุรุษเพศมาตลอดแม้กระทั่งไปจนถึงอนาคตข้างหน้า
และโดยเฉพาะในขณะปัจจุบันนี้ "สตรี" ในพระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศนับล้านกำลังร่วมกันชูธงธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้โบกสะบัดพัดไสว เพื่อฟื้นฟูพระอริยสัทธรรมและนำมหาชนไปสู่เส้นทางแห่งสันติสุขที่แท้จริงอย่างน่าอนุโมทนาสาธุการ
สตรีในพระพุทธศาสนา
คือทหารกล้าแห่งกองทัพธรรม
พระพุทธองค์ทรงยกย่องสถานะสตรีว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
ทั้งในสถานะของการเป็นหนึ่งในพุทธบริษัท
ที่จะร่วมกันเชิดชูและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และทั้งในฐานะของนักบวชผู้สามารถบรรลุธรรม
สู่ความเป็นพระอริยบุคคล จนสู่เส้นทางแห่งความหลุดพ้นได้ ดังเช่น
นางวิสาขามหาอุบาสิกา ที่แม้เป็นเพียงฆราวาสผู้ครองเรือนอยู่ ก็ยังสามารถบรรลุโสดาปัตติผลได้และยังเป็นอุบาสิกาผู้เป็นกำลังสำคัญ
ที่สนับสนุนพระพุทธศาสนา จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เลิศทางด้านการเป็นอุปัฏฐายิกา
ส่วนในเพศนักบวชนั้น พระพุทธสาวิกาตลอดจนภิกษุณีทั้งหลาย ที่ท่านสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลชั้นต่าง ๆ ก็มีจำนวนมากมาย ดังเช่น
พระอุบลวรรณาเถรี และ พระเขมาเถรีที่ได้กล่าวไว้แล้วตอนต้น หรือแม้กระทั่ง พระกีสาโคตมี
ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นธิดาของตระกูลที่มีฐานะยากจน แต่ด้วยความที่เป็นผู้ฝักใฝ่ในธรรม
หลังจากบวชเป็นพระภิกษุณีแล้ว เพียงได้พิจารณาเปลวประทีปในอุโบสถ
ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
สตรีผู้สง่าในอาภรณ์สีขาว
เพราะสตรีมีบทบาทสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง
หลวงพ่อธัมมชโยจึงดำริให้มีกิจกรรมการบวชอุบาสิกาแก้วขึ้น
โดยเชิญชวนสตรีทั้งในและต่างประเทศเข้ามาถือศีล ๘
ประพฤติพรหมจรรย์ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ในนาม "อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน" ผู้ที่นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนาแล้ว ยังจะเป็น "หน่ออ่อน" ที่จะร่วมกันจรรโลงพระพุทธศาสนาไปสู่อนาคต
ได้อีกยาวนาน ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินมาแล้ว ๒ ครั้ง คือ
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑๐๐,๐๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
และโครงการบวชอุบาสิกาแก้ว ๕๐๐,๐๐๐
คน ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ที่เพิ่งผ่านไปเร็ว ๆ นี้ คือ
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑ ล้านคน ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ซึ่งถือว่าเป็นโครงการใหญ่ที่นอกจากจะมีที่วัดพระธรรมกายแล้ว
ยังจัดให้มีการบวชตามศูนย์ต่าง ๆ ทุกอำเภอทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์ต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือโรงเรียนก็สามารถปรับปรุงและดัดแปลงให้เป็นศูนย์อบรมได้
เพราะสามารถใช้เป็นที่ให้การอบรมและถ่ายทอดความรู้
ทั้งการฝึกสมาธิและความรู้อันเป็นธรรมเบื้องต้น
ตลอดจนวัฒนธรรมชาวพุทธที่จะสามารถนำเอามาเป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิตในเส้นทางแห่งสัมมาทิฐิ
และเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติอีกด้วย
และสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ก็คือ ภาพของสตรีผู้งามสง่าในอาภรณ์สีขาว
กำลังเป็นภาพที่เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
และกำลังแผ่ขยายไปสู่ผู้คนในทุกวงการ ทั้งข้าราชการ นักธุรกิจ ตลอดจนประชาชนทั่วไป
และกำลังปลุกจิตวิญญาณแห่งความรักในการปฏิบัติธรรมให้เกิดขึ้น แก่ทุกดวงใจของคนในผืนแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองอย่างแท้จริง
ยอดหญิงหัวใจพระ
รับผ้าสไบแก้วมาห่มครอง
หลังจากนั่งสมาธิทำใจให้ใสบริสุทธิ์ในพิธีภาคเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาคบ่ายจึงได้มีพิธีมอบสไบแก้ว
อันเป็นสิ่งที่อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนต่างมุ่งมั่นรอคอย
เพราะสไบแก้วจะเป็นสิ่งเตือนใจว่า อุบาสิกาแก้วจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ด้วยศีล ๘
บริสุทธิ์ ไปตลอดทั้งการอบรม และก่อนที่จะได้รับผ้าสไบ
อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกท่านยังได้รับโอวาทอันทรงคุณค่าและสัมโมทนียกถาจากพระธรรมกิตติวงศ์
(ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดโอรสาราม ที่ได้เมตตามาเป็นประธานในพิธี
รับศีล
บวชเป็นอุบาสิกาแก้ว จุดธัมมจาริณีประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
แม้สตรีจะบวชเป็นพระไม่ได้
แต่ก็บวชเป็นอุบาสิกาแก้วผู้อยู่ใกล้พระรัตนตรัยได้ และในพิธีบวช
อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนในครั้งนี้ ได้รับความเมตตาจาก
พระธรรมกิตติวงศ์มาเป็นพระศีลาจารย์ จากนั้นในพิธีภาคค่ำ หลวงพ่อธัมมชโย
นำนั่งสมาธิ และมีพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ จนมาถึงพิธีสำคัญ นั่นคือ
พิธีจุดธัมมจาริณีประทีป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
แสงไฟที่ส่องสว่างจากธัมมจาริณีประทีปแต่ละดวงนั้น
คือ แสงธรรมประจำใจของอุบาสิกาแก้วทุกท่าน ที่จะน้อมนำมาส่องสว่างนำทางชีวิตให้หลุดพ้นจากความมืดทั้งปวง
แต่ในขณะนี้ประทีปธรรมได้ถูกจุดเต็มลานธรรม เป็นนัยสำคัญว่า
พระพุทธศาสนาจะรุ่งโรจน์สว่างไสว เพื่อเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว
ให้กับมวลมนุษย์สืบต่อไป
จากศูนย์อบรม
ณ วัดพระธรรมกาย สานสายใยสู่ทุกภูมิภาค
สำหรับที่วัดพระธรรมกาย
จังหวัดปทุมธานี การบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนครั้งนี้จัดขึ้น ณ สภาธรรมกายสากล
ซึ่งบัดนี้เนืองแน่นด้วยอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ที่สมัครเข้ามาร่วมบวชอย่างน่าอนุโมทนา
สตรีหลายวัยแต่เมื่อมารวมใจเข้าสู่กิจวัตรกิจกรรม ทุก ๆ คนล้วนเป็นวัยเดียวกัน
เป็นวัยที่มีแต่ความ กระตือรือร้นในการฝึกฝนอบรมตนเอง เป็นหมู่คณะที่งดงาม ที่ใฝ่ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม
และแม้จะมีกิจกรรมอันใด ทุกคนต่างจดจ่อตั้งใจที่จะร่วมกิจกรรมนั้น ๆ
ด้วยความรักในระเบียบวินัยและภารกิจหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย ซึ่งก็คงไม่ต่างจากศูนย์อบรมอื่น
ๆ ทั่วประเทศ ที่แม้ทุกเช้าจะต้องตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด ลุกมาสวดมนต์ทำวัตร
แม้บางวันจะมีการพัฒนาด้วยบทฝึกเพื่อการสืบสานวัฒนธรรมชาวพุทธ และแม้จะต้องนั่งฟังการบรรยายธรรมที่ใช้เวลานาน
แต่อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนต่างก็ไม่ระย่อหรือท้อถอย สามารถกระทำกิจกรรมนั้น ๆ
ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แม้บางท่านจะมาใหม่ แต่เมื่อได้สัมผัสกับหลักสูตรการอบรมที่ลงมือทำจริงและได้มีส่วนร่วมทำด้วยตนเองอย่างจริงจัง
ความรู้สึกรักในพระพุทธศาสนา ตลอดจนความภาคภูมิใจ
ในความเป็นชาวพุทธได้ถูกตอกย้ำเข้าไปในจิตใจ จนสามารถบอกกับตนเองว่าเกินคุ้ม
และเป็นกำไรชีวิตอย่างมหาศาลที่ได้เข้ามาสู่โครงการดี ๆ เช่นนี้
เพราะสิ่งใดที่ไม่เคยได้รู้ก็ได้รู้
สิ่งไหนที่รู้แล้วก็ถูกตอกย้ำให้เข้าไปในใจมากยิ่งขึ้น ศรัทธาที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มพูน
จนกล้าที่จะบอกกับชาวโลกทั้งหลายว่า เราคืออุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน
ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นสตรีผู้กล้า
ผู้กอบกู้และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันสู่อนาคต
ดินแดนแห่งสังเวชนียสถาน
กำลังเบ่งบานด้วยแสงธรรม
แม้อินเดียจะเป็นเป็นดินแดนที่เป็นพุทธภูมิ
หรือเป็นที่บังเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา เพราะหากย้อนรำลึกถึงอดีตไปกว่า ๒๕๕๔ ปี
เราคงจะเห็นภาพพระพุทธองค์ ตลอดจนเหล่าพระอริยสาวก
กำลังบำเพ็ญพุทธกิจเพื่อโปรดชาวโลกแคว้นแล้วแคว้นเล่า
เราคงจะเห็นภาพของพระภิกษุสงฆ์ ผู้งดงามท่ามกลางพุทธบริษัทในแคว้นต่าง ๆ ที่ได้ใส่บาตร
ฟังธรรม มีการสนทนาธรรม และได้เห็นพุทธปาฏิหาริย์ประการต่าง ๆ ถึงแม้ภาพเหล่านั้น
จะเลือนหายไปจากแผ่นดินอันเป็นภารตประเทศมาช่วงหนึ่ง แต่บัดนี้สัญญาณแห่งการฟื้นฟูพระพุทธศาสนากำลังเริ่มปรากฏขึ้น
เพราะภาพการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนแห่งประเทศอินเดีย ได้ถูกจุดประกายขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนชาวอินเดียอย่างน่าอนุโมทนา
นับตั้งแต่การจัดครั้งแรกที่เมืองกัลยันและมุมไบ เมื่อกลางปี ๒๕๕๓ มาจนถึงครั้งที่
๒ ที่เมืองนาคปูร์ บาลากัต และมูนิจาเปอร์ ปลายปีเดียวกันนี้ ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ไกลสักเพียงไหน
ต้องเดินทางสักกี่ชั่วโมง เมื่อได้ทราบข่าว ชาวพุทธอินเดียก็จะเร่งรุดเข้าอบรมไม่ขาดสายด้วยชุดขาว
ๆ วันละหลายร้อยคน และยังสามารถปฏิบัติกิจวัตรชาวพุทธได้อย่างน่าทึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการไหว้ การกราบพระ แม้เพิ่งได้รับการฝึกก็ทำได้อย่างพร้อมเพรียงชนิดที่คนอินเดียเองยังอึ้ง
ไม่ว่าพระอาจารย์จะเทศน์เรื่องอะไร ทุกคนจะตั้งใจ ฟังจนเข้าใจ
แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นของขวัญให้กับความทุ่มเทของพระอาจารย์และทีมงานทั้งหมด
ก็คือ พวกเธอทำสมาธิจนสามารถเห็นทั้งดวงและองค์พระกันได้แล้ว นั่นเท่ากับว่า
พวกเธอจะค้นพบความสุขจากภายในด้วยตนเอง ซึ่งเป็นต้นทางความรู้ที่แท้จริงของชีวิต
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า วัฒนธรรมชาวพุทธเป็นสิ่งที่ชาวพุทธอินเดียเฝ้าคอยมาตลอดทั้งชีวิต
ขาดแต่เพียงผู้ที่จะนำคำสอนดั้งเดิมนั้นมาสาดส่องถึงอินเดียได้อีกครั้ง
แม้ชาวพุทธอินเดียจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในประชากรนับพันล้านคนที่นี่
แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าปลาบปลื้ม เพราะบัดนี้เสียงสวดมนต์สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย
และเสียงเปล่งประกาศความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาที่เคยปรากฏในแผ่นดินนี้ครั้งอดีตได้ดังขึ้นก้องกังวาน
ดูประหนึ่งลมหายใจแห่งพระพุทธศาสนากำลังจะกลับฟื้นคืนมาในเร็ววัน วันนี้
พวกเธอพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตัวเป็นชาวพุทธที่แท้จริงดังที่เฝ้ารอ
เพื่อแผ่ขยายความรุ่งเรืองและยังความสว่างไสว ประดุจดวงตะวันในยามอรุโณทัย
ที่เริ่มทอแสงเปล่งประกายฉายฉานทาบทาท้องฟ้า รอเวลาที่จะโคจรยังความแจ่มจ้าและเจิดจรัส
ณ แผ่นดินอันเป็นพุทธภูมิ ให้กลับสู่บรรยากาศแห่งความสงบสันติดั่งครั้งสมัยพุทธกาล
พลังสตรี
พลังแห่งสันติ พลังแห่งพุทธธรรม
ยังไม่เคยมียุคใดที่จะปรากฏภาพสตรี
ผู้ที่เคยคุ้นกับการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ต่างออกมาทำหน้าที่เป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน
เพื่อกอบกู้และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาดั่งเช่นยุคนี้ ซึ่งไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า
การร่วมใจกันทำความดี
ความพร้อมเพรียงในการประพฤติปฏิบัติธรรมจำนวนนับแสนนับล้านคนทั้งในและต่างประเทศเช่นนี้
นอกจากจะเกิดเป็นบุญกุศลอันบริสุทธิ์ ยังความดีงามให้เกิดขึ้นแก่แต่ละบุคคลแล้ว
ย่อมจะส่งผลถึงความถูกต้องดีงามในการดำเนินชีวิต ส่งผลต่อความสงบร่มเย็นในครอบครัว
และรวมไปถึงการขยายสืบต่อไปยังความสงบสันติให้แก่สังคม และประเทศชาติ
ขออนุโมทนาและขอชื่นชมอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทั้งหลายว่า
พระพุทธศาสนาในยุคนี้ จะวัฒนาถาวรไปได้ก็เพราะอุบาสิกาแก้วทุกคน เพราะทุกท่าน ๆ
นี่แหละ ที่ถูกเลือกให้มาเกิดเพื่อการนี้ และให้มาทำหน้าที่อันสำคัญในสภาวะเช่นนี้
Cr. พระสมศักดิ์ จนฺทสีโล
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙๙
เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔
อุบาสิกแก้วหน่ออ่อน ยอดหญิงผู้กอบกู้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:31
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: