รุ่งอรุณแห่งศรัทธา...นำพาสู่สันติสุข
รุ่งอรุณห่งศรัทธา
นำพาสู่สันติภาพโลก
--------------------
ช้างกุญชรมีงวงนำหน้าในการยาตราไปสู่จุดหมาย ฉันใด
ความสุขและความสำเร็จทั้งมวลล้วนก่อเกิดจาก "พลังศรัทธา"
เป็นตัวขับเคลื่อน ฉันนั้น
ศรัทธา... คือ ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ เป็นจุดเริ่มต้นของความร่ำรวย รุ่งเรืองไปทุกภพทุกชาติ
ศรัทธา... คือ ต้นหนของการนำตนข้ามพ้นห้วงโอฆสงสาร
ศรัทธา... คือ ทางมาแห่งการได้ฟังธรรมจากพระอรหันต์
ผู้มีศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละโลกแล้ว... ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์
พระเจ้าอโศกมหาราชผู้อยู่ในความทรงจำของชาวพุทธทุกยุคทุกสมัย แต่เดิมทรงมีความเลื่อมใสใน นักบวชนอกพุทธศาสนามาก่อน ทรงเชื้อเชิญนักบวช และปริพาชกมาบริโภคอาหารในพระราชวังเป็นประจำทุกวัน วันหนึ่ง ขณะประทับยืนทอดพระเนตร เห็นพวกนักบวชชีเปลือยซึ่งกำลังบริโภคอาหารอย่าง เมามัน ปราศจากความสำรวม ทรงเกิดความสังเวช แล้วทรงรับสั่งกับพวกอำมาตย์ว่า "นักบวชคนไหนที่พวกท่านคิดว่าดีเลิศ จงไปตามมาให้เราทีเถิด"
สมัยนั้น พวกอำมาตย์ส่วนใหญ่เป็นสาวกของศาสนาอื่น ไม่มีใครนับถือพระพุทธศาสนา ต่างก็ไปนำนักบวชของตนเข้ามาในพระราชวัง เช่น พวกอาชีวกและนิครนถ์เป็นต้น แล้วเพ็ดทูลว่า "ขอเดชะ ท่านเหล่านี้เป็นพระอรหันต์ของข้าพระองค์" ส่วนภิกษุสงฆ์นั้นถูกทางการกีดกันให้ไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่นอกเมือง หรือไม่ก็อยู่ประพฤติธรรมตามป่าตามเขา เพราะเกรงว่าพระเจ้าอโศกทอดพระเนตรเห็นแล้ว จะเกิดศรัทธาต่อพระสงฆ์ ดังนั้น พระเจ้าอโศกจึงไม่ทรงรู้จักนักบวชในพระพุทธศาสนา ถึงกระนั้น เพียงแค่สังเกตอากัปกิริยาก็รู้ว่า นักบวชเหล่านี้ไม่ใช่พระอรหันต์
จากนั้น จึงทรงสั่งพวกอำมาตย์ไปนิมนต์สามเณร สามเณรได้เดินอย่างสำรวมไปตามปกติ เมื่อได้รับคำเชิญแล้ว ก็เดินเข้าไปนั่งใกล้ราชบัลลังก์ พระเจ้าอโศกทอดพระเนตรดูลีลาทุกท่วงท่าที่น่าเลื่อมใสของสามเณรแล้ว ถึงกับน้อมถวายอาหารของพระองค์เองที่ข้าราชบริพารเตรียมไว้สำหรับให้เสวยแด่สามเณรนิโครธด้วยความนอบน้อม
เมื่อสามเณรฉันเสร็จ พระเจ้าอโศกตรัสถามว่า "พ่อเณร ท่านรู้พระโอวาทที่พระศาสดาทรงประทานแก่พวกพ่อเณรหรือไม่" สามเณรถวายพระพรว่า "มหาบพิตร อาตมภาพรู้แต่เพียงโดยย่อ" จากนั้นก็กล่าวธรรมเพียงบทสั้นๆ ว่า "อปฺปมาโท อมตํ ปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความไม่ประมาทเป็นทางไม่ตาย ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย" จากนั้นก็เทศน์ด้วยสำเนียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง นี่ขนาดถ่อมตนว่ารู้น้อยแล้ว แต่เทศน์ได้ยอดเยี่ยมมาก ไพเราะทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย พระราชาพอได้สดับแล้ว ก็ปลื้มปีติในธรรมที่สามเณรน้อยได้แสดง ทรงรับสั่งว่า "พ่อเณร ขอให้หยุดพระธรรมเทศนาแต่เพียงเท่านี้ก่อน โยมจะขอถวายภัตตาหารแก่พ่อเณร ๘ ที่" สามเณรถวายพระพรว่า "อาตมภาพจะนำภัตตาหารเหล่านั้นไปถวายพระอุปัชฌาย์"
"พ่อเณร อุปัชฌาย์นี้คือคนเช่นไร" "มหาบพิตร ผู้ที่เห็นโทษน้อยใหญ่แล้วตักเตือนให้ระลึกชื่อว่า อุปัชฌายะ" "พ่อเณร โยมจะถวายภัตตาหารอีก ๘ ที่ให้นะ" "อาตมภาพจะถวายภัตตาหารเหล่านั้นแก่ พระอาจารย์" "พ่อเณร พระอาจารย์คือคนเช่นไรล่ะ" "มหาบพิตร ผู้ที่ให้ศิษย์ตั้งอยู่ในธรรมที่ควรศึกษาในพระศาสนาชื่อว่าพระอาจารย์" "ดีละ พ่อเณร โยมจะถวายภัตตาหารอีก ๘ ที่" "อาตมภาพจะถวายภัตตาหารเหล่านั้นแด่ภิกษุสงฆ์"
เมื่อสามเณรได้กล่าวสรรเสริญคุณของพระสงฆ์ ทำให้พระเจ้าอโศกเกิดพระราชศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง แล้วทรงนิมนต์สามเณรมาฉันอีกในวันรุ่งขึ้น สามเณรก็ได้พาพระภิกษุ ๓๒ รูปเข้ามาในพระราชวังเพื่อฉันภัตตาหาร ต่อมาพระองค์ทรงรับสั่งให้เพิ่มภิกษุมากขึ้นทุกวันๆ แล้วสามเณรได้แนะนำให้พระราชา พร้อมทั้งข้าราชบริพารดำรงอยู่ในไตรสรณคมน์และให้สมาทานศีลห้า ท่านได้เข้าไปเทศน์สอนธรรมะ แนะนำการทำสมาธิภาวนาในพระราชวังเป็นประจำ ทำให้พระเจ้าอโศก พร้อมทั้งข้าราชบริพารต่างก็เกิด "ศรัทธาใหม่" หันมานับถือพระรัตนตรัยอย่างไม่คลอนแคลน ทั้งนี้เพราะพลังศรัทธาที่เกิดมาจาก สามเณรน้อยนิโครธนั่นเอง
ต่อมา พระราชาทรงรับสั่งให้สร้างวัดอโศการาม และทรงรับสั่งให้สร้างเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ทั่วอินเดีย การเป็นยอดพุทธอุปัฏฐากนั้น สามารถกล่าวได้ว่า "บรรดาผู้บริจาคมหาทานให้แก่พระศาสนานั้น ไม่มีใครที่จะมีการบริจาคที่ยิ่งใหญ่เสมอกับพระองค์เลย" ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงนับเป็นองค์ศาสนูปถัมภกที่สร้างความเกรียงไกรให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด
จะเห็นได้ว่า ภาพแห่งความน่าเลื่อมใสของบุคคลเพียงคนเดียว ได้กลายเป็นพลังศรัทธาที่นำ พาชีวิตไปสู่แสงสว่างให้กับ ผู้คนมากมายได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องของศรัทธานั้น มีความสำคัญต่อชีวิต ทุกคน ถ้าคนเรามีศรัทธาต่อบุคคลใดหรือสิ่งใดแล้ว จะทุ่มเททำสิ่งต่างๆ เพื่อบุคคลนั้นหรือสิ่งนั้นๆ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน...
...ยอดเขาแม้สูงเสียดฟ้า ก็ไม่อาจต้านทานพลังศรัทธาของมนุษย์ที่จะปีนป่ายไปถึง...
...อุปสรรคจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ขอเพียงมีใจศรัทธาก็สามารถพิชิตอุปสรรคนั้นได้...
ขณะเดียวกัน กิเลสร้ายที่ฝังแน่นอยู่ในใจเราจะมากน้อยปานใด ขอเพียงมี "ตถาคตโพธิสัทธา" ก็สามารถที่จะมุ่งมั่น ฝึกหัดขัดเกลาและทำอาสวกิเลสให้หลุดร่อนออกไปจากใจได้
โดยเฉพาะ... ถ้าหากยอดนักสร้างบารมีทุกท่านมี "พลังศรัทธาในปณิธานของมหาปูชนียาจารย์ ผู้มุ่งสร้างบารมี เพื่อปราบมารรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม" จะต้องฝึกฝนตนเองในทุกรูปแบบสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในภพชาติปัจจุบันก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันในการจะเป็นส่วนหนึ่งของการ สร้าง "ศรัทธาใหม่ในโลกใบเก่า" ให้กับมนุษยโลก ซึ่งมีมากกว่า ๖ พันล้านคน
ในโลกการสื่อสารไร้พรมแดนนี้ นับจากนี้เป็นต้นไป ทุกๆ ภาพแห่งการสร้างบารมีสุดหัวใจของ พวกเรา ไม่ว่าจะเป็นภาพของเด็กดี V-Star มาทำความดีกันร่วมล้าน หรือภาพของมหาสังฆสมาคม ที่มาประพฤติธรรมร่วมกัน จะเป็นภาพเด่นที่สุดกว่าภาพใดๆ ที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจของชาวโลกให้เขาอยากมาแสวงหา ซึ่งจะส่งผลให้ได้รู้จักศรัทธาใหม่ เมื่อใดที่ชาวโลกเริ่มทำใจหยุดนิ่ง เข้าถึงสันติสุขภายใน และได้เข้าถึงพระรัตนตรัย "ศรัทธาที่แท้จริง" ได้บังเกิดขึ้นในใจของมนุษยชาติแล้ว...
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗๕ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒
รุ่งอรุณแห่งศรัทธา...นำพาสู่สันติสุข
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:53
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: