ดื่มสุราเป็นน้ำสาบาน


คนเรามักชอบดื่มสุรา ทั้งที่รู้ว่าเป็นของไม่ดี โดยมักจะอ้างว่าสุราเป็นน้ำกระชับมิตร เป็นน้ำประสานใจ มิตรภาพที่เกิดจากการดื่มสุราเป็นน้ำสาบานนั้น จะมีความยั่งยืนอย่างไรครับ

เรื่องของการดื่มสุรานั่นเรื่องหนึ่ง เรื่องของการสร้างมิตรภาพกันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง ๒ เรื่องนี่มันไม่ไปด้วยกันหรอก เรื่องของสุรามันเป็นเรื่องมีแต่เสียกับเสีย ตั้งแต่เสียทรัพย์ก็รู้กัน เสียสติก็รู้กัน เสียมารยาท ตัดรอนปัญญาของตัวเองก็รู้กัน แต่ว่ามันเกิดความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่องกันมานาน คือ กลายเป็นค่านิยมผิด ๆ ในสังคมขึ้นมา แล้วก็เห็นว่าเหล้า สุรา กลายเป็นของดี จริง ๆ แล้วเหล้ามันทอนปัญญา มันปิดปัญญา แต่ว่ามันเปิดนรกให้ 

เพราะฉะนั้น คนที่ไปดื่มสุราเข้าเมื่อไร นั่นเขากำลังแสวงหานรกอยู่ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปแสวงหาเพื่อนน้ำมิตร หรือเพื่อนแท้กับเขาได้ ถ้าได้ก็คงจะได้เพื่อนขาดสติด้วยกัน เพื่อนไร้ปัญญาด้วยกัน เพื่อนประเภทนี้คบไว้ก็มีแต่จะชวนกันลงนรกเท่านั้น ส่วนในกรณีที่จะผูกน้ำมิตรกันให้ได้ดีละก็ มันเป็นเรื่องของความมีสติสัมปชัญญะ มิตรภาพจะยั่งยืนอยู่ที่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเมื่อไร ไม่ว่าลูกรัก เมียรัก เพื่อนรัก อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะมีมิตรภาพ มีเพื่อนเยอะๆ เพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้องอะไรก็ตามที มาสร้างความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กันและกัน นั่นแหละคุณจะได้เพื่อนแท้

ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของมนุษย์นี่มันจะเกิดมาได้อย่างไร ก็ต้องบอกว่า เกิดมาได้ตรงที่ช่วยอุดความขาดแคลน แก่คนที่เราคบหาอยู่ อุดความขาดแคลนเหล่านั้นของเขาเสียให้หมด แล้วเราจะรักกัน เราจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ตายก็ไม่พรากจากกัน ความขาดแคลนของมนุษย์นี้มีอยู่ ๔ เรื่องด้วยกัน
๑. ขาดแคลนในเรื่องทรัพย์
๒. ขาดแคลนในเรื่องของกำลังใจ
๓. ขาดแคลนในเรื่องของภูมิปัญญา ความรู้ความสามารถ
๔. ขาดแคลนความปลอดภัย

เมื่อไรเราช่วยอุดช่องว่างรอยโหว่หรือความขาดแคลนทั้ง ๔ อย่างนี้ให้กับผู้ที่เราคบค้าสมาคมได้เต็มที่ เมื่อนั้นเราจะได้เพื่อนแท้ แต่บอกก่อนนะ เหนื่อยใจขาดเลยกว่าเราจะทำทั้ง ๔ อย่างนี้ได้

ประการแรก ธรรมชาติของคนเรานั้น สมบัติมักจะขาดมืออยู่เรื่อยไป เพราะทำทานข้ามภพข้ามชาติมาน้อย เพราะฉะนั้น สมบัติจึงมักจะขาดมือ แต่ว่าสมบัติขาดมือก็พอหยิบพอยืมกันได้ อย่างนี้ก็อุ่นใจกันมาได้ระดับหนึ่ง

ประการที่ ๒ เวลาเราทำงาน เราจะพบว่าหลาย ๆ ครั้ง กำลังใจมันไม่พอ เมื่อเจออุปสรรค สิ่งที่รอนน้ำใจคนอย่างมากเลย คือ คำพูดดูถูกกัน คำพูดเหยียบย่ำกัน ตรงกันข้ามสิ่งที่ให้กำลังใจคนได้มากเลย ก็คำพูดอีกเหมือนกัน พระพุทธองค์ก็เลยตรัสไว้ ปิยวาจานะลูกนะ ถ้ารักจะกระชับมิตรไว้ให้ดีละก็ คำพูดที่ประสานน้ำใจ คำพูดที่ให้กำลังใจกันเป็นปิยวาจา นั่นแหละ สิ่งที่จะกระชับมิตรตัวจริง

ประการที่ ๓ ยิ่งกว่านั้นเวลาทำงานมากเท่าไร เกิดอีก คือปัญญากับงานมันตามกัน ไม่ค่อยทัน เราทำงานมากเท่าไร ความรู้ ความสามารถ ก็ชักจะหย่อนลงไปเท่านั้น แล้วถ้าใครมาช่วยเติมตรงนี้ให้เราได้ละก็ ขอเทคโนโลยีคุณบ้าง ขอปัญญาคุณบ้าง เดี๋ยวเราก็เอาไปแก้ปัญหาได้ ใครทำอะไรให้เราตรงนี้ได้ รักกันจนวันตาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่าอัตถจริยา ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่กัน คือให้ปัญญากันได้

แล้วประการสุดท้าย หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือ ยิ่งทำงานระดับชาติ ระดับโลก ใหญ่ขึ้นไปเท่าไร ความปลอดภัยยิ่งไม่ค่อยจะได้เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยจากสภาพสังคมบ้าง ความปลอดภัยจากศัตรู ที่แอบอยู่ข้างหลังนั่น ใครสามารถให้ความปลอดภัยกับเราตรงนี้ได้ คนนั้นน่ารักที่สุด

ทั้ง ๔ ประการนี่
๑. มีอะไรก็ปันกันกิน ปันกันใช้
๒. พูดอะไรอย่ารานน้ำใจกัน มีแต่จะให้กำลังใจ ให้คำแนะนำกัน
๓. ไม่หวงความรู้ ไม่หวงปัญญากัน
๔. เสมอต้นเสมอปลาย

สิ่ง ๔ ประการนี้ ท่านเรียกว่าความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ภาษาพระใช้คำว่าสังคหะ หรือการสงเคราะห์กัน ๔ ประการนี้มีอยู่ในตัวใคร คนนั้นจะได้เพื่อนแท้ และถ้าเรามีมากเท่าไรใน ๔ ประการนี้ เพื่อนแท้จะไหลมาหาเราเป็นสายทีเดียว จำไว้ก็แล้วกัน

เรื่อง : หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗๕ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒
ดื่มสุราเป็นน้ำสาบาน ดื่มสุราเป็นน้ำสาบาน Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:30 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.