เทศกาลลอยกระทง
งานลอยโคมวิสาขประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ประเทศมองโกเลีย |
เทศกาลลอยกระทงมีที่มาที่ไปอย่างไร?
ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมานานแล้ว
บ้างก็ว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย บ้างบอกว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย
และยังมีทฤษฎีอื่น ๆ อีกหลายทฤษฎี แต่ความจริงตั้งแต่เริ่มมีประวัติศาสตร์ชาติไทยขึ้นมา
ก็มีประเพณีลอยกระทงอยู่แล้ว
ส่วนวัตถุประสงค์และความเป็นมาของการลอยกระทงมีดังนี้
ประการแรก เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ
บูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที
และบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์ จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในบางท้องที่ลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ประทับรอยไว้เมื่อครั้งไปแสดงธรรมในนาคพิภพ
คือมีอยู่ช่วงหนึ่งพญานาคอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแสดงธรรมในนาคพิภพ
หลังจากแสดงธรรมแล้ว ขณะจะเสด็จกลับ พญานาคกราบอาราธนาให้พระองค์ช่วยประทับรอยพระบาทไว้เป็นที่ระลึก
ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยประทับรอยพระบาทเอาไว้
เพราะฉะนั้น ถึงคราววันลอยกระทงก็ถือว่า เป็นการบูชารอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ระลึกถึงโอกาสที่เสด็จไปแสดงธรรมในนาคพิภพ
บางท้องที่บูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เทศกาลยี่เป็งทางเชียงใหม่จะมีทั้งลอยกระทง และลอยโคม แต่ก่อนทั้ง ๒
อย่างนี้คู่ขนานกัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าลอยโคมจะมาแรงกว่าลอยกระทงในแม่น้ำ
การลอยโคมปล่อยขึ้นฟ้านี่เองที่เป็นการจุดประทีปบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเจดีย์จุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทั้งหมด
๔ องค์ องค์หนึ่งบรรจุอยู่ในจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อถึงคราววันเพ็ญ พระอินทร์จะนำหมู่เทวดาไปบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณี
เราเองไปไม่ถึงสวรรค์ ก็จุดโคมลอย แล้วส่งใจไปบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณีเจดีย์
ร่วมกับพระอินทร์และพวกเทวดา
ตอนนี้โคมลอยยี่เป็งดังไปทั่วโลกแล้ว
นักท่องเที่ยวทั้งโลกแห่มาดูยี่เป็งสันทรายที่ธุดงคสถานล้านนา
ซึ่งขึ้นชื่อลือชาจนกระทั่งฝรั่งมากันเป็นพันเป็นหมื่นคน ถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่ทั้งทางจังหวัด
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องมาร่วมกันจัด มีคนมาร่วมงานเยอะมาก
และไม่ใช่แค่นั้น เรายังไปจัดพิธีลอยโคมในวันวิสาขบูชาที่มองโกเลียด้วย จัดมาแค่
๒-๓ ครั้งเท่านั้น ตอนนี้กลายเป็นเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมองโกเลียไปเลย
มีคนเข้าร่วมงานมากมาย ที่อินเดียก็ไปจัดมาแล้ว ชาวพุทธในอินเดียเขาเห็นไทยจัด
มองโกเลียจัด เขาก็จัดบ้าง เวลาจัดพิธีบวชอุบาสิกาแก้ว
ปฏิบัติธรรมร่วมกันแล้วก็จัดพิธีลอยโคม เป็นการรวมใจทุกคนเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรียกว่าเริ่มกระจายจากประเทศไทยขยายไปหลายประเทศแล้ว
ประการที่สอง บูชาพระแม่คงคา
การลอยกระทงเป็นการบูชาพระแม่คงคา
ในวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงที่มีน้ำเต็มตลิ่งบริบูรณ์ที่สุด
เป็นการแสดงความขอบคุณผืนน้ำ เพราะมนุษย์เราอยู่ได้ต้องอาศัยน้ำ ตั้งแต่โบราณมา
ชุมชนไหนจะสร้างเมืองต้องอยู่ติดแม่น้ำ ไม่มีแหล่งน้ำสร้างเมืองไม่ได้
ต้องสร้างอิงแหล่งน้ำทั้งนั้น ฉะนั้นในรอบปี ๑๒ เดือน
เดือนที่เหมาะที่สุดที่จะทำพิธีก็คือเดือน ๑๒ เพราะว่าน้ำเต็มบริบูรณ์
แล้วชาวนาส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้าวเสร็จเรียบร้อย กำลังสบาย งานก็เสร็จแล้ว
น้ำก็เต็มท่า ได้จังหวะพอดี ก็เอาเทศกาลนี้มาลอยกระทงกัน ในคืนวันเพ็ญน้ำเต็มตลิ่ง
พระจันทร์สว่างเด่นบนฟ้า
การบูชาน้ำก็ต้องหาอะไรที่ลอยได้
แล้วกลางคืนมืด ๆ ไม่มีความสว่าง มองไม่เห็นอะไร ก็ต้องบูชาด้วยความสว่าง
จะเป็นความสว่างรูปแบบไหนก็แล้วแต่ท้องที่
แต่จะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต้องมีความสว่างเหมือนกันหมด
ในภาคกลางบูชาด้วยกระทงที่ทำด้วยใบตองมีเทียนปัก
ต่อมามีโฟมก็ใช้โฟมทำกระทง แต่บางคนไม่เอาโฟม ชอบกระทงแบบธรรมชาติ
ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ทางเหนืออย่างจังหวัดตากขึ้นชื่อลือชาเรื่องกระทงสาย
เขาเอากะลามะพร้าวมาขัดให้สะอาด แล้วเอาเทียนพรรษาหลอมมาใส่ในกะลา ตรงกลางเอาด้ายดิบมาทำเป็นไส้เทียน
เตรียมไว้เป็นพันกะลาเลย ถึงคราวก็นำไปลอยในแม่น้ำปิงที่จังหวัดตาก
จุดแล้วก็ลอยตาม ๆ กันไป จนบางคนที่เห็นกระทงไหลเป็นสายก็คิดว่าคงมีเชือกผูกอยู่ข้างล่าง
จริง ๆ ไม่มี เผอิญแม่น้ำปิงที่ผ่านจังหวัดตาก ข้างล่างมีสันทรายอยู่ เวลาน้ำมา
มันจะมาเป็นร่องน้ำ เวลาปล่อยกระทงออกไป มันจะลอยไปตามร่องน้ำเป็นสาย
เนื่องจากเขาปล่อยแบบต่อเนื่องกัน มันก็เลยไหลไปเป็นสาย เป็นภาพที่งามมาก
เมื่อตอนประชุมเอเปค
(APEC) ที่มีผู้นำทั่วโลกมาประชุมกันที่กรุงเทพฯ
ไทยเราเป็นเจ้าภาพ พอเสร็จการประชุมแล้ว ตอนภาคค่ำ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เราก็ปล่อยโคมลอย โดยทางราชการติดต่อยืมทีมงานจากธุดงคสถานล้านนา
ที่ปล่อยโคมยี่เป็งให้มาช่วยปล่อยโคมข้างวัดพระแก้ว โคมลอยขึ้นไปบนฟ้าเป็นสาย
ในแม่น้ำก็เอาทีมงานกระทงสายจากจังหวัดตากมา
ตามปกติเขาจะดูแลเรื่องความปลอดภัยของผู้นำประเทศสูงมาก
ต้องอยู่ในห้องที่มีกระจกกันกระสุน ป้องกันการลอบยิง ปรากฏว่า ผู้นำประเทศไม่สนเลย
เปิดประตูออกมายืนดูข้างนอกเลย แถมบางคนที่เป็นคู่สามีภรรยายังถือโอกาสโอบ ๆ
กันนิดหน่อย เพราะบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เขาว่าอย่างนั้นนะ
บรรดาผู้นำเกิดความรู้สึกประทับใจมากว่าทำไม วัฒนธรรมไทยมีความงดงามอย่างนี้
ไม่เคยไปประชุมที่ไหนในโลกที่มีความสวยงามอย่างนี้เลย มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
ฝั่งตรงข้ามก็คือพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว ซึ่งมีไฟสวยงามมาก
บนฟ้ามีโคมยี่เป็งลอยขึ้นไปเป็นสาย บนผืนน้ำมีกระทงลอยมาเป็นสาย
การบูชาพระแม่คงคาก็คือ
การระลึกว่าตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เราได้อาศัยน้ำในการดำรงชีวิต
เพราะฉะนั้นต้องแสดงความขอบคุณน้ำ แสดงความขอบคุณไม่ใช่แค่ลอยกระทงเฉย ๆ
ต้องรู้คุณน้ำด้วย แล้วก็ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า ไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง
เพราะน้ำไม่ได้มีเหลือเฟือ ต่อไปจะแย่งน้ำกัน ตอนมีน้ำอยู่ไม่รู้สึก
พอแล้งน้ำก็จะพบว่า บางครั้งถึงกับอาจจะทำศึกสงครามแย่งชิงน้ำกัน
จะเห็นคุณค่าของน้ำตอนที่ขาด เพราะฉะนั้นต้องใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
แล้วก็ไม่ทำให้น้ำสกปรก ไม่ปล่อยของเสียลงน้ำ เป็นต้น
รณรงค์ให้ทุกคนรู้จักการประหยัดน้ำและใช้น้ำให้ถูกวิธี ไม่ทำให้แหล่งน้ำเสียหาย
นี่คือการขอขมาพระแม่คงคา และแสดงความขอบคุณพระแม่คงคาที่ถูกต้อง
ไม่ใช่ไปไหว้เทวดาพระแม่คงคา ไม่ใช่อย่างนั้น แต่แสดงความขอบคุณกับน้ำ
ว่าเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตเรา ฉะนั้นเราต้องใช้น้ำให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์
ถ้าอย่างนี้ถูกหลัก
หลายคนบอกว่า
การลอยกระทงเป็นการลอยทุกข์ลอยโศกให้ออกไปจากตัวเรา บางคนก็ตัดเล็บ
ตัดผมใส่ลงไปในกระทง บางคนก็เอาเงินใส่ลงไป แล้วก็ลอยไป
เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องไหม?
อันนี้เป็นความเชื่อที่เพิ่มขึ้นมาทีหลัง
ไหน ๆ ก็ลอยไปแล้ว ก็น่าจะเอาอะไรที่ไม่ดีลอยออกไปด้วย คิดได้อย่างนี้แล้วรู้สึกสบายใจ
นั่นเป็นสิ่งที่แถมขึ้นมา แต่ความจริงแค่เอาผมใส่กระทง ตัดเล็บใส่
เอาสตางค์ใส่ลงไป มันเป็นไปไม่ได้ที่ ทุกข์ โศก โรค ภัย ต่าง ๆ จะลอยออกไป
มันยังไม่ไป ถ้าจะให้ทุกข์ โศก โรค ภัย ออกไปด้วย ต้องสร้างบุญ ถ้าต้องการลอยทุกข์
ลอยโศก ลอยเคราะห์ ลอยภัยออกไป ตอนกลางวันก่อนจะลอยกระทงให้ไปทำบุญก่อน
ถวายสังฆทาน เลี้ยงพระ หรือว่าทำบุญในด้านต่าง ๆ
พอกลางคืนมาลอยกระทงก็ระลึกนึกถึงบุญนี้ แล้วอธิษฐานว่า ด้วยอานิสงส์ผลบุญนี้
ขอให้ทุกข์ โศก โรค ภัย เคราะห์ไม่ดีทั้งหลาย ให้ออกไปจากชีวิตข้าพเจ้า
อย่างนี้ถึงจะได้ ส่วนผมหรือเล็บตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เอาไปใส่ถังขยะ
ให้เข้าใจหลักนิดหนึ่งว่า
ชีวิตคนเรามีระเบิดเวลาอยู่ ถ้าเปรียบชีวิตเราเหมือนนาวาชีวิต
ระเบิดลูกนี้ก็เหมือนกับเป็นหินโสโครกใต้น้ำ เป็นทุ่นใต้น้ำที่เรามองไม่เห็น
บางคนเราเห็นเขาเป็นคนดี ทำไมปุ๊บปั๊บรถชนตายไปแล้ว บางคนปุ๊บปั๊บป่วยตายไปเลย
ทำให้สงสัยว่า ทำไมคนดี ๆ ตายเร็ว ที่จริงเป็นเพราะกรรมในอดีตของเขา
ถ้าดูแค่ชาตินี้แล้วเขาอาจจะยังไม่ควรตาย แต่คนเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ชาติก่อน ๆ ที่เขาทำไม่ดีมาก็มี มันมาส่งผลตอนนี้พอดี
ถามว่าจะแก้อย่างไร
วิธีการคือจะต้องสร้างบุญ ถ้าเราสร้างบุญก็เหมือนเติมน้ำ เหมือนเรือวิ่งอยู่
มีหินโสโครกอยู่ ถ้าเรือไปเกยหินเมื่อไรก็เรียบร้อย จมเลย แต่พอน้ำสูงขึ้น
เรือก็วิ่งผ่านไปได้ หินโสโครกยังมีอยู่เหมือนเดิม
แต่เรือวิ่งผ่านไปได้โดยไม่เกยตื้น เรือก็ไม่แตก เพราะน้ำหนุนให้เรือลอยผ่านไปเลย
ชีวิตเราเหมือนกัน วิบากกรรมในอดีตตามมา แต่ถ้าเราสร้างบุญแล้ว
บุญจะหนุนส่งให้นาวาชีวิตของเราสูงขึ้น แล้วลอยข้ามวิบากกรรมนั้นไปได้
เพราะฉะนั้น อยู่ ๆ ไปลอยกระทงเฉย ๆ
เคราะห์กรรมยังไม่ได้หายไปนะ ต้องไปสร้างบุญก่อน แล้วก็ตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นพิเศษด้วย
เพราะวันเพ็ญเป็นวันดี ลอยกระทงเสร็จแล้วกลับมานั่งสมาธิสวดมนต์ แล้วก็เปิด DMC ดู ใจจะได้อยู่ในบุญกุศล
ถ้าลอยกระทงแล้วคิดว่าลอยเคราะห์ลอยโศกไปแล้ว เสร็จแล้วไปดื่มสุรา แล้วก็ตีหัวกัน
กรรมใหม่ก็ตามมาเลย บางครั้งไปเล่นดอกไม้ไฟกันแล้วไฟไหม้บ้านก็มี
เพราะฉะนั้นจะผ่านทุกข์โศกโรคภัยไปได้ ต้องสร้างบุญ นี่คือหัวใจ
วัตถุประสงค์ของการจุดดอกไม้ไฟคืออะไร?
การจุดดอกไม้ไฟเป็นสิ่งที่เพิ่มมาทีหลัง
พูดง่าย ๆ ว่า เมื่อมีงานเทศกาล มีการลอยกระทง
ก็พยายามหาอะไรที่ทำให้คึกคักสนุกสนาน
ควรจะอนุรักษ์หรือควรคำนึงถึงอะไรบ้างเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง?
ควรจะนึกถึงเป้าหมายดั้งเดิม คือ ๑.
บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒. ระลึกถึงคุณของน้ำ
แล้วบริหารจัดการน้ำอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
ในปัจจุบัน
ความคิดเรื่องการลอยกระทงอย่างเดิมเปลี่ยนไปมากไหม?
คิดว่ายังมีอยู่
แต่ว่าอาจจะไม่ชัดมากนัก บางคนก็ชัด บางคนก็ไม่ชัด
ส่วนใหญ่อาจจะนึกว่าเป็นประเพณีก็เลยรักษาประเพณีเอาไว้
แต่ความเข้าใจว่าประเพณีนี้ มีเพื่ออะไรอาจจะไม่ถึงกับชัดเจนมากนัก
ทำไมเขาถึงกำหนดให้วันเพ็ญเดือน
๑๒ เป็นวันลอยกระทง?
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ถ้าจัดงานวันเดือนมืดกับเดือนสว่างอันไหนดีกว่า
ก็ต้องเดือนเพ็ญที่สว่างไสว เพราะฉะนั้นงานสำคัญ ๆ เขาจะจัดตรงกับวันเพ็ญ
ซึ่งปีหนึ่งมีอยู่ ๑๒ ครั้ง การลอยกระทงถ้าจัดหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำ ลอยไม่ได้
เลยต้องเลือกเดือนที่มีน้ำบริบูรณ์ที่สุด ซึ่งก็คือเดือน ๑๒ ที่น้ำนองเต็มตลิ่ง
บรรดาพุทธศาสนิกชนที่เป็นวัยรุ่น
และผู้ปกครองควรปฏิบัติอย่างไร ในเทศกาลลอยกระทง?
ต้องระวัง
เพราะว่าการลอยกระทงต้องลอยกลางคืน ต้องรอให้พระจันทร์ขึ้นก่อน พอมืด ๆ อากาศเย็น
ๆ หนาว ๆ จะค่อนข้างโรแมนติก เพราะฉะนั้นวัยรุ่นหรือหนุ่มสาวก็ชักจะคิดฟุ้งซ่าน
เนื่องจากโอกาส จังหวะ อารมณ์ และบรรยากาศพาไป
ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีก็อาจจะเกิดเรื่องเสียหายได้ พ่อแม่ก็ควรจะดูแลลูกด้วย
ถ้าไปด้วยกันเป็นครอบครัวได้ก็จะดี ในขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็ควรจะต้องรู้ว่า
เราต้องรักนวลสงวนตัว เราถึงจะมีค่า ถ้าไปทำอะไรแบบปล่อยตัวปล่อยใจไปง่าย ๆ เขาจะไม่เห็นค่า
แล้วจะเกิดความเสียหายตามมาในภายหลัง
อย่าให้เทศกาลที่ควรจะเป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กลายเป็นทางมาของเรื่องไม่ดี อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ควรทำให้ถูกวัตถุประสงค์
คือบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วระลึกถึงคุณของน้ำ
ขณะเดียวกันก็ให้ระวังของแถมที่จะตามมา ซึ่งเป็นความเสียหายต่าง ๆ คือ การเมาสุรา
การทะเลาะวิวาท แล้วก็เรื่องชายหญิง ตรงนี้ต้องระวังให้ดี
ให้เรากันข้อเสียแล้วเสริมข้อดี
จะได้เป็นการรักษาอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทงไว้อย่างถูกต้องและดีงาม
Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๐๙
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เทศกาลลอยกระทง
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:50
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: