จากกายแต่ใจไม่จาก
ฝ่ายหญิงเป็นสาวโสดบริสุทธิ์ชนิดไม่เคยมีใครมารัก และตนเองก็ไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต ฝ่ายชายสํ่าส่อนมามาก (มีคดีถูกกล่าวหาว่าเคยข่มขืนเด็กอายุ ๔ ขวบมาด้วย ขณะเกิดเหตุมีคนรักที่แอบได้เสียกันอยู่แล้ว เป็นครูอีกโรงเรียนหนึ่ง และแอบจดทะเบียนสมรสกันเงียบๆ เพราะผู้หญิงนั้นตั้งครรภ์)
วันนั้นมีคนงานวิ่งขึ้นมาตามข้าพเจ้า รายงานว่า
“อาจารย์ครับ ครูอรชรมีอาการหอบหนักมาก ปากเขียวหน้าตาเขียวเลยครับ พูดอะไรไม่ได้ มือเท้าอ่อนปวกเปียกอยู่ในห้องพักครับ กําลังนวดกันอยู่ ไม่ดีขึ้นเลย”
ข้าพเจ้าฟังรายงานแล้วรู้สึกเป็นห่วงเพราะเวลานั้นข้าพเจ้าเองยังเป็นโรคหอบหืดเหมือนกัน รู้ว่าใครเป็นจะรู้สึกเห็นใจมาก เพราะมันทรมานจริงๆ สําหรับข้าพเจ้าโรคนี้จะจับแต่ตอนกลางคืนราวๆ ห้าทุ่มล่วงแล้ว แต่ครูคนนี้ทั้งที่อายุน้อยมากก็เป็นโรคนี้รุนแรงถึงกับมีอาการในตอนกลางวัน
เมื่อไปถึงอาการของเธอน่าวิตกจริงๆ หอบจนตัวอ่อนพับเหมือนคนใกล้หมดสติ ถึงขนาดนี้จะกินยาแก้หอบอย่างไรก็ไม่ทันเสียแล้ว มีทางเดียวต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลฉีดยากระตุ้นการทํางานของหัวใจที่ชื่อว่า “อาดรีนาลิน” จึงจะแก้กันทัน วันนั้นข้าพเจ้ามิได้ขับรถมาทํางาน จึงให้ครูผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งมีรถนํามาจอดเทียบบันได ข้าพเจ้าเองก็อุ้มครูผู้ป่วยไม่ไหว ครูคนขับรถก็ตัวเล็กกว่าข้าพเจ้าอีก เราสองคนจะพยุงปีกก็ไม่ได้ เพราะขาของคนป่วยอ่อนกําลังจนไม่ยอมทรงตัว เหลียวหาคนงานก็ไม่รู้หายไปทางไหนแล้ว คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน พอเห็นข้าพเจ้าดูแลคนป่วย ต่างคนต่างก็หมดกังวลกลับไปทํางานกันหมด
มัวชักช้าคอยเวลาจะไม่ทันการ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหันหาคนช่วย มองไปกลางสนามเห็นมีครูพลศึกษากําลังสอนนักเรียน เป่านกหวีด ปรี๊ด ปรี๊ดอยู่ ก็คิดจะให้ช่วยอุ้มคนป่วยใส่รถให้ โดยปกติแล้วข้าพเจ้าพิถีพิถัน ระแวดระวังเรื่องนี้มาก ไม่ให้ครูต่างเพศเข้าใกล้ชิดกันเป็นอันขาด จะตั้งให้เป็นกรรมการอะไร ก็มักจะเลือกใช้ให้เป็นเพศเดียวกัน ความจริงคราวนี้ก็สะดุดใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นอาการคนเจ็บ ก็คิดว่า... ไม่รู้ตัวหรอกมั้ง ใครอุ้มก็คงไม่รู้สึกหรอก ลืมตาไม่ขึ้น ตัวอ่อนปวกเปียกยังงี้
ข้าพเจ้าตัดใจเรียกครูพลศึกษาคนนั้นให้ช่วยอุ้ม เขาก็ช้อนตัวตามปกติ แค่ใส่รถให้ แล้วข้าพเจ้าก็พาคนเจ็บไปโรงพยาบาล
นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากหายป่วยแล้ว ครูอรชรหันมาสนใจฝ่ายชายจนผิดปกติ ข้าพเจ้าเรียกมาถาม พร้อมทั้งบอกความจริง เรื่องฝ่ายชายมีภรรยาแล้ว เธอกลับสารภาพว่า
“เพราะอาจารย์เป็นต้นเหตุ หนูเกิดมาไม่เคยมีผู้ชายถูกตัวมาก่อน หนูถูกอุ้มวันนั้นแล้ว หนูมีความรู้สึกบอกไม่ถูก คิดถึงแต่เค้าทุกวันทุกคืน ถึงหนูจะรู้ว่าเค้าเจ้าชู้มีภรรยาแล้ว หนูก็ห้ามใจไม่ได้”
สารภาพไป ร้องไห้ไป ข้าพเจ้าสังเวชใจจนพูดไม่ถูก ป่วยจวนสิ้นใจยังมีอารมณ์ทางเพศเกิดได้ อํานาจรสสัมผัสนี้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ จึงถามว่า
“ฝ่ายชายเค้ารู้สึกอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ หนูรู้สึกข้างเดียว” อีกฝ่ายตอบ
“นี่เราสารภาพความรู้สึกกับเค้าเลยรึเนี่ย” ฝ่ายหญิงก้มหน้านิ่ง ข้าพเจ้าอยากจะเอาไม้เรียวตีให้ถนัดๆ สักที อะไรกันความเป็นกุลสตรีหายไปไหนหมด ยุคนี้ผู้หญิงสารภาพรักกับผู้ชายเสียแล้ว
เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุ ข้าพเจ้าจึงพยายามอย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าพาครูผู้ชายไปบ้านธรรมประสิทธิ์ที่วัดปากน้ำ ไปให้คุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนให้รู้บาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะกรรมกาเมสุมิจฉาจารมีโทษถึงตกนรก ไม่นึกเลยพาคนบาปหนาไปวัด เขากลับเห็นเป็นเรื่องขบขันงมงาย แต่ความจริงคนพวกนี้มันก็ต้องคัดค้านอย่างนี้ เพราะถ้าเขาเชื่อเรื่องบุญบาปก็จะทําชั่วต่อไปไม่ถนัด
ผลที่สุดข้าพเจ้าต้องหันมาแก้ทางฝ่ายหญิงอีก อธิบายเหตุผลให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ เอาใจราวกับลูกสาวของตัว ฝ่ายหญิงก็ตัดใจไม่ได้ ข้าพเจ้าได้อธิษฐานจิตขอให้บุญกุศลคุ้มครองเธอ
เช้าวันหนึ่งอรชรมาหาข้าพเจ้าในห้องทํางานแต่เช้าเล่าให้ฟังว่า
“หนูฝันประหลาดน่าหวาดกลัว ฝันเห็นหุบเหวลึกมาก ข้างล่างมีแต่เปลวไฟ มีสัตว์รูปร่างเหมือนคน แต่สภาพน่าเกลียด ผอมหนังหุ้มกระดูก ถูกไฟเผาไหม้แต่ก็ไม่ตาย พวกเขาพยายามตะกายขึ้นมาแต่ก็ขึ้นไม่ได้ ร้องครวญครางโหยหวนระงมน่าสะพรึงกลัว หนูยืนอยู่ ใจก็สั่งให้ไปให้พ้นขอบเหว แต่ร่างกายมันกลับเหมือนถูกดูด ยิ่งคิดวิ่งหนีมันก็ยิ่งดูดจนตกลง หนูร้องให้อาจารย์ช่วยจนสุดเสียง หนูเห็นอาจารย์ยื่นมือมาให้หนูจับ หนูพยายามจับแต่กลับลื่น อาจารย์ก็ดึงหนูเต็มที่แต่ก็ลื่นหลุด หนูตกลงไปอยู่กับสัตว์รูปร่างน่าเกลียดพวกนั้น หนูตกใจตื่น หนูกลัวมากค่ะอาจารย์ ที่นั่นเป็นที่ไหนคะ”
ข้าพเจ้าใคร่ครวญตามความฝันประหลาดนั้น ก็รู้ว่าข้าพเจ้าไม่สามารถช่วยเหลือครูสาวคนนี้ได้ สิ่งที่เธอฝันเห็นนั้นมันนรกชัดๆ จึงบอกเธอไปตามตรง เธอร้องไห้แล้วขอให้ข้าพเจ้าช่วย ข้าพเจ้าบอกว่า คงมีวิธีเดียวคือย้ายหนี
“เมื่อใจของหนูหนีเค้าไม่ได้มันรักเค้าจับจิตจับใจยังงั้นก็เอากายหนีก่อนดีมั้ย ตอนนี้ที่กรมการฝึกหัดครู เปิดรับอาจารย์สาขาวิชาที่หนูเรียนมาพอดี ตั้งใจท่องหนังสือหน่อยคงสอบติดเพราะหนูเรียนเก่งอยู่แล้ว”
เธอสอบติดจริงๆ ย้ายไปอยู่จังหวัดเพชรบุรี ใครๆ ก็คิดว่าเธอคงจะพ้นเรื่องนี้ แต่ข่าวต่อมาคือเธอเอากายจากไปแต่เอาใจพรากไปไม่ได้ ผลที่สุดทั้งคู่ต้องทําพิธีแต่งงานจดทะเบียนสมรสซ้อนเพราะฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ เมื่อจดทะเบียนแต่งที่แห่งหนึ่ง แล้วก็จดทะเบียนหย่าอีกที่หนึ่ง เพราะภรรยาหลวงไม่ยินยอม จะฟ้องร้องทําให้ผิดวินัยครู ทั้งสองคนจึงต้องรีบหย่า
เรื่องนี้อื้อฉาวนานพอสมควร ผลที่สุดฝ่ายชายจึงขอย้ายตนเองเข้าไปอยู่ในกระทรวง ไปก่อเรื่องอะไรๆ อีก ข้าพเจ้าไม่ใส่ใจแล้ว ยังไปใส่ร้ายข้าพเจ้าหาว่าใช้เวลาราชการสอนนักเรียนทําสมาธิ ผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้าเรียกครูบางคนไปไต่ถาม แต่ข้าพเจ้าใช้นอกเวลาเรียนจริงๆ เรื่องจึงเงียบไป (ถึงแม้จะใช้ในเวลาเรียนก็เท่ากับเป็นการสอนศีลธรรมให้นักเรียน ไม่น่าถือเป็นความผิด)
การต้องอยู่กับคนพาลมีอันตรายมากมายนัก ดังนั้นคําสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราที่สอนเรื่องมงคลสูงสุด ๓๘ ประการ ได้สอนเรื่อง ไม่คบคนพาล เป็นมงคลข้อแรกที่สุด
ขนาดข้าพเจ้าพาไปเรียนธรรมปฏิบัติกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย วันนั้นพอดีพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้เด็กๆ ที่ได้ธรรมกายไปดูนรกขุมต้นงิ้วพอดี ครูพาลคนนี้ก็ไม่เชื่อถือ
นรกขุมต้นงิ้วมีอยู่จริง ขุมต้นงิ้วไม่ใช่มหานรก เป็นนรกขุมย่อย ในสถานที่นี้มีต้นไม้เต็มไปด้วยหนามเหล็กแหลมยาวและคมมาก ปลายหนามยังมีเปลวไฟร้อนแรงติดอยู่ สัตว์นรกขุมนี้ไม่นุ่งผ้า แต่ตัวผอมหนังหุ้มกระดูก ผมเผ้ารุงรัง ถูกนายนิรยบาลและสุนัขนรกไล่ทําอันตราย ต้องปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้หนามหนามก็เกี่ยว เนื้อตัวมีแต่เลือดอาบร่าง พอถึงบนยอดก็มีกายักษ์ เหยี่ยวยักษ์จิกเนื้อสัตว์นรกออกเป็นชิ้นๆ แล้ว เหวี่ยงลงมาตาย พอถึงพื้นล่างก็ฟื้นเป็นขึ้นมาอีก หรือมิฉะนั้นพวกที่ไม่ถูกจิกบางตัวก็ปีนลงหนีสัตว์ร้ายพวกนั้น พอถึงข้างล่างก็ต้องหนีขึ้นข้างบน เป็นอยู่ดังนี้จนกว่าจะหมดกรรม พอหมดกรรมจากนรกยังมีเศษเหลืออยู่ หนามต้นไม้จะสั้นเข้าๆ จนเตียน กายสัตว์นรกตนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นเดรัจฉาน ไปเกิดเป็นเดรัจฉานชนิดต่างๆ ที่ต้องถูกตอนหรือได้รับทุกข์หนักหนาสาหัสเกี่ยวกับเรื่องอวัยวะเพศ
การเกิดเป็นสัตว์ก็ไม่ใช่เพียงชาติเดียว แต่เป็นร้อยๆ ชาติ ครั้นมาได้เกิดเป็นคน ก็จะต้องเป็นคนที่มีปัญหา มีความทุกข์เรื่องทางเพศ เช่น เกิดเป็นโสเภณี เป็นกะเทย อีกอย่างละหลายร้อยชาติ พอได้เป็นผู้หญิงก็จะต้องถูกล่อลวง ถูกทําให้เจ็บช้ำน้ำใจ เช่น ถูกทําร้าย ข่มขืน ฯลฯ กว่าจะได้เป็นผู้หญิงดีๆ ก็นานแสนนานหลายร้อยชาติอีก ถ้าจะให้พ้นบาปกรรม จะต้องถือเพศพรหมจรรย์อีกหลายชาติกว่าจะได้คืนเป็นเพศชายอีกครั้ง
เรื่องราวเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้โดยการเจริญภาวนา ทำอาโลกกสิณ คือกสิณแสงสว่าง ให้เห็นกายในกายเข้าไปมากเข้าๆ จนได้อภิญญาจิต เกิดทิพพจักขุญาณ สามารถรู้เห็นเรื่องราวต่างๆ นี้จนสิ้นเชิง กายในกายที่ทําให้พลังจิตในการเจริญภาวนามีอานุภาพมาก คือกายธรรม หรือที่เราเรียกกันว่า ธรรมกาย
ในยุคปัจจุบัน การติดต่อสื่อสารทั่วโลกเป็นไปอย่างสะดวก ทําให้ความนิยมในขนบธรรมเนียมประเพณีเปลี่ยนแปลงไป
คนไทยเราเคยสํารวมระวังเรื่องศีลข้อที่สาม โดยเฉพาะผู้หญิงไทยเคยรักนวลสงวนตัว ปัจจุบันกลับมาเอาอย่างสตรีตะวันตก มีการสํ่าส่อนทางเพศ เห็นเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ มีสตรีท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าลูกชายของเขาอยู่ที่บ้าน มีผู้หญิงตั้งแต่วัยนักเรียนจนกระทั่งวัยสาวเปลี่ยนหน้ากันมาหา อยู่ด้วยเป็นวันๆ ไม่มีใครเสียดายตัวเลย บางคนแต่งตัวนักเรียนออกจากบ้าน มาถึงบ้านของเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่กับผู้ชายทั้งวัน ตกเย็นก็แต่งตัวนักเรียนกลับบ้าน ไม่เคยทําความเคารพบิดามารดาของฝ่ายชาย เขาเพียงมาสนุกทางเพศแล้วก็แยกกันไป
ปัจจุบันเรื่องกาเมสุมิจฉาจารกลายเป็นเรื่องปกติของผู้คน จริงอยู่แม้จะไม่กลัวผลกรรมหลังจากตายแล้ว เพราะไม่สนใจพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริง แต่น่าจะนึกถึงจิตใจของตนเองในชีวิตปัจจุบันนี้บ้าง สร้างเรื่องเลวๆ ไว้แต่ละครั้งคราว เท่ากับจารึกไว้ในความทรงจําของตนเอง นึกถึงคราวใดตนนั่นแหละจะรังเกียจตนเอง หมดความภาคภูมิใจ เวลาคิดจะทําความดีชนิดสูงสุดคือการเจริญภาวนาขึ้นมาเมื่อใด ก็จะทําไม่สําเร็จ เพราะจะมีแต่ภาพเหตุการณ์เลวๆ ที่ตนเองทําไว้ผุดโผล่ขึ้นมาในใจแทนการเจริญภาวนา ใจที่หมกมุ่นอยู่ในกามจะนึกถึงคุณความดีอะไรๆ ไม่ออก
“เปล่าค่ะ หนูรู้สึกข้างเดียว” อีกฝ่ายตอบ
“นี่เราสารภาพความรู้สึกกับเค้าเลยรึเนี่ย” ฝ่ายหญิงก้มหน้านิ่ง ข้าพเจ้าอยากจะเอาไม้เรียวตีให้ถนัดๆ สักที อะไรกันความเป็นกุลสตรีหายไปไหนหมด ยุคนี้ผู้หญิงสารภาพรักกับผู้ชายเสียแล้ว
เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุ ข้าพเจ้าจึงพยายามอย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าพาครูผู้ชายไปบ้านธรรมประสิทธิ์ที่วัดปากน้ำ ไปให้คุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนให้รู้บาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะกรรมกาเมสุมิจฉาจารมีโทษถึงตกนรก ไม่นึกเลยพาคนบาปหนาไปวัด เขากลับเห็นเป็นเรื่องขบขันงมงาย แต่ความจริงคนพวกนี้มันก็ต้องคัดค้านอย่างนี้ เพราะถ้าเขาเชื่อเรื่องบุญบาปก็จะทําชั่วต่อไปไม่ถนัด
ผลที่สุดข้าพเจ้าต้องหันมาแก้ทางฝ่ายหญิงอีก อธิบายเหตุผลให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ เอาใจราวกับลูกสาวของตัว ฝ่ายหญิงก็ตัดใจไม่ได้ ข้าพเจ้าได้อธิษฐานจิตขอให้บุญกุศลคุ้มครองเธอ
เช้าวันหนึ่งอรชรมาหาข้าพเจ้าในห้องทํางานแต่เช้าเล่าให้ฟังว่า
“หนูฝันประหลาดน่าหวาดกลัว ฝันเห็นหุบเหวลึกมาก ข้างล่างมีแต่เปลวไฟ มีสัตว์รูปร่างเหมือนคน แต่สภาพน่าเกลียด ผอมหนังหุ้มกระดูก ถูกไฟเผาไหม้แต่ก็ไม่ตาย พวกเขาพยายามตะกายขึ้นมาแต่ก็ขึ้นไม่ได้ ร้องครวญครางโหยหวนระงมน่าสะพรึงกลัว หนูยืนอยู่ ใจก็สั่งให้ไปให้พ้นขอบเหว แต่ร่างกายมันกลับเหมือนถูกดูด ยิ่งคิดวิ่งหนีมันก็ยิ่งดูดจนตกลง หนูร้องให้อาจารย์ช่วยจนสุดเสียง หนูเห็นอาจารย์ยื่นมือมาให้หนูจับ หนูพยายามจับแต่กลับลื่น อาจารย์ก็ดึงหนูเต็มที่แต่ก็ลื่นหลุด หนูตกลงไปอยู่กับสัตว์รูปร่างน่าเกลียดพวกนั้น หนูตกใจตื่น หนูกลัวมากค่ะอาจารย์ ที่นั่นเป็นที่ไหนคะ”
ข้าพเจ้าใคร่ครวญตามความฝันประหลาดนั้น ก็รู้ว่าข้าพเจ้าไม่สามารถช่วยเหลือครูสาวคนนี้ได้ สิ่งที่เธอฝันเห็นนั้นมันนรกชัดๆ จึงบอกเธอไปตามตรง เธอร้องไห้แล้วขอให้ข้าพเจ้าช่วย ข้าพเจ้าบอกว่า คงมีวิธีเดียวคือย้ายหนี
“เมื่อใจของหนูหนีเค้าไม่ได้มันรักเค้าจับจิตจับใจยังงั้นก็เอากายหนีก่อนดีมั้ย ตอนนี้ที่กรมการฝึกหัดครู เปิดรับอาจารย์สาขาวิชาที่หนูเรียนมาพอดี ตั้งใจท่องหนังสือหน่อยคงสอบติดเพราะหนูเรียนเก่งอยู่แล้ว”
เธอสอบติดจริงๆ ย้ายไปอยู่จังหวัดเพชรบุรี ใครๆ ก็คิดว่าเธอคงจะพ้นเรื่องนี้ แต่ข่าวต่อมาคือเธอเอากายจากไปแต่เอาใจพรากไปไม่ได้ ผลที่สุดทั้งคู่ต้องทําพิธีแต่งงานจดทะเบียนสมรสซ้อนเพราะฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ เมื่อจดทะเบียนแต่งที่แห่งหนึ่ง แล้วก็จดทะเบียนหย่าอีกที่หนึ่ง เพราะภรรยาหลวงไม่ยินยอม จะฟ้องร้องทําให้ผิดวินัยครู ทั้งสองคนจึงต้องรีบหย่า
เรื่องนี้อื้อฉาวนานพอสมควร ผลที่สุดฝ่ายชายจึงขอย้ายตนเองเข้าไปอยู่ในกระทรวง ไปก่อเรื่องอะไรๆ อีก ข้าพเจ้าไม่ใส่ใจแล้ว ยังไปใส่ร้ายข้าพเจ้าหาว่าใช้เวลาราชการสอนนักเรียนทําสมาธิ ผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้าเรียกครูบางคนไปไต่ถาม แต่ข้าพเจ้าใช้นอกเวลาเรียนจริงๆ เรื่องจึงเงียบไป (ถึงแม้จะใช้ในเวลาเรียนก็เท่ากับเป็นการสอนศีลธรรมให้นักเรียน ไม่น่าถือเป็นความผิด)
การต้องอยู่กับคนพาลมีอันตรายมากมายนัก ดังนั้นคําสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราที่สอนเรื่องมงคลสูงสุด ๓๘ ประการ ได้สอนเรื่อง ไม่คบคนพาล เป็นมงคลข้อแรกที่สุด
ขนาดข้าพเจ้าพาไปเรียนธรรมปฏิบัติกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย วันนั้นพอดีพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้เด็กๆ ที่ได้ธรรมกายไปดูนรกขุมต้นงิ้วพอดี ครูพาลคนนี้ก็ไม่เชื่อถือ
นรกขุมต้นงิ้วมีอยู่จริง ขุมต้นงิ้วไม่ใช่มหานรก เป็นนรกขุมย่อย ในสถานที่นี้มีต้นไม้เต็มไปด้วยหนามเหล็กแหลมยาวและคมมาก ปลายหนามยังมีเปลวไฟร้อนแรงติดอยู่ สัตว์นรกขุมนี้ไม่นุ่งผ้า แต่ตัวผอมหนังหุ้มกระดูก ผมเผ้ารุงรัง ถูกนายนิรยบาลและสุนัขนรกไล่ทําอันตราย ต้องปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้หนามหนามก็เกี่ยว เนื้อตัวมีแต่เลือดอาบร่าง พอถึงบนยอดก็มีกายักษ์ เหยี่ยวยักษ์จิกเนื้อสัตว์นรกออกเป็นชิ้นๆ แล้ว เหวี่ยงลงมาตาย พอถึงพื้นล่างก็ฟื้นเป็นขึ้นมาอีก หรือมิฉะนั้นพวกที่ไม่ถูกจิกบางตัวก็ปีนลงหนีสัตว์ร้ายพวกนั้น พอถึงข้างล่างก็ต้องหนีขึ้นข้างบน เป็นอยู่ดังนี้จนกว่าจะหมดกรรม พอหมดกรรมจากนรกยังมีเศษเหลืออยู่ หนามต้นไม้จะสั้นเข้าๆ จนเตียน กายสัตว์นรกตนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นเดรัจฉาน ไปเกิดเป็นเดรัจฉานชนิดต่างๆ ที่ต้องถูกตอนหรือได้รับทุกข์หนักหนาสาหัสเกี่ยวกับเรื่องอวัยวะเพศ
การเกิดเป็นสัตว์ก็ไม่ใช่เพียงชาติเดียว แต่เป็นร้อยๆ ชาติ ครั้นมาได้เกิดเป็นคน ก็จะต้องเป็นคนที่มีปัญหา มีความทุกข์เรื่องทางเพศ เช่น เกิดเป็นโสเภณี เป็นกะเทย อีกอย่างละหลายร้อยชาติ พอได้เป็นผู้หญิงก็จะต้องถูกล่อลวง ถูกทําให้เจ็บช้ำน้ำใจ เช่น ถูกทําร้าย ข่มขืน ฯลฯ กว่าจะได้เป็นผู้หญิงดีๆ ก็นานแสนนานหลายร้อยชาติอีก ถ้าจะให้พ้นบาปกรรม จะต้องถือเพศพรหมจรรย์อีกหลายชาติกว่าจะได้คืนเป็นเพศชายอีกครั้ง
เรื่องราวเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้โดยการเจริญภาวนา ทำอาโลกกสิณ คือกสิณแสงสว่าง ให้เห็นกายในกายเข้าไปมากเข้าๆ จนได้อภิญญาจิต เกิดทิพพจักขุญาณ สามารถรู้เห็นเรื่องราวต่างๆ นี้จนสิ้นเชิง กายในกายที่ทําให้พลังจิตในการเจริญภาวนามีอานุภาพมาก คือกายธรรม หรือที่เราเรียกกันว่า ธรรมกาย
ในยุคปัจจุบัน การติดต่อสื่อสารทั่วโลกเป็นไปอย่างสะดวก ทําให้ความนิยมในขนบธรรมเนียมประเพณีเปลี่ยนแปลงไป
คนไทยเราเคยสํารวมระวังเรื่องศีลข้อที่สาม โดยเฉพาะผู้หญิงไทยเคยรักนวลสงวนตัว ปัจจุบันกลับมาเอาอย่างสตรีตะวันตก มีการสํ่าส่อนทางเพศ เห็นเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ มีสตรีท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าลูกชายของเขาอยู่ที่บ้าน มีผู้หญิงตั้งแต่วัยนักเรียนจนกระทั่งวัยสาวเปลี่ยนหน้ากันมาหา อยู่ด้วยเป็นวันๆ ไม่มีใครเสียดายตัวเลย บางคนแต่งตัวนักเรียนออกจากบ้าน มาถึงบ้านของเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่กับผู้ชายทั้งวัน ตกเย็นก็แต่งตัวนักเรียนกลับบ้าน ไม่เคยทําความเคารพบิดามารดาของฝ่ายชาย เขาเพียงมาสนุกทางเพศแล้วก็แยกกันไป
ปัจจุบันเรื่องกาเมสุมิจฉาจารกลายเป็นเรื่องปกติของผู้คน จริงอยู่แม้จะไม่กลัวผลกรรมหลังจากตายแล้ว เพราะไม่สนใจพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริง แต่น่าจะนึกถึงจิตใจของตนเองในชีวิตปัจจุบันนี้บ้าง สร้างเรื่องเลวๆ ไว้แต่ละครั้งคราว เท่ากับจารึกไว้ในความทรงจําของตนเอง นึกถึงคราวใดตนนั่นแหละจะรังเกียจตนเอง หมดความภาคภูมิใจ เวลาคิดจะทําความดีชนิดสูงสุดคือการเจริญภาวนาขึ้นมาเมื่อใด ก็จะทําไม่สําเร็จ เพราะจะมีแต่ภาพเหตุการณ์เลวๆ ที่ตนเองทําไว้ผุดโผล่ขึ้นมาในใจแทนการเจริญภาวนา ใจที่หมกมุ่นอยู่ในกามจะนึกถึงคุณความดีอะไรๆ ไม่ออก
Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล จากความทรงจำ เล่ม ๒ บทที่ ๑๗
จากกายแต่ใจไม่จาก
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
03:43
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: