ชีวิตสมณะ.. ชีวิตที่ฝันใฝ่..ของลูกผู้ชายตัวจริง
ไม่น่าเชื่อว่าจากคนธรรมดาสามัญ
แต่เมื่อเข้าสู่การเป็นเพศนักบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระราชา มหาเศรษฐี
ข้าราชการทุกระดับ ตลอดจนผู้คนทั้งหลาย ต่างก็ต้องยกมือไหว้พระภิกษุ สามเณร แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงวันเดียว
...นั่นก็แสดงว่า เพศบรรพชิต
เป็นเพศอันสูงส่งกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่ก็เป็นที่น่าคิดว่า
การก้าวเข้าสู่เพศบรรพชิตนั้น มิได้จำกัดว่าจะเป็นชนชั้นไหน หรือมีฐานะอย่างไร
ขอเพียงให้เป็นผู้ชายที่มีจิตศรัทธามุ่งมั่น ที่จะปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย
และปรารถนาจะฝึกฝนตนเองให้เป็นพระแท้ สมกับที่มีผู้คนกราบไหว้
ก็สามารถที่จะเป็นพระภิกษุ สามเณร ในพระพุทธศาสนาได้อย่างน่าเคารพบูชา
ชีวิตของนักรบ
แห่งกองทัพธรรม
ไม่มีวันปลดเกษียณ
................................................................................
พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย
ได้เคยกล่าวให้โอวาทไว้ว่า
“ชีวิตของนักบวชนั้น
เป็นชีวิตของนักรบกองทัพธรรม ผู้ที่ได้อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา
เป็นชีวิตที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง... ยิ่งกว่าชีวิตของจอมจักรพรรดิ
หรือยิ่งกว่าชีวิตใด ๆ ในโลกทั้งหมด... และเป็นชีวิตที่มีเกียรติสูงสุด
ที่ไม่ใช่มีเฉพาะในเมืองมนุษย์นี้เท่านั้น...
แต่มีเกียรติสูงสุดทั้งในสัมปรายภพและในเทวโลก
จากโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังกล่าว
แสดงว่าเพศของนักบวชเป็นเพศที่สำคัญ
ก่อให้เกิดบุญกุศลแก่ผู้บวชทั้งในชีวิตปัจจุบัน และแม้ละสังขารจากโลกไปแล้ว ก็ยังมีบุญที่เกิดจากการบวชติดตามไปเกื้อหนุน
ให้เกิดความสุขในสัมปรายภพได้อีกด้วย และจากโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อข้างต้น
ยังให้ข้อคิดอีกว่า ชีวิตของนักบวชไม่มีวันเกษียณ
หรือไม่มีวันปลดประจำการเหมือนนักรบในทางโลก
และผู้บวชสามารถอยู่ในเพศนี้ได้ตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน
ลูกผู้ชายแม้วัยเกษียณอายุการทำงานในทางโลก ยังสามารถก้าวเข้าสู่ชีวิตนักบวชได้
และยิ่งจะเป็นชีวิตนักบวชที่ปลอดจากเครื่องกังวลได้เป็นอย่างดี
วัยเกษียณ
ก็ต้องเพียรสร้างหนทางสวรรค์
................................................................................
การที่จะมีบุคคลใดที่มีความอดทน ทุ่มเท
เสียสละ สามารถทำงานที่ซ้ำซาก จำเจ คอยแก้ปัญหา คอยเอาใจใส่
จดจ่ออยู่กับภารกิจหน้าที่และรับผิดชอบงานต่าง ๆ
อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานนับหลายสิบปี
จนกระทั่งถึงวันเวลาที่จะต้องหมดวาระที่เรียกว่า “เกษียณ” ได้นั้น
ต้องถือว่าบุคคลนั้น เป็นบุคคลที่น่ายกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงภาวะทางจิตใจที่สูงส่งแล้ว
ยังถือเป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างแห่งการทำงานที่ยั่งยืน
ซึ่งคำว่า “เกษียณ”
ในแวดวงของคนทำงานนั้นถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะย่อมเป็นประสบการณ์ที่จะต้องพบเจออย่างแน่นอน
ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่ใด
และการเข้าถึงวาระเกษียณมิใช่เป็นเรื่องของความเครียด
หรือเป็นเรื่องที่ทำให้กังวลใจที่จะต้องวางงานอันเป็นที่รักลง
แต่กลับเป็นเรื่องที่จะทำให้เราตระหนักในใจเสมอว่า วาระนี้จะเป็นวาระพิเศษที่เราจะได้มาทบทวนถึงความจริงของชีวิต
และพิจารณาที่จะเติมเต็มสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของตนเอง
เพื่อความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
...ชีวิตนักบวชจึงเป็นชีวิตที่รอคอยที่จะให้ผู้ที่เกษียณอายุในทางโลก
มาเริ่มต้นชีวิตที่แท้จริงในทางธรรม
วัยฉกาจฉกรรจ์
ก็ต้องบวชเรียน
ทดแทนคุณบิดามารดา
................................................................................
มิใช่เพศบรรพชิตจะทำได้เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น
แม้จะยังเป็นคนหนุ่มในวัยนิสิตนักศึกษา ทั้งที่ยังเรียนอยู่หรือสำเร็จการศึกษาแล้ว
ก็ยิ่งเป็นวาระของชีวิตที่จะได้เข้ามาศึกษาและฝึกฝนตนเองในพระพุทธศาสนา
เพราะมีข้อคิดอย่างหนึ่งว่า ในวัยนิสิตนักศึกษานั้น
เป็นวัยที่สามารถเรียนรู้จนสามารถแยกแยะได้ว่า “สิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก”
แต่มักจะยังไม่ชำนาญที่จะสามารถแยกแยะได้ว่า “อะไรเหมาะสมอะไรไม่เหมาะสม”
นอกจากจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตจริง
และจะศึกษาได้จากคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่จะทำให้เราทั้งหลายสามารถมองโลกได้หลายมิติและอย่างชัดแจ้งชัดเจน สามารถจะเป็นผู้นำพาชีวิตของตนไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องและประเสริฐได้
ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย
ท่านได้ให้โอวาทและชี้ให้เห็นเส้นทางชีวิตอันประเสริฐในเพศนักบวชไว้มากมาย
ดังตอนหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวไว้ว่า
“ชีวิตสมณะเป็นชีวิตอันประเสริฐที่สุด
เป็นเส้นทางชีวิตของผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร และเห็นทุกข์เห็นโทษของฆราวาสวิสัย
เพราะชีวิตทางโลกยังเป็นชีวิตของผู้ที่ยังข้องเกี่ยว
และเวียนวนอยู่กับภารกิจของการครองเรือน
ยากที่จะหาเวลาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งได้...
ชีวิตนักบวชจึงเป็นชีวิตของผู้เว้นจากพฤติกรรมแบบชาวโลก
เพื่อจะได้ปลอดจากเครื่องกังวลต่างๆ มุ่งทำแบบพระ พูดแบบพระ คิดแบบพระ สงบ เสงี่ยม
สง่างาม สั่งสมศีล สมาธิ ปัญญา ให้เจริญงอกงามขึ้นในตน
ชีวิตนักบวช
คือ
ชีวิตของผู้แจ้งโลก...มิใช่หนีโลก
................................................................................
“ผู้ที่จะมาบวชได้ต้องถือว่าเป็นผู้มีบุญมาก
เพราะเพศสมณะ ใช่ว่าใครจะมาอยู่ได้ง่าย ๆ ต้องสั่งสมบุญกันมาข้ามภพข้ามชาติ
ต้องมีบารมีมาก จึงจะมีโอกาสมาบวชในพุทธศาสนา ดูอย่างในสมัยพุทธกาลเป็นต้น
ผู้ที่มาบวชนั้น ไม่ใช่ผู้ด้อยโอกาส
แต่เป็นผู้ที่มาจากหลายตระกูลที่ล้วนแต่ประสบความสำเร็จในชีวิต
หลายท่านมาจากตระกูลกษัตริย์ขัตติยะก็มี พราหมณ์ก็มี แพศย์ก็มี ศูทรก็มี มีทุก ๆ
ตระกูลมาบวชกัน เพียงแค่ว่ามาจากตระกูลกษัตริย์ หรือพราหมณ์ หรือมหาเศรษฐี
ที่เข้ามาบวช ก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว ไม่ใช่เรื่องของผู้ด้อยโอกาส
แต่จะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งทีเดียว”
นอกจากนี้
พระเดชพระคุณหลวงพ่อยังได้ให้โอวาทไว้อีกตอนหนึ่งว่า
“บุคคลใดได้มีโอกาสได้เข้าสู่เพศสมณะนั้น
จะต้องเป็นผู้มี บุญญาธิการที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน กว่าจะมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง
จะต้องมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อน
และกว่าจะมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะต้องสร้างบารมี ๓๐ ทัศ
เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เป็นเวลายาวนาน เกิดตายนับภพนับชาติไม่ถ้วน
สร้างบารมีโดยไม่กลัวอุปสรรค สละทรัพย์ไม่เสียดาย ทรัพย์ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ น้อย ๆ
ทำตั้งแต่น้อย ๆ จนกระทั่งยกทรัพย์ที่เป็นราชสมบัติ จนกระทั่งแม้มีสมบัติจักรพรรดิ
ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งสมบัติของปุถุชนก็ยังยกให้ สละแจกจ่ายเป็นทานโดยไม่เสียดาย
ปรารถนาเพียงอยากจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
ขอเชิญลูกผู้ชาย
มาบวชให้เป็นที่พึ่งของตนเอง
................................................................................
โอกาสสำคัญมาถึงลูกผู้ชายทั้งวัยหนุ่มและผู้ถึงวาระเกษียณ
ที่จะได้กลับคืนสู่ความเป็นตัวของตัวเราที่แท้จริง
และเป็นโอกาสจะได้ใช้ชีวิตเพื่อสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในจิตใจอย่างเต็มที่
ทั้งด้วยการทำทาน อันเป็นการให้จากจิตใจที่เอื้ออารี ทั้งด้วยการรักษาศีล
อันเป็นการชำระใจให้พร้อมที่จะรองรับคุณธรรมเบื้องสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป และด้วยการเจริญภาวนา
อันเป็นการน้อมจิตให้สุขสงบและใสสว่าง เพราะบุญที่เกิดจากการบวชครั้งนี้
จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง และเป็นความบริสุทธิ์ผ่องใส
ที่จะประทับแน่นอยู่ในจิตใจเราตลอดไป ซึ่งเราเองย่อมประจักษ์อยู่แก่ใจว่า
ทรัพย์สมบัติและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายทั้งหลาย
ที่หามาได้ตลอดระยะเวลาแห่งชีวิตที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าจะเป็น อาหารอันมีรสเลิศ
อาคารบ้านเรือนอันใหญ่โตโอฬาร หรือแม้แต่อาภรณ์วิจิตรประณีตอันมีราคาแพง
สิ่งเหล่านี้หาได้ติดตามตัวเราไปได้ในชีวิตเบื้องหน้า
แต่สิ่งที่เราต้องการที่แท้จริง คือ บุญกุศลที่จะยังให้เรามีความสุขใจ
มีที่พึ่งที่ระลึกอยู่ในใจ แม้หากจะเกิดเจ็บป่วยนอนอยู่บนเตียง
ก็มีความมั่นใจที่พร้อมจะเผชิญกับชีวิต ทั้งโลกนี้และโลกหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น
เพราะชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมะนั่นเองเป็นชีวิตที่แท้จริงของเรา
และการที่เราได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่ในเพศสมณะนั้น...คือหน้าที่ที่แท้จริงของชีวิต
Cr. พระสมศักดิ์
จนฺทสีโล
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙๓
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ชีวิตสมณะ.. ชีวิตที่ฝันใฝ่..ของลูกผู้ชายตัวจริง
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:18
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: