วันวิสาขบูชา วันพระพุทธเจ้า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เอกบุรุษเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนหมู่มาก
เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เอกบุรุษผู้เลิศ
คือพระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ช่วงนี้ใกล้ถึงวาระมหามงคลสำหรับเหล่าพุทธศาสนิกชนอีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือ วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้
และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงกับวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๖ ฉะนั้น
วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่เราควรมาตรึกระลึกนึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์
จะได้เกิดความปีติใจว่า เป็นบุญลาภอันประเสริฐที่เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา
ได้สั่งสมบุญกุศลที่จะนำตนไปสู่สวรรค์นิพพาน เพราะพุทธบารมีธรรมอันไม่มีประมาณนี่เอง
ความหมายของวันวิสาขบูชา
คำว่า
วิสาขบูชา แปลว่า "การบูชาพระพุทธเจ้า เนื่องในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ"
ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย
ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน
ก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๗ หรือราวเดือนมิถุนายน วันวิสาขบูชา เป็นวันที่ ๓ เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวียนมาบรรจบกันในวันเพ็ญเดือน ๖ แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันหลายสิบปี
ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ ๓ ประการ ได้แก่
๑. วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ
เมื่อพระนางสิริมหามายา
พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะคลอด
พระนางเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ
เพื่อทรงให้กำเนิดพระราชโอรสในตระกูลของพระนาง ตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น
ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน
พระนางก็ได้ประสูติพระราชโอรสใต้ต้นสาละนั้น ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖
ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"
แปลว่า "ผู้มีความสมหวังดังใจปรารถนา"
เมื่อข่าวการประสูติแพร่ไปถึงอสิตดาบสผู้มีความคุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ
ดาบสจึงเดินทาง ไปเข้าเฝ้า เมื่อเห็นพระราชกุมารก็ทำนายได้ทันทีว่า "พระราชกุมารนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า"
แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกุมาร
พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์นั้นทรงรู้สึกเปี่ยมล้นด้วยปีติ ถึงกับทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส
๒. วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี มีพระชนมายุ ๓๕
พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะก็ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดของวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ
ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า "พุทธคยา"
เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย
สิ่งที่ตรัสรู้ คือ อริยสัจ ๔ เป็นความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ต้น มหาโพธิ์ และทรงเจริญสมาธิภาวนาจนได้บรรลุญาณ ๓ คือ
ยามต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ"
คือ ทรงระลึกชาติในอดีตได้ ยามสอง
: ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยการมีตาทิพย์สามารถเห็นการจุติและอุบัติของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยามสาม : ทรงบรรลุ "อาสวักขยญาณ"
คือ รู้วิธีกำจัดกิเลสด้วยอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖
๓. วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง
๔๕ ปี จนมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุวคาม ใกล้เมืองเวสาลี
แคว้นวัชชี ระหว่างนั้นทรงประชวรอย่างหนัก ขณะ เดียวกันพระองค์ได้เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย
แล้วเกิดอาพาธ แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ
เพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน
เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น
พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
หลังจากนั้นก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน
ประวัติความเป็นมา
วันวิสาขบูชาในประเทศไทย
ปรากฏหลักฐานว่า วันวิสาขบูชาเริ่มต้นครั้งแรกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
สันนิษฐานว่าได้รับแบบแผนมาจากลังกา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช
กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
จากนั้นกษัตริย์ลังกาพระองค์อื่น ๆ ก็ปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชานี้สืบทอดต่อกันมา
เมื่อมีพระสงฆ์มาเผยแผ่ในประเทศไทยจึงนำประเพณีนี้เข้ามาด้วย
สำหรับการปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชาในสมัยสุโขทัยนั้น
มีการบันทึกไว้ในหนังสือนางนพมาศว่าเมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน
ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน รวมทั้งประชาชนชาวสุโขทัย จะช่วยกันประดับตกแต่งพระนครด้วยดอกไม้
พร้อมกับจุดประทีปโคมไฟให้ดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็น เวลา ๓ วัน ๓ คืน
เพื่อเป็นการบูชาพระรัตนตรัย ขณะที่พระมหากษัตริย์และบรมวงศานุวงศ์ก็ทรงศีล
และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอารามหลวง
เพื่อทรง เวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยจะรักษาศีล ฟังธรรม ถวายสลากภัต
สังฆทาน แด่พระภิกษุ สามเณร บริจาคทานแก่คนยากจน ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ
วันวิสาขบูชา
วันสำคัญสากลของสหประชาชาติ
เนื่องจากวันวิสาขบูชาล้วนมีเหตุการณ์ต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของพระพุทธศาสนา
ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชานี้ และในวันที่ ๑๓
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
องค์การสหประชาชาติได้ยอมรับญัตติที่ประชุมกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก
โดยเรียกว่า Vesak Day ตามคำเรียกของชาวศรีลังกา
ผู้ยื่นเรื่องให้สหประชาชาติพิจารณา
นอกจากนี้ยังกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดวันหนึ่งของสหประชาชาติอีกด้วย
เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญเนื่องในวันประสูติ ตรัสรู้
และปรินิพพานของพระบรมศาสดา โดยการที่สหประชาชาติได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลกนั้น
ได้ให้เหตุผลไว้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์
เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้พระมหากรุณาธิคุณ โดยไม่คิดค่าตอบแทน
วิสาขบูชา วันแห่งการสถาปนาพระพุทธศาสนาให้เป็นแสงสว่างส่องนำทางสรรพสัตว์ไปสู่สวรรค์นิพพาน
วิสาขบูชา
วันที่พระพุทธเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือหมู่มารและมีชัยชนะที่ไม่วันกลับมาแพ้
วิสาขาบูชา วันที่พวกเราเหล่าพุทธบริษัทจะได้ทำทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาต่อองค์พระบรมศาสดา
ด้วยการเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
ดำเนินตามรอย บาทพระศาสดา
และรักษาวันแห่งความมหัศจรรย์นี้ไว้ให้เป็นประเพณีอันดีงามยืนยงคงอยู่เคียงคู่โลกตลอดไป...
Cr. เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ภาพประกอบ
: กองพุทธศิลป์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๐๓
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
วันวิสาขบูชา วันพระพุทธเจ้า
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:29
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: