หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๒๔)
ก่อนอื่น
ผู้เขียนต้องขออนุโมทนากับสาธุชนทุก ๆ ท่าน
ที่ได้ร่วมกันสวดบทธัมมจักกัปปวัตนสูตรอย่างต่อเนื่อง
นับเนื่องจากวันอาสาฬหบูชาปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์การสร้างบารมีร่วมกันของหมู่คณะด้วยสามัคคีธรรม
และอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันอาสาฬหบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ที่จะถึงนี้ ซึ่งก็จะครบรอบ ๑ ปีและกำลังมุ่งสู่เป้าหมายให้ได้ ๙๐ ล้านจบ
ด้วยจิตใจที่ผ่องใสร่วมกันของพุทธศาสนิกชนทุกพื้นที่ทั่วไทยและทั่วโลก
ดังเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
บทธัมมจักกัปปวัตนสูตรนั้นเป็นบทพระธรรมเทศนาที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์
หลังจากที่ตรัสรู้ได้เพียง ๒ เดือน ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันเมืองพาราณสี ในวันเพ็ญขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๘ คำว่า “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” นั้น โดยความหมายแล้วแปลว่า “พระสูตรแห่งการหมุนกงล้อแห่งธรรม” หรือพระสูตรแห่งการแผ่ขยายพระธรรมจักรให้กว้างไกล
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ก่อนยุคพุทธกาลเป็นต้นมา
ชมพูทวีปในสมัยโบราณกำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญก้าวหน้าทุก ๆ ด้าน
ในสังคมสมัยนั้นต่างก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชนชั้นที่มั่งคั่งร่ำรวย
นักพรตนักบวชเป็นจำนวนมากที่ต่างก็พัฒนาความเชื่อและปรัชญาของตนขึ้นมา ฯลฯ
การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคำสอนของพระองค์เท่ากับเป็นการประกาศหนทางที่ถูกต้องที่จะนำสัจธรรมและคุณค่าอันแท้จริงมาส่ชีวิตมนุษย์ซึ่งการแสดงพระธรรมเทศนาคือ
“ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” เป็นครั้งแรกนี้
ส่งผลให้ท่านอัญญาโกณฑัญญะดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
เป็นพยานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นท่านแรก
ซึ่งหลังจากที่พระพุทธองค์ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้แล้ว
ท่านอัญญาโกณฑัญญะจึงเป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนานับตั้งแต่นั้น1
1 ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่มที่ ๔ ภาค ๑ และในอรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต กล่าวว่า ในวันที่สองของการประทับ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระบรมศาสดาโปรดประทานธรรมิกถาว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา ด้วยธรรมิกถานี้ ทำให้ท่านมหานามะและท่านอัสสชิได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุโสดาปัตติผล จนถึงวันแรม ๔ ค่ำ พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ได้บรรลุโสดาปัตติผลครบทั้ง ๕ รูป ครั้นถึงในวันแรม ๕ ค่ำ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร ทำให้พระปัญจวัคคีย์ทั้งหมดบรรลุอรหัตผล
เกี่ยวกับความสำคัญของบทพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้
พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของเรานั้น
ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่เคยสาธยายถึงคุณค่าและความสำคัญไว้เช่นกันโดยได้แสดงไว้เป็นบทพระธรรมเทศนาในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๘ เรื่อง “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” โดยตรงซึ่งในความเห็นของพระเดชพระคุณหลวงปู่ บทธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้นับเป็น
“ธรรมที่ลุ่มลึกสุขุมอย่างยิ่ง
ไม่ใช่ธรรมที่พอดีพอร้าย”อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นตำรับตำราของพุทธศาสนิกชนสืบต่อไปด้วย
โดยเฉพาะผู้ที่นำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องนั้น จะสามารถ “เอาตัวรอดได้” ในธรรมวินัยของพระบรมศาสดาเลยทีเดียว
จุดที่ควรพิจารณาอย่างยิ่งในบทพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี
(สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายนั้น
นอกจากที่ท่านได้กล่าวถึงสาระสำคัญของบทพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่ว่า“ชีวิตมิใช่การดำเนินไปตามหนทางที่สุดโต่ง ๒
อย่าง” หนทางที่ถูกที่ควรคือการวางตนให้ปฏิบัติตามหนทางสายกลางอันเป็นการดำเนินด้วยปัญญา
คือ มรรคมีองค์ ๘ การกล่าวถึงความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ คืออริยสัจ ๔
อันเป็นเป้าหมายของชีวิตที่ทุกคนควรศึกษาและเข้าใจเพื่อให้เกิดความสงบระงับ
เพื่อความรู้ยิ่งคือพระนิพพาน ฯลฯ แล้ว
พระเดชพระคุณหลวงปู่ยังได้พยายามเชื่อมโยงให้เราเห็นถึงวิธีปฏิบัติที่จะทำให้สาธุชนได้รู้จักการวางใจให้ถูกต้องในมัชฌิมาปฏิปทา
หรือ “ข้อปฏิบัติอันเป็นกลาง” ไว้อีกด้วย
ซึ่งมิใช่เพียงการอธิบายโดยหลักการธรรมดาเท่านั้น
แต่ต้องถือว่าเป็นการอธิบายโดยหลักวิชชาและโดย “หลักในการปฏิบัติธรรม” เลยทีเดียว
คำว่า “ข้อปฏิบัติอันเป็นกลาง” หรือมัชฌิมาปฏิปทาที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านอธิบายนั้น ท่านกล่าวเฉพาะเจาะจงลงไปเลยว่า
หมายถึง การเอาใจไปหยุดไว้ ณ ตำแหน่งที่เป็น “ศูนย์กลางกายมนุษย์” เลยทีเดียว เพราะตำแหน่งดังกล่าวนั้น
มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ตั้งอยู่ การนำเอาใจไปหยุดอยู่ ณ
ตำแหน่งนั้นได้จริงจะถือว่าเป็น “มัชฌิมาปฏิปทา” ที่แท้จริง และในตำแหน่งนี้เองที่ในวาระพระบาลีเรียกว่า
“ตถาคเตนอภิสมฺพุทฺธา” คือ
เป็นตำแหน่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่งของพระองค์
ซึ่งคำว่า “ตถาคเตน” ในที่นี้พระเดชพระคุณหลวงปู่ยังอธิบายจำเพาะเจาะจงลงไปอีกว่า
หมายความถึง “ธรรมกาย” นั่นเอง เพราะการเข้าถึงพระธรรมกายก็คือ
การเข้าถึงตถาคตแท้ ๆ ดังพุทธดำรัสที่พระองค์ได้ตรัสรับรองไว้ว่า “ ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ” เราตถาคตผู้เป็นธรรมกาย “ตถาคตสฺส วาเสฏฺฐ เอตํ ธมฺมกาโยติ วจนํ” ดังนี้ฯ
ในพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่ว่าด้วย
“ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” นี้ ท่านได้คลี่คลายขยายความให้เราทราบถึงวิธีการทำใจให้เป็นกลาง
การหยุดใจหรือการเอาใจน้อมเข้าไปในกลางดวงธรรมต่าง ๆ
จนถึงพุทธรัตนะที่สถิตอยู่ภายใน ฯลฯ ซึ่งการที่บุคคลสามารถปฏิบัติดังนี้ได้ย่อม
เท่ากับว่าได้ “ดำเนินเข้ามาสู่หนทางแห่งอริยมรรค” และจะสามารถ “ประจักษ์แจ้ง” ในความจริง ๔ ประการ หรืออริยสัจ ๔
ได้ซึ่งถือได้ว่าสามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนาที่แท้ได้นั่นเอง ฯลฯ
อนึ่ง การกล่าวถึงมัชฌิมาปฏิปทาหรือ “ข้อปฏิบัติอันเป็นกลาง” ตามการอธิบายของพระเดชพระคุณหลวงปู่นี้
จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของหัวข้อธรรมทั้งหมด เนื่องจากมัชฌิมาปฏิปทานี้เปรียบเสมือนประตูที่จะเชื่อมไปสู่หนทางที่ถูกต้อง
คือ มรรคมีองค์ ๘ และอริยสัจ ๔ ประการในขั้นตอนต่อไป
ซึ่งโดยความมุ่งหมายที่แท้จริงของพระธรรมเทศนาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง
๕ ท่านนั้น
แน่นอนว่ามิได้ทรงมุ่งแสดงให้แก่ผู้ที่คิดครองเรือนนำไปใช้ในการครองชีวิตแบบฆราวาสแต่อย่างใด
แต่ทรงมุ่ง “เปิดประตู” ใหสาวกของพระองคก้าวเดินไปสู่หนทางแห่งอริยมรรคเป็นสำคัญ
ด้วยเหตุนี้ “ภาษาธรรม” ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ในบทธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้
จึงควรกล่าวได้ว่าเป็นภาษาแห่งการปฏิบัติอย่างแท้จริง
ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ (George Coedes) นักประวัติศาสตร์โบราณคดีชาวฝรั่งเศส |
พระธรรมจักรศิลา |
ดังนั้น
จึงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งในที่นี้ว่า
บทธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่เราเหล่าพุทธบริษัทกำลังสวดร่วมกันอยู่นี้
ไม่ใช่บทสวดธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ย่อมเป็นเหมือนการสาธยายถึง “หลักปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน” ไปด้วยในตัว
ซึ่งได้มีการค้นพบหลักฐานสำคัญคือ “คาถาธรรมกาย”
ที่จารึกไว้เป็นภาษาเขมรโบราณ
จนได้มีการนำมาศึกษาถอดความและเรียกชื่อคัมภีร์นี้ว่า “ธมฺมกายสฺส อตฺถวณฺณนา” มาก่อนแล้ว
โดยท่านศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ (George Coedes) นักประวัติศาสตร์โบราณคดีชาวฝรั่งเศส และในเวลาต่อมาศาสตราจารย์ยอร์ช
เซเดส์ ก็ยังเป็นผู้ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับ “พระธรรมจักรศิลา” อายุเก่าแก่กว่า
๑,๔๐๐ ปี และได้สรุปว่า
ข้อความในพระธรรมจักรศิลานี้เกี่ยวข้องกับอริยสัจ ๔ ประโยชน์แห่งมรรค และญาณ ๓
ประการ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติโดยตรง ข้อยืนยันดังกล่าวจึงเป็นข้อยืนยันที่มีคุณค่ามาก
เป็นการชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันของ “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” และการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายอย่างชัดเจน
สมดังที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ท่านได้ค้นพบและเผยแผ่มาตลอดชีวิตของท่าน
เช่นเดียวกับภารกิจที่สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI)ได้ดำเนินการมาโดยตลอดนั้น
ก็เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายที่จะช่วยยืนยันถึงความมีอยู่ของ วิชชาธรรมกาย
ที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานประเภทต่าง ๆ ในภาคปริยัติ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของคัมภีร์พุทธโบราณภาษาต่าง
ๆ ทั่วโลกหรือในรูปของศิลาจารึกและงานพุทธศิลป์ที่ปรากฏอยู่ทั้งภายในและต่างประเทศ
ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงไปสู่ภาคปฏิบัติและปฏิเวธให้มากที่สุด
และเป็นการยืนยันให้ได้มากที่สุดว่าธรรมกายนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ดีจริงต่อชีวิตและสามารถนำมาปฏิบัติได้จริงนั่นเอง
สำหรับในปีนี้
(พุทธศักราช
๒๕๖๐) หากท่านสาธุชนผู้เป็นลูกศิษย์หลานศิษย์ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี
(สดจนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายยังจำกันได้ดี
ปีนี้เท่ากับเป็นปีอันเป็นมงคลด้วยเช่นกัน กล่าวคือเป็นปีที่ครบ ๑๐๐
ปีแห่งการบรรลุธรรมของพระเดชพระคุณหลวงปู่
ที่ท่านได้ผ่านการเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมกายภายในตัวได้ในปีพุทธศักราช
๒๔๖๐ ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ณ อุโบสถวัดโบสถ์บน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ซึ่งการบรรลุธรรมของท่านได้ก่อให้เกิดคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนา
เพราะถือว่าท่านเป็นบุคคลที่ค้นพบวิชชาธรรมกายอันเป็นหลักปฏิบัติธรรมตามคำสอนอันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เลือนรางหายไป
นับจากวันที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานได้ ๕๐๐ ปีให้กลับคืนมา ดังนั้นการร่วมกันรำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่และความศรัทธาเลื่อมใสในคำสอนของท่าน
ก็นับได้ว่าเป็นการกตัญญูต่อทั้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและมหาปูชนียาจารย์ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของเราด้วย
สมดังพุทธพจน์ที่ว่า “ปูชา จปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ” (การบูชาบุคคลผู้ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันสูงสุด)
ในการนี้
ผู้เขียนทราบดีว่า
พวกเราเหล่าศิษยานุศิษย์ต่างตั้งใจที่จะสวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตนสูตร
เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและบูชาธรรมแด่พระเดชพระคุณหลวงปู่ด้วยความปลื้มปีติใจจึงขอให้ทุกท่านตั้งจิตเสมือนหนึ่งว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้มาสถิต
ณ ศูนย์กลางกายของเราให้ชัดใสสว่าง
ดังนี้ย่อมเท่ากับว่าเรากำลังปฏิบัติบูชาท่านไปพร้อมๆ
กับการสวดสาธยายหลักธรรมคือบท “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” อานิสงส์ที่เกิดขึ้นจึงย่อมมีมากมายมิอาจประมาณได้
และเมื่อเราได้ทำตามคำสอนอย่างถูกต้องต่อเนื่อง วางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายเมื่อใจหยุดนิ่งถูกส่วนเราก็จะได้ประสบการณ์ภายใน
เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงขอให้เราอย่าทอดทิ้งการปฏิบัติธรรม อย่าละความเพียร
เราจึงจะพิสูจน์ดังคำกล่าวในพระธรรมคุณที่ว่า “เอหิปสฺสิโก จงมาพิสูจน์เถิด” ต่อไปเราก็จะได้เป็นประจักษ์พยานของการมีอยู่จริงของวิชชาธรรมกายในยุคปัจจุบัน
เป็น “หลักฐานธรรมกายที่มีชีวิต ”และจะได้ช่วยกัน “หมุนกงล้อแห่งธรรม” จากยุคปัจจุบันนี้ไปสู่อนาคตได้อย่างเป็นอัศจรรย์เทอญฯ
ขอเจริญพร
Cr. นวธรรม และคณะนักวิจัย DIRI
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๗๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๒๔)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
06:31
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: