ถ้าผู้หญิงคิดจะอยู่เป็นโสด จะถูกต้องและเหมาะสมเพียงใด ในสังคมปัจจุบัน


ถาม : ในปัจจุบัน ผู้หญิงมีสิทธิมีเสียง มีความรู้ มีความสามารถ ไม่แพ้ผู้ชาย เพราะฉะนั้นถ้าผู้หญิงคิดจะอยู่เป็นโสด ความคิดนี้จะถูกต้องและเหมาะสมเพียงใดสำหรับสังคมไทยของเราเจ้าคะ ?

ตอบ : ถ้าคุณโยมคิดอย่างนี้ หลวงพ่อก็ขอโมทนาด้วย เพราะการอยู่เป็นโสดคนเดียว ย่อมสบายกว่าการมีครอบครัวอยู่แล้ว

โดยทั่วไป สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงส่วนมากคิดแต่งงาน คือ
๑. ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ จึงคิดหาที่พึ่งโดยการยอมเป็นช้างเท้าหลังของผู้ชาย
๒. ไม่มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันตัวเองเมื่อมีภัยได้ แม้จะสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่า ถ้ามีเหตุเภทภัยอะไรเกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นภัยจากคนพาล ภัยจากสุขภาพ ภัยจากธรรมชาติไม่เอื้ออำนวย แล้วใครจะช่วยเป็นเกราะป้องกันภัยเหล่านี้ให้

ทั้ง ๒ กรณีนี้ ผู้หญิงยอมแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รัก ส่วนในกรณีที่รักเขาจึงยอมแต่งงานด้วย หลวงพ่อจะยังไม่พูดถึง

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้รักใครชนิดหัวปักหัวปำลงไปแล้ว ในเมื่อเราก็สามารถทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้ เมื่อมีเหตุเภทภัยอะไรเกิดขึ้นก็ไม่กลัว บ้านเมืองสมัยนี้ก็ไม่ถึงกับป่าเถื่อนจนเกินไปนัก เนื่องจากมีกฎหมาย มีการคุ้มครองที่ดีอยู่แล้ว

และยังมีความมั่นใจอีกว่า โดยฐานะ โดยสุขภาพ แม้เราจะต้องอยู่คนเดียวตอนชรา เราก็อยู่ของเราได้ ไม่ต้องให้ใครมาคอยดูแล เพราะว่าหลักประกันสังคมในด้านต่าง ๆ นั้นมีอยู่มากมาย

ถ้ามีความมั่นใจอย่างนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงาน หลวงพ่อจึงเห็นด้วย ถ้าผู้หญิงทั้งหลายที่สามารถยืนหยัดอยู่บนขาของตัวเอง ไม่คิดที่จะแต่งงาน แล้วก็ไม่ได้ผิดหลักศาสนาอะไรด้วย

ความจริงแล้วคนเราไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือเป็นชาย ในพระพุทธศาสนาสอนไว้ชัดเจนว่า "คนเราเกิดมาเพื่อแก้ไขตนเอง" เพราะแต่ละคนก็มีนิสัย มีความประพฤติ ที่ยังดีไม่สมบูรณ์อยู่ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อไม่รีบแก้ไขเสียตั้งแต่ตอนนี้ นิสัยและความประพฤติไม่ดีเหล่านั้น ก็จะทำให้เราไปทำอะไรที่ไม่เหมาะ ไม่ควร จนเป็นบาปติดตัว เป็นทุกข์ตามมา

ถ้าเราสามารถแก้นิสัยไม่ดีของเราได้ จนกระทั่งเหลือแต่นิสัยดีๆ ก็จะทำให้พฤติกรรมต่าง ๆ ของเรา เป็นบุญ เป็นกุศล อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ชีวิตของเราจะมีทุกข์น้อยลง และมีสุขเพิ่มขึ้นไปทุกชาติ ๆ

แต่ว่าขณะที่เรายังต้องแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีให้หมดไปนี้ เรายังต้องกิน ต้องใช้ ก็เลยต้องมีการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ บางคนไม่มั่นใจในความสามารถ ในการหาเลี้ยงชีพของตัวเอง ก็เลยหาที่พึ่งด้วยการแต่งงาน ต้องยอมไปทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ไม่อยากทำ แต่พ่อบ้านเขาให้ทำ

ยกตัวอย่าง เราไม่ดื่มเหล้า แต่พ่อบ้านชอบดื่ม เขาก็ใช้ให้เราไปซื้อเหล้า ใช้ให้เราไปทำกับแกล้ม มาให้ เมื่อทำไม่ถูกใจ พ่อบ้านบางคนก็เตะแม่บ้านเสียเฉย ๆ อย่างนั้นแหละ

เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ สามารถต่อสู้กับอุปสรรคเภทภัยต่าง ๆ ได้ เรื่องอะไรจะต้องไปรองรับหน้าแข้งคนอื่นเขา อยู่คนเดียวอย่างนั้นแหละดี แล้วก็หมั่นแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีในตัวของเราไป

คุณยายอาจารย์ฯ ท่านเคยสอนหลวงพ่อว่า อยู่คนเดียวมีเงิน ๑๐๐ บาท สามารถทำบุญได้ถึง ๕๐ บาท แต่งงานไปมีเงิน ๑๐๐ บาท อย่างดีทำบุญได้แค่ ๕ บาทเท่านั้น เพราะว่าเกรงใจเขา ยิ่งมีลูกขึ้นมาสักคน มีเงิน ๑๐๐ บาท จะทำบุญสัก ๑ สลึง ก็ทำได้ยากเสียแล้ว เพราะต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง ห่วงสามี ห่วงลูก เกรงใจคนนั้น เกรงใจคนนี้

ผลสุดท้ายเกิดมาแทนที่จะได้สร้างบุญ สร้างบารมี กลับต้องมานั่งไกวเปลเลี้ยงลูก ต้องมานั่งเกรงใจสามีที่บางครั้งก็ไปทำเรื่องไม่เข้าท่า

สู้เอาเวลาเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง ยืนหยัดอยู่ในโลกกว้าง ศึกษาและปฏิบัติธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป สร้างบุญ สร้างบารมี ของเราให้เต็มที่ ไม่ต้องมีใครมาเป็นเจ้าหัวใจดีกว่า

แต่บางครั้งก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วบั้นปลายชีวิตจะทำอย่างไร ในเมื่อเราไม่แต่งงาน ไม่มีลูก บางคนก็เลยมาตัดสินใจแต่งงานเอาง่าย ๆ ตรงนี้เอง เพราะหวังว่าต้องมีลูกเอาไว้ เพื่อจะได้ดูแลเราตอนแก่

หลวงพ่อเคยเห็นมามาก บางคนมีลูกเป็นโหล ตอนแก่กลับพึ่งลูกไม่ได้สักคน เพราะต่างคนต่างก็แยกออกไปมีครอบครัวของตัวเองกันหมด ปล่อยให้แม่เฒ่าเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว

การที่จะมีใครมาคอยดูแลตอนแก่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ๒ ประการ คือ
๑. นิสัยใจคอของเรา เราเป็นคนจู้จี้ขี้บ่นหรือไม่ ถ้าไม่จู้จี้ขี้บ่น คนที่จะมาช่วยดูแลเราตอนแก่ ก็พอจะหาได้ไม่ยาก
๒. ทรัพย์สมบัติของเรา เรามีเงินหรือไม่ ยิ่งมีเงินมาก ๆ ไม่ต้องมีลูกหรอก แค่หลาน ๆ หรือว่าเพื่อนบ้าน ก็อยากจะมาช่วยดูแลเรากันทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นคนไม่จู้จี้ขี้บ่น และมีฐานะดี หมั่นเก็บเงินเก็บทองเอาไว้มาก ๆ บั้นปลายชีวิต เดี๋ยวก็จะมีคนมาช่วยมาดูแลเราเอง

ข้อสำคัญเราต้องเป็นคนดี ต้องสร้างบุญ สร้างบารมี ตลอดชีวิต ทานก็ทำ ศีลก็รักษา สมาธิก็นั่ง เห็นหลาน ๆ หรือว่าเพื่อนบ้านคนไหนที่มีแววว่าจะเป็นคนดี เราก็สนับสนุนส่งเสริมให้การศึกษาบ้าง ให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ บ้างตามสมควรแก่นิสัยใจคอของเขา ก็คงจะได้เจอคนดี ๆ เข้าบ้างล่ะ

เมื่อเราอุปการะเขาอย่างดี แม้ไม่มีลูกก็เหมือนมีลูก แล้วก็จะได้ให้เขานั่นแหละคอยดูแลเราตอนแก่ เพราะเราก็เตรียมของตอบแทนไว้เต็มที่แล้ว คือสมบัติที่เก็บเอาไว้นั่นเอง

"ลูกเอ๊ย ถ้าดูแลป้าดี ๆ ก็เอามรดกนี้ไปก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นป้าเอาไปทำบุญหมดนะ"

มองภาพของการดำเนินชีวิตให้ได้ชัดเจนอย่างนี้ แล้วหมั่นเตือนตัวเองว่า ฉันเกิดมาเพื่อสร้างบุญ สร้างบารมี เกิดมาเพื่อจะแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีให้หมดไป เกิดมาเพื่อจะถางทางไปพระนิพพาน

คิดได้อย่างนี้ สามีก็ไม่ต้องมี ลูกก็ไม่ต้องมี เงินทองหามาได้ที่ต้องกินก็กิน ที่ต้องใช้ก็ใช้ ที่ต้องเก็บก็เก็บ ที่ต้องทำบุญก็ทำบุญ ที่จะต้องไปเกื้อหนุนใคร ก็เตรียมเอาไว้ให้พร้อมสรรพ ใครทำได้อย่างนี้ รับรองอยู่คนเดียวสบาย

หลวงพ่อเห็นอย่างนี้ ส่วนคนอื่นเห็นอย่างไร หลวงพ่อไม่ทราบ และเพราะเห็นอย่างนี้นี่เอง ถึงได้ บวชมา ๓๐ กว่าพรรษาแล้ว ส่วนใครจะบวชตามหลวงพ่อบ้างก็เชิญ

เรื่อง : หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๓๔ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ 
ถ้าผู้หญิงคิดจะอยู่เป็นโสด จะถูกต้องและเหมาะสมเพียงใด ในสังคมปัจจุบัน ถ้าผู้หญิงคิดจะอยู่เป็นโสด จะถูกต้องและเหมาะสมเพียงใด ในสังคมปัจจุบัน Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:07 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.