พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนให้เป็นคนจน จริงหรือไม่


ถาม : หลวงพ่อเจ้าคะ เวลาลูกชวนเพื่อนๆ นักธุรกิจด้วยกันไปวัด เขามักจะปฏิเสธ เพราะเขามองว่าศาสนาพุทธสอนให้เป็นคนสันโดษและปล่อยวาง ซึ่งไม่เข้ากับชีวิตนักธุรกิจของเขา ทำอย่างไรลูกถึงจะแก้ไขความเข้าใจผิดเหล่านี้ได้คะ ?

ตอบ : ความจริงแล้วคำว่า "สันโดษ" แปลว่า พอใจในสิ่งที่ควรมีควรได้ อะไรที่ไม่ควรมีควรได้ก็อย่าไปพอใจมัน แต่ว่าความเข้าใจผิดในเรื่องความสันโดษนี่เอง ได้ทำให้กลายเป็นอุปสรรคในการเข้าวัดของบางคนไป

เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่าธรรมชาติของคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจทั้งหลายในโลกนี้ เป้าหมายหลักของเขาคือ อยากรวย

ส่วนพวกที่รวยอยู่แล้วก็มักจะมีเป้าหมายที่ ๒ ตามมาอีก คือ อยากดัง

เรื่องอยากรวยกับอยากดังจึงเป็นเรื่องหลักของนักธุรกิจไป

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไม่ได้ห้ามนักธุรกิจ หรือใครทั้งหลายในโลกว่าไม่ให้รวย ใครมีความรู้ มีความสามารถ มีความดีพอที่จะได้สิ่งต่างๆ ในทางที่ถูกที่ควร ไม่ว่าเขาจะรวยเท่าไร พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้ามเลย แถมพระองค์ยังตรัสถึงโทษของความจนอีกด้วย ว่าถ้าอยู่ทางโลกแล้วความจนถือว่าเป็นโทษ

ตั้งแต่ไปกู้หนี้ยืมสินเขามา แม้การกู้หนี้ยืมสินก็เป็นทุกข์ กู้หนี้ยืมสินมาแล้วก็ต้องมาจ่ายดอกเบี้ย การจ่ายดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่มีดอกเบี้ยจะจ่ายก็โดนทวง การโดนตามทวงก็เป็นทุกข์ นี่เป็นตัวอย่าง

ยิ่งกว่านั้น ถ้าใครอยากจะเป็นเศรษฐี พระองค์ก็มีวิธีที่จะทำให้เป็นเศรษฐีทั้งชาตินี้และชาติหน้า พูดง่ายๆ ทรงสอนให้รวยข้ามชาติ ส่วนจนข้ามชาตินั้นพระองค์ไม่เคยสอน

แต่ประเภทที่รวยในทางไม่ชอบ หรือว่ารวยด้วยมิจฉาอาชีวะนั้น พระองค์ทรงตำหนิ เพราะว่าจะเป็นหนทางให้ตกนรก จะเป็นหนทางให้ไม่สมหวัง คือหวังจะรวยแต่กลับจนเสียก่อน หรือได้รวยสมใจนึก แต่ว่าต้องไปร้อนใจในบั้นปลายชีวิต หรือถ้าไม่ร้อนใจในบั้นปลายชีวิต ก็จะต้องไปตกนรก

มิจฉาอาชีวะ ได้แก่
๑. ค้าอาวุธ
๒. ค้ามนุษย์
๓. ค้ายาพิษ
๔. ค้ายาเสพติด
๕. ค้าสัตว์เพื่อเอาไปฆ่า

อาชีพเหล่านี้จัดเป็นมิจฉาอาชีวะ รวมทั้งอาชีพต้องห้ามต่างๆ ทางกฎหมายบ้านเมืองด้วย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นโทษของการรวยชนิดผิดศีลผิดธรรมอย่างนี้ ว่าจะทำให้เดือดร้อนทั้งชาตินี้และชาติหน้าจึงทรงห้ามไว้

เมื่อเรารู้หลักอย่างนี้แล้วชวนเขาเข้าวัดนั่นแหละดี ไม่ว่าเขาจะรวยแล้วหรือยังไม่รวยก็ตาม เพราะว่าถ้าเขารวยในทางที่ผิด รวยในทางที่ไม่เหมาะไม่ควร พระท่านจะได้เตือนให้หยุดเสีย แล้วรีบทำความดีเป็นการแก้ไขในสิ่งที่ได้ทำผิดพลาดไปแล้ว

ส่วนคนที่ยังไม่รวยแล้วไปทำผิดพลาด ก็จะได้ตั้งต้นใหม่เพื่อเตรียมตัวเป็นคนรวยต่อไปข้างหน้า ตามวิธีที่พระพุทธองค์ทรงสอนเอาไว้

หลักธรรมสำคัญที่ทำให้เป็นเศรษฐี

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนหลักธรรมสำคัญที่จะทำให้เป็นนักธุรกิจชนิดที่ไม่ใช่แค่เงินล้าน แต่เป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน หมื่นล้าน โดยมีหลักธรรมง่ายๆ อยู่ ๔ ข้อ ได้แก่

ประการที่ ๑ หาเป็น หาเป็นในที่นี้นอกจากฉลาดหาในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ยังต้องฉลาดในการที่จะปิดนรกไปด้วย

ประการที่ ๒ รักษาเป็น เพราะถึงแม้จะหามาได้มากเท่าไรถ้ารักษาไม่เป็น ก็เหมือนอย่างกับเอาชะลอม หรือเอาเข่งไปตักน้ำ ตักมาเท่าไรน้ำก็ไม่มีเหลือ

ประการที่ ๓ สร้างเครือข่ายเป็น ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายธุรกิจ เครือข่ายขายตรง หรือเครือข่ายอะไรในปัจจุบันนี้ก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงเคยสอนไว้ตั้งแต่เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว โดยใช้คำว่า "กัลยาณมิตตตา" หมายถึง สร้างเครือข่ายคนดีให้เป็น ไม่ใช่สร้างเครือข่ายโจร เครือข่ายมาเฟีย

ถ้าสร้างเครือข่ายคนดีเป็น แล้วมาร่วมกันประกอบธุรกิจก็จะทำให้ทั้งรวย ทั้งเปิดสวรรค์ เปิดนิพพานให้กับตนเองและคนอื่นๆ ด้วย แต่ถ้าสร้างเครือข่ายมาเฟียละก็ ตกนรกแน่ แถมยังจะติดตารางในขณะมีชีวิตอยู่เสียอีก

ประการที่ ๔ ใช้เป็น ใช้เป็นในที่นี้ นอกจากใช้เป็นในการดำเนินชีวิตแล้วยังไม่พอ ต้องใช้เป็นในการหาบุญข้ามภพข้ามชาติไปด้วย

เพราะฉะนั้น รีบไปบอกเพื่อนๆ ที่เป็นนักธุรกิจของคุณ ให้รีบเข้าวัดเสียเร็วๆ จะได้เติมความรวยให้เต็มที่ คือ รวยทั้งทรัพย์ รวยทั้งศีล รวยทั้งธรรม รวยด้วยธุรกิจที่ถูกที่ควร อย่างนี้ถึงจะสมกับที่เกิดมาในเมืองพุทธ เพราะว่าเป็นการรวยข้ามภพรวยข้ามชาติ ไม่ต้องตกนรก ไม่ต้องหวาดผวากฎหมายบ้านเมือง

เรื่อง  : หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญฉบับที่ ๒๕ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนให้เป็นคนจน จริงหรือไม่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนให้เป็นคนจน จริงหรือไม่ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:19 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.