งานวิสาขบูชา ณ บรมพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย




            

ปัจจุบันแม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก แต่ถึงกระนั้น ชาวมุสลิมก็ได้ให้การยอมรับพระพุทธศาสนาว่าเป็น รากฐานของอารยธรรมอันเก่าแก่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากเหตุการณ์สำคัญในปี พ.ศ. ๒๓๕๗ ที่ได้มีการค้นพบเจดีย์บรมพุทโธ ที่ถูกทิ้งร้างอยู่กลางป่าลึก ซึ่งต่อมารัฐบาลอินโดนีเซียได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ร่วมกับองค์การยูเนสโก จนกระทั่ง โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

นอกจากนี้ การค้นพบบรมพุทโธยังมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียเพราะนับตั้งแต่มีการค้นพบบรมพุทโธ คณะสงฆ์และชาวพุทธจากประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย ได้พยายามเข้าไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย อยู่เป็นระยะ ๆ อีกทั้งชาวพุทธที่นั่นแม้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็มีการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรที่ชัดเจน ผนวกกับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นต้นมา รัฐบาลอินโดนีเซียเริ่มมีนโยบายที่ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาอื่น ๆ นอกจากศาสนาอิสลามแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างของศาสนาพุทธที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้ให้การสนับสนุนการจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในวันวิสาขบูชา และยังได้ประกาศยกย่องให้วันนี้เป็นวันหยุดแห่งชาติอีกด้วย





การจัดงานวิสาขบูชาของประเทศอินโดนีเซียในปีนี้ ถือเป็นงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (อินโดนีเซีย นับปีพุทธศักราชตั้งแต่ปีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ส่วนไทยนับหลังจากนั้น ๑ ปี) ซึ่งงานนี้ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ โดยมีสมาคมชาวพุทธแห่งอินโดนีเซีย หรือที่นิยมเรียกกันว่า วาลูบี (WALUBI) รับหน้าที่ในการจัดงาน ซึ่งทางวาลูบีได้เชิญมูลนิธิธรรมกายให้ส่งคณะสงฆ์และคณะกัลยาณมิตรไปร่วมงานนี้ด้วย


งานวันวิสาขบูชาของประเทศอินโดนีเซียปีนี้จัดขึ้นตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามปฏิทินของประเทศไทย พิธีเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายที่วัดเมินดุด ซึ่งอยู่ห่างจากเจดีย์บรมพุทโธไปประมาณ ๕ กิโลเมตร ซึ่งมีการสวดมนต์ร่วมกันของคณะสงฆ์ จากทุกนิกายทั่วประเทศอินโดนีเซียจำนวน ๒๓ รูป และคณะพุทธบุตรที่เดินทางมาจากนานาชาติ ซึ่งรวมถึงคณะพุทธบุตรจากวัดพระธรรมกายด้วย หลังจากนั้น คณะสงฆ์และชาวพุทธขององค์กรต่าง ๆ ได้ตั้งริ้วขบวนเดินทางจากวัดเมินดุดไปยังบรมพุทโธ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งแม้ว่าฝนจะตกหนักตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่หมาย แต่ผู้เข้าร่วมขบวนทุกคนก็ยังคงก้าวเดินต่อไปด้วยหัวใจที่เบิกบานและปลื้มปีติในบุญ ที่ได้มีโอกาสมาเยือนพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่อย่างเช่นบรมพุทโธนี้



นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้คณะสงฆ์และชาวพุทธจากทุกองค์กรรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ ขณะที่กำลังเดินไปยังบรมพุทโธ ตลอดสองข้างทางจะมีชาวท้องถิ่นมายืนคอยชมริ้วขบวนกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งทุกคนต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนถึงกับพนมมือไหว้พุทธบุตรที่เดินผ่านไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาก็มี ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจอันงดงาม ซึ่งแม้ว่าชาวอิสลามและชาวพุทธจะมีคำสอนและความเชื่อที่ผิดแผกแตกต่างกันไปก็ตามที แต่สิ่งเหล่านี้ก็หาได้เป็นอุปสรรคต่อมิตรภาพระหว่างศาสนิกทั้งสองแต่อย่างใด








หลังจากที่ได้เดินทางไปถึงเจดีย์บรมพุทโธ ในช่วงประมาณ ๑๗.๓๐ น. คณะจากมูลนิธิธรรมกาย ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมพิธีในภาคค่ำที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา ๑๙.๐๐ น. ซึ่งเป็นการกล่าวต้อนรับและการกล่าวสุนทรพจน์จากคณะผู้จัดงานและบรรดาบุคคลสำคัญ แต่ที่เป็นไฮไลต์ของงานก็คือ การขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าชาวพุทธ เป็นจำนวนมากของ ฯพณฯ ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอิสลามิกชน การให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีของ ฯพณฯ ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ในค่ำคืนนี้ นับเป็นการสะท้อนถึงนโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซียที่ได้ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการจัดกิจกรรมของชาวพุทธได้อย่างชัดเจนที่สุด




หลังจากที่การแสดงนาฏศิลป์จากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียนได้เสร็จสิ้นลง ก็มาถึงพิธีสำคัญที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย นั่นก็คือ พิธีจุดประทีปและโคมลอย และพิธีเวียนประทักษิณรอบบรมพุทโธ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยทีมงานของมูลนิธิธรรมกาย ที่ได้รับความสนใจจากชาวพุทธนานาชาติ รวมถึงสื่อมวลชนของอินโดนีเซีย ที่เข้าร่วมพิธีกันอย่างคับคั่ง ภาพของแสงโคมน้อย ๆ ที่ถูกจุดขึ้นบนลานธรรมที่มีบรมพุทโธเป็นฉากหลัง ช่างเป็นภาพอันงดงามและติดตาตรึงใจผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก เมื่อถึงเวลาอันเป็นมงคล ท่านประธานสงฆ์คือ บันเต วงศ์สิน ลาภิโค พระภิกษุไทยซึ่งเป็นที่เคารพ และรู้จักกันดีของชาวอินโดนีเซีย ได้นำคณะสงฆ์และสาธุชนสวดมนต์ เจริญภาวนา และแผ่เมตตา พิธีกรรมทั้งหมดเป็นไปด้วยความสงบ และก่อให้เกิดสันติสุขภายในแก่ผู้เข้าร่วมพิธีกรรมทุกคน




เมื่อถึงเวลา ๒๑.๓๐ น. โคมลอยนับร้อยได้ถูกจุดขึ้น และค่อย ๆ ลอยขึ้นไปส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้า ซึ่งเป็นประดุจสัญญาณว่า บัดนี้ประทีปแห่งธรรมได้ถูกจุดขึ้นแล้ว และพุทธศาสนากำลังจะหวนกลับมาโชติช่วงอีกครั้ง ณ มหาเจดีย์แห่งนี้ งานบุญวันวิสาขบูชาที่อินโดนีเซียปีนี้ ปิดท้ายด้วยพิธีเวียนประทักษิณรอบบรมพุทโธ โดยคณะสงฆ์ได้เดินนำสาธุชนเวียนประทักษิณรอบมหาเจดีย์เป็นระยะทางถึง ๒.๕ กิโลเมตร ท่ามกลางบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ของพุทธสถานที่เป็นมรดกโลกแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งว่า ภาพการจัดงานของมูลนิธิธรรมกายได้รับการตีพิมพ์ลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อินโดนีเซียหลายฉบับในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย


การเดินทางไปร่วมงานวันวิสาขบูชาที่ประเทศอินโดนีเซียของคณะพุทธบุตรและกัลยาณมิตรในครั้งนี้ นับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง เพราะได้มีโอกาสเชื่อมสายสัมพันธ์กับองค์กรพุทธจากนานาชาติ อันจะก่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพุทธบุตรทุกนิกาย นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนต่างศาสนิก เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุกท่ามกลางความเชื่อที่แตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะก่อให้เกิด สันติภาพที่แท้จริงขึ้นได้ในอนาคต




Cr. กองบรรณาธิการ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘๐ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
งานวิสาขบูชา ณ บรมพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย งานวิสาขบูชา ณ บรมพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:49 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.