คองโกกับการค้นพบแสงแห่งธรรม




เพชรเม็ดโตที่หลายคนสวมใส่ ใครเลยจะรู้ว่า อาจมาจากบ้านเกิดของพวกเขา คองโก...ดินแดนที่คงอยู่เพื่อท้าทายความเชื่อมั่นของมนุษย์... คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยที่ประสบภาวะสงครามมากที่สุดแห่งหนึ่งในรอบ ๑๐๐ ปี

ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่ดินแดนอันไกลโพ้นใจกลางทวีปแอฟริกา จะมีเรื่องจริงดั่งตำนานของพระพุทธศาสนาซุกซ่อนอยู่ ที่สำคัญคือทุกคนยังมีชีวิต และพร้อมเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่จะทำให้ชาวพุทธทั่วโลกต้องทึ่ง...

เพราะเพชรไม่ใช่ข้าว

แน่นอนว่า จานที่มีข้าวเต็ม ๓ มื้อ ถนน ๔ เลนแสนสะดวก กับลมแอร์เย็น ๆ ในวันที่ร้อนมาก ๆ คือ ภาพสังคมไทยยุคใหม่ที่ให้อะไรแก่เราอย่างเหลือล้น และคงจะยิ่งตอกย้ำมากขึ้น หากเราลองหันไปมองเพื่อนอีกซีกโลกที่ ณ วันนี้ ความสุขสบายหายากเท่า ๆ กับอนาคตของพวกเขา

แม้คองโกจะมั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งแต่ป่าเขตร้อน เพชร ทองคำ ไปจนถึงปิโตรเลียม แต่ประเทศผู้ส่งออกเพชรรายต้น ๆ ของโลกแห่งนี้ กลับถูกฉกฉวยความร่ำรวยจากการค้าที่เสียเปรียบมาตลอด ดังนั้นแม้ใต้ผืนดินจะอุดมไปด้วยเพชร แต่...เพชรไม่ใช่ข้าว ดังนั้น เพชรจึงไม่ใช่เครื่องรับประกันความอิ่มท้องของชาวคองโก ไม่เพียงแค่ความจนเท่านั้น กระสุนสงครามยังซ้ำเติมให้พวกเขา ต้องห่างไกลสันติภาพไปโดยปริยาย แล้วความสุขของพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน...

สาวกจากพุทธภูมิ

เมื่อ ๔๕ ปีที่แล้ว ท่ามกลางความเชื่อที่หลากหลาย ในเมืองเล็ก ๆ ทางใต้สุดของคองโก ชื่อ ลูบุมบาชี คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่นี้ ครั้งนั้นพระอินเดียรูปหนึ่งได้ติดตามคณะขององค์การสหประชาชาติไปที่ประเทศคองโก ท่านคือ พระศีลาบรานันทะ ขณะนั้น ไม่มีชาวคองโกคนไหนรู้จักพระหรือสนใจคำว่าพระพุทธศาสนา แต่ชิบันยา หนุ่มน้อยวัย ๑๕ ปี กลับมองเห็นอะไรบางอย่างในพระภิกษุรูปนั้น ในเวลาสั้น ๆ ที่พบกัน พระภิกษุรูปนั้นจึงรีบถ่ายทอดความรู้ในพระพุทธศาสนา เช่น บทสวด พิธีกรรม และคำสอน พร้อมขนานนามเด็กน้อยใหม่ว่า "โพธิราชา" ก่อนที่คณะขององค์การสหประชาชาติจะเสร็จสิ้นภารกิจ หลังจากนั้น พระศีลาบรานันทะต้องกลับอินเดียและไม่ได้กลับไปคองโกอีกเลย




ดุจเกิดใหม่ครั้งที่ ๒

โพธิราชา ...เป็นดั่งนามแห่งการเกิดใหม่ในร่มแก้วของพระพุทธศาสนา จากวันนั้นถึงวันนี้ ท่านยังจดจำภาพพระภิกษุผู้มีพระคุณได้ติดตา และจำคำสอนเหล่านั้นได้ติดใจ ตลอด ๔๕ ปีมานี้ ท่านตอบแทนความเมตตาของพระภิกษุรูปนั้น ด้วยการอุทิศชีวิตปกป้องพระพุทธศาสนาในวงล้อมของเพื่อนต่างศาสนิกได้อย่างมั่นคง แต่สังขารในวัย ๖๐ ปีย้ำเตือนให้ท่านตระหนักดีว่า จำต้องมีเยาวชนรุ่นใหม่ขึ้นมาสืบต่อโดยเร็ว แน่นอนว่าแอฟริกาช่างห่างไกลเหลือเกินจากชาวพุทธที่อยู่ต่างซีกโลก คนที่พอจะให้คำปรึกษาได้คงมีแต่บาทหลวงเท่านั้น และเหลือเชื่อเมื่อเพื่อนบาทหลวงคาทอลิก ทราบเจตนารมณ์ของท่าน ก็ใช้หัวใจที่เปิดกว้างนำหนังสือเวียนภายในคริสตจักรคาทอลิก ที่มีที่อยู่ของศูนย์ปฏิบัติธรรมโจฮันเนสเบิร์กมาให้ แถมยังพูดว่าให้ติดต่อไปยังที่อยู่นี้ คนที่นั่นจะช่วยคุณได้

ท่านโพธิราชาไม่รีรอที่จะส่งรูปถ่ายแนบไปกับจดหมายเพื่อแสวงหาความร่วมมืออย่างปีติใจ การติดต่อเกิดขึ้นกว่า ๑๐ ครั้ง จนกระทั่งสำเร็จ และในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อพระสมศักดิ์  ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดพุทธโจฮันเนสเบิร์ก เดินทางไปเยี่ยมท่านถึงที่ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านโพธิราชาจะได้พบเพื่อนชาวพุทธจากโลกภายนอก

วัดที่เห็นและบางสิ่งในบทสวด

ทันทีที่พระสมศักดิ์  ปิยสีโล เดินทางไปพบกับท่านโพธิราชา และไปถึงสถานที่ที่เรียกว่า “วัด”  สิ่งแรกที่พระอาจารย์มองเห็นนอกจากตัวอาคารที่จุคนได้ประมาณ ๖๐ คน ก็คือ ศรัทธาที่ไม่เคยดับสูญ และหัวใจอันยิ่งใหญ่ของท่านโพธิราชาที่บรรจุไว้อย่างเต็มเปี่ยมภายในอาคารหลังนี้

วัดของท่านช่างดูเรียบง่าย ไฮคลาส เป็นพุทธสถานที่ใหญ่ที่สุดในคองโก "พื้นห้องปูด้วยพรมหลากสี ไม่มีพระประธาน มีเพียงพระพุทธรูปใส่กรอบ" นี่คือ คำอธิบายเพียงสั้น ๆ ง่าย ๆ จากพระอาจารย์ที่บอกกล่าวแก่คนที่อยากรู้ว่า วัดที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ชาวพุทธที่คองโกหยัดสู้มาได้ถึง ๔๕ ปี และการมาถึงของพระอาจารย์หนุ่ม ที่มีหัวใจใสดั่งเพชร ไม่ได้สร้างความผิดหวังแก่พวกเขาเลยแม้แต่น้อย พระอาจารย์เล่าว่า “พอไปถึงพระอาจารย์ก็สอนให้พวกเขานั่งหลับตาทำสมาธิ และเมื่อเล่าถึงศีล ๕ พุทธประวัติ และประวัติของหลวงปู่ ก็ทำให้ท่านโพธิราชาเกิดแรงบันดาลใจแต่งบทนมัสการขึ้นสวดทันทีในวันรุ่งขึ้น

การแต่งบทสวด ดูจะเป็นอีกหนึ่งความถนัดของชาวพุทธที่คองโก เพราะที่ผ่านมาพวกเขาเก็บรักษาพระธรรมคำสอนผ่านบทสวด มีอยู่บทหนึ่งที่ทรงคุณค่าและเก็บรักษาความลับสำคัญมาตลอด นั่นคือ บทตรีกาย ซึ่งกล่าวว่า คนเรามีกายที่ ๑ คือ กายมนุษย์หยาบ กายที่ ๒ คือ กายมนุษย์ละเอียด และกายที่ ๓ คือ ธรรมกาย คนที่นี่รักษาคำว่า ธรรมกายมา ๔๕ ปี และอยากพบอยากเจอ แม้ยังไม่รู้จักวิธีที่จะเข้าถึง แต่ก็เก็บรักษาคำนี้เอาไว้ และ ในที่สุดพวกเขาก็รู้วิธีแล้ว




พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ข้างนอกเลย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านโพธิราชาได้สอนชาวพุทธคองโกไม่ให้สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่คลุกคลีกับอบายมุขต่าง ๆ และชักชวนให้ไปรวมตัวกันที่วัดทุกวันอาทิตย์ เพื่อทบทวนบทสวดต่าง ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระภิกษุชาวอินเดีย สิ่งเหล่านี้ กล่อมเกลาให้จิตใจของทุกคนเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา และทำให้การสอนสมาธิเป็นเรื่องง่าย

พระอาจารย์เล่าว่า “เพียงสอนให้ชาวคองโก นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่กลางท้อง และให้ภาวนา สัมมาอะระหัง เหมือนอย่างที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านได้สอนไว้ ก็ปรากฏว่า หมู่คณะชาวคองโกสามารถเห็น องค์พระได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมีถึง ๗ ท่าน ที่ได้เขียนผลการปฏิบัติธรรมมาถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ

ระหว่างนั้น พระอาจารย์ได้ยินท่านโพธิราชา กล่าวกับลูกศิษย์ว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในตัวเรา ไม่ได้อยู่ข้างนอกเลย”  ท่านโพธิราชาเองนั่งสมาธิแล้วสามารถเห็นองค์พระที่กลางท้อง มีความสว่างมาก สักครู่หนึ่งองค์พระจากศูนย์กลางกายนั้น ได้มาปรากฏอยู่ข้างหน้า ท่านมีความสุขมาก เสมือนว่าการเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนี้ เป็นนิมิตหมายอันเป็นมหามงคลต่อตัวท่านและชาวพุทธที่คองโก เช่นเดียวกับลูกศิษย์ของท่านอย่างสิทธัตถะ คริสเตียนและแซดดี

สิทธัตถะสามารถนั่งสมาธิแล้วเห็นองค์พระได้อย่างง่ายดาย ด้วยการภาวนา สัมมาอะระหัง เมื่อเห็นองค์พระที่กลางท้องแล้ว สิทธัตถะบอกว่า พระที่เห็นในรูปภาพบนกระดาษยังชัดเจนน้อยกว่าองค์พระที่กลางท้องเสียอีก ในความฝันสิทธัตถะยังเห็นองค์พระเหมือนกับที่เห็นในสมาธิ ในความฝันนั้น องค์พระสว่างกว่าพระพุทธรูปในภาพถ่ายมากมาย สิทธัตถะปิดท้ายว่า “ตอนแรกนึกว่าเป็นเพียงความฝัน แต่ที่จริงแล้วภาพที่เห็นเป็นความจริง

ขณะที่คริสเตียนซึ่งเป็นชาวคริสต์สมชื่อ หลังจากที่นั่งสมาธิเห็นพีระมิดแล้ว สิ่งที่คริสเตียน เห็นต่อมา คือ องค์พระสว่างมากที่กลางท้อง อีกประสบการณ์หนึ่ง คือ คริสเตียนเห็นตัวเองเหมือนถูกห่อพันไว้ด้วยอะไรบางอย่าง จึงค่อย ๆ แกะออก และต้องประหลาดใจเมื่อเขาเห็นตัวของเขาเองกลายเป็นองค์พระที่สุกสว่างองค์ใหญ่ที่ศูนย์กลางกาย รายล้อมไปด้วยองค์พระเล็ก ๆ อีกหลายองค์จนนับไม่ถ้วน วันรุ่งขึ้น คริสเตียนพาคุณแม่ที่เป็นคริสต์ มาทำบุญถวายปัจจัยแด่พระอาจารย์ และคริสเตียนกำลังทำพาสปอร์ต เพราะอยากไปบวชในโครงการบวชนานาชาติที่วัดพระธรรมกายในปีนี้

คนสุดท้าย คือ แซดดี เขาพูดได้ ๓ ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และสะวาฮิลี เขาจึงทำหน้าที่เป็นล่ามให้พระอาจารย์ แซดดีนึกองค์พระ ภาวนา “สัมมาอะระหัง” แล้วเห็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิดที่กลางท้อง ในพีระมิดนั้นมีแสงสว่างส่องออกมาจากตรงกลาง ทำให้เขามีความสุขมาก และเมื่อพีระมิดขยายใหญ่ เขาก็ยิ่งมีความสุข ทุกวันนี้ แซดดี นั่งสมาธิวันละ ๒ ครั้ง เห็นแสงสว่างอย่างง่ายดาย ตอนนี้เขากำลังทำพาสปอร์ต เพื่อจะบินมาบวชในโครงการบวชนานาชาติที่วัดพระธรรมกายด้วยเช่นกัน




เกินกว่ารางวัลชีวิต

ขณะนี้ ชาวพุทธคองโกรู้จักความสุขอันสมบูรณ์แล้วจากพระพุทธศาสนานี่เอง และพร้อมจะอาศัยใจดวงนี้ต่อสู้กับทุกปัญหาที่คนอีกหลายประเทศไม่เคยต้องเผชิญ ขอพื้นที่สันติภาพจงกลับคืนมาจากพื้นที่ท่ามกลางควันปืน

และนี่คือ บทสรุปจากความประทับใจในมโนปณิธานของมหาปูชนียาจารย์ ความเมตตาของพระอาจารย์ ความสุขที่ได้จากการนั่งสมาธิ และคำสอนที่สามารถนำทุกคนเข้าถึงธรรมกายอันบริสุทธิ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงจูงใจให้ท่านโพธิราชาถึงกับเอ่ยปากว่า "พวกเราอยากมีต้นแบบ และพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อธัมมชโยนับจากนี้เป็นต้นไป"

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ท่านปลื้มยกกำลัง ๒ ก็คือ เมื่อทราบว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมอบพระธรรมกาย ๔ องค์ ไปประดิษฐานให้ครบศูนย์สาขาทั้ง ๔ แห่งของท่านในคองโก จนท่านกล่าวว่า "เหมือนฝันตลอด ๔๕ ปี เป็นจริงในวันนี้"

ตลอดเวลาแห่งการหยัดสู้ สิ่งที่ทุกคนได้พบเป็นยิ่งกว่ารางวัลแห่งชีวิต และผลพวงจากการเฝ้ารอความสุขนี้มานาน ก็ทำให้ชาวพุทธคองโกหลายคน เลือกจะเดินทางมาศึกษาพระพุทธศาสนาให้มากยิ่งขึ้นในเมืองไทย ก่อนจะกลับไปเป็นแสงสว่างแห่งคองโก นำพาเพื่อนร่วมชาติกลับสู่หนทางสายกลาง แต่กว่าจะถึงวันนั้น ก็คงต้องเรียนรู้พระธรรมคำสอนอีกมาก และการบวช คือ สิ่งที่พวกเขาเลือกอย่างไม่ลังเล นี่คือ บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดนี้




เสน่ห์พุทธศาสน์
บทสรุปแห่งการค้นหา และการค้นพบ

พระพุทธศาสนามีเสน่ห์อยู่ที่ความจริงและการค้นพบ ซึ่งพระธรรมกายในตัว คือ ปลายทางแห่งการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ก็ว่าได้ เพราะนั่นหมายถึงการทำลายล้างความไม่รู้ที่ขวางกั้นมาตลอดการเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีอำนาจใด ๆ จะเนรมิตสิ่งนี้ นอกจากอำนาจแห่งความพยายามที่อยากจะค้นหาแสงสว่างให้ตัวเองและเผยแผ่สู่เพื่อนร่วมโลก

ไกลขนาดนี้... ลำบากขนาดนี้... แต่ทุกวันนี้ พวกเขายังหยัดยืนปกป้องพระพุทธศาสนาในดินแดนต่างความเชื่อ และยังจะเดินทางมาบวชถึงเมืองไทย แสดงว่าพระพุทธศาสนาต้องมีอะไรดี ดีในระดับไม่ธรรมดาเสียด้วย... คงต้องหันมาถามคนไทยว่า การมองเห็นวัด เห็นพระมาตั้งแต่เกิด ทำให้เรารู้จักพระพุทธศาสนาดีแค่ไหน ถ้าตอบไม่ได้ก็ต้องรีบแสวงหาคำตอบนั้นก่อนจะหมดเวลาของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายผู้ได้โอกาส ไม่ยาก ถ้าอยากใกล้ชิดคำสอนที่เปี่ยมพลัง ก็แค่ทำเหมือนเพื่อนชาวพุทธคองโก




ข้อมูลทั่วไป

ชื่อเป็นทางการ : สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

ที่ตั้ง : ตอนกลางของทวีปแอฟริกา

เมืองหลวง : กรุงกินชาซา

ประชากร : ๖๕,๗๕๑,๕๑๒ ล้านคน

เชื้อชาติ : ชนเผ่ากว่า ๒๐๐ เผ่าพันธุ์

ส่วนใหญ่ คือ เผ่า Bantu

ภาษาราชการ : ภาษาฝรั่งเศส

ศาสนา : โรมันคาทอลิก ๕๐ % โปรแตสแตนต์ ๒๐ % Kimbanguist ๑๐ % มุสลิม ๑๐ % ลัทธิความเชื่อดั้งเดิม ๑๐ %

ข้อมูลที่น่าสนใจ

ชื่อ "คองโก" หมายถึง “นักล่า” มาจากกลุ่มชาติพันธุ์บาคองโก (Bakongo) ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณลุ่มน้ำคองโก ประเทศนี้เคยใช้ชื่อทั้งเบลเจียนคองโก, คองโก-กินชาซา และสาธารณรัฐซาอีร์ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นต้นมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกต้องเผชิญกับความทุกข์ยากครั้งใหญ่จากสงครามคองโก ครั้งที่ ๒ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ บางครั้งมีผู้เรียกว่า สงครามโลกแอฟริกัน (African World War)



Cr. ธรรมยันตี
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๙๓  เดือนกรกฎาคม  พ.ศ. ๒๕๕๓
คองโกกับการค้นพบแสงแห่งธรรม คองโกกับการค้นพบแสงแห่งธรรม Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:32 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.