หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๒๗)
ในฉบับที่แล้ว
ผู้เขียนและคณะนักวิจัยสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) ได้กล่าวถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามพันธกิจ
๗ ขั้นตอนของสถาบันฯ คือ
เรื่องความคืบหน้าของการจัดหาอาคารเพื่อสถาปนาเป็นที่ทำการของสถาบันฯ
ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะการพัฒนาอาคารสถาบันฯ ขึ้น
ย่อมเท่ากับเป็นการสืบสานงานการค้นพบวิชชาธรรมกายของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด
จนฺทสโร) ในวาระโอกาสบูชาธรรมครบรอบ ๑๐๐ ปีด้วย กับอีกเรื่องหนึ่ง คือ
ในเรื่องความเป็น “ต้นแบบของนักวิจัยทางพระพุทธศาสนา” อย่างแท้จริงที่ท่านได้ดำเนินตามรอยบาทของพระบรมศาสดาอย่างสมบูรณ์
ปฏิปทาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ที่มีความตั้งใจในการศึกษาทั้งทางด้านปริยัติ
ปฏิบัติ และปฏิเวธ จนทำให้ท่านได้ค้นพบวิชชาธรรมกายได้ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน
๑๐ ปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ หรือเมื่อ ๑๐๐ ปีที่ล่วงมาแล้ว
นั่นคือมรดกแห่งหลักฐานธรรมกายที่เราจะต้องทำสืบสานต่อไปให้ดีที่สุด
ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
ที่จะถึงนี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ ๑๓๓ ปีของท่าน
ซึ่งเราทราบกันเป็นอย่างดีว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
เป็นบุคคลสำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งในระดับโลก
หลักคำสอนการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายและเรื่องราวหลักฐานธรรมกาย ณ
วันนี้ได้ถูกเผยแพร่และขยายไปจนถึงในระดับนานาชาติแทบจะทุกภูมิภาคของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้น
เราในฐานะลูกหลานผู้เป็นศิษยานุศิษย์ของท่าน
หากต้องการที่จะทดแทนบุญคุณของท่านในวาระสำคญดังกล่าวข้างต้นจนกระทั่งถึงปีนี้
สิ่งที่จะทดแทนบุญคุณของท่านได้ดีที่สุดก็คือ การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายให้จงได้
หรือรวมตลอดถึงการพยายามเผยแผ่ความรู้ ความเข้าใจ
หรือองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับวิชชาธรรมกายออกไปให้กว้างขวางมากที่สุด เป็นต้น
สำหรับสถาบันฯ DIRI ทีมงานทุกรูป/ทุกคนก็ได้มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจอย่างทุ่มเทชีวิตมาตลอดต่อเนื่อง
จนถึง ณ เวลานี้ ไม่ว่าเรื่องความคืบหน้าของการสถาปนาอาคารสถาบันฯ DIRI เพื่อบูชาธรรม
๑๐๐ ปีครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายก็ดี
หรือการส่งนักวิจัยของสถาบันฯให้มีโอกาสนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัยออกไปเผยแพร่ในระดับนานาชาติ
หรือการประสานความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษานานาชาตินั้น
ก็เป็นประจักษ์พยานอย่างดีว่า เรายังคงมุ่งมั่นเพื่อให้วิชชาธรรมกาย
เรื่องราวเกี่ยวกับหลักฐานธรรมกาย ฯลฯ นั้น ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ทำความจริงให้ปรากฏถูกต้องตรงตามมโนปณิธานของหลวงพ่อธัมมชโยผู้เป็นองค์สถาปนาสถาบันฯ
DIRI
ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
โดยการนำขององค์กร IABS (International Association of Buddhist Studies) ที่จัดการประชุมเป็นระดับโลกอย่างแท้จริง
เพราะสามารถรวมบรรดานักวิชาการที่มีชื่อเสียงในสาขาพระพุทธศาสนาระดับโลกและนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกที่สนใจมารวมกันนับพันคนและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน
โดยจัดประชุมในรอบ ๓ ปีต่อครั้งตามประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ
ซึ่งเมื่อกล่าวถึงวงการกีฬาโลก คงหลีกไม่พ้นองค์การโอลิมปิกสากล
หากเป็นวงการพุทธศาสนาโลกก็ต้องยกให้กับองค์กร IABS ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปเช่นเดียวกัน
พิธีเปิดการประชุมโดยศาสตราจารย์ซาโลมอน ประธานสมาคม IABS |
พระนักวิจัยสถาบันนานาชาติธรรมชัย (DIRI) นำเสนอผลงานวิจัยต่อที่ประชุม ณ มหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา |
การประชุมปีนี้เป็นครั้งที่ ๑๘
จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
นักวิจัยของสถาบันฯ ๒
ท่านได้นำเสนอผลงานวิจัยและได้ผ่านการกลั่นกรองคัดเลือกจากจำนวนนับพันของนักวิชาการทั่วโลก
เสมือนเป็นตัวแทนหมู่คณะที่ได้ไปร่วมประชุมวิชาการระดับโลกครั้งนี้
ซึ่งในที่ประชุมมีหัวข้อที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายนำมาเสนอเช่น
หัวข้อเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
ภาษาศาสตร์ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาหรือหัวข้อที่มีการศึกษาค้นคว้าด้านคันธารีเบื้องต้น
และมีบทความที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของวิชชาธรรมกาย เช่น เรื่อง “Experience
in Meditation Texts” ที่บรรยายโดยรองศาสตราจารย์ Eric Greene
จากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการยกตัวอย่างบุคคล
ซึ่งได้รับประสบการณ์ภายในจากการปฏิบัติธรรมกันมากมาย อีกทั้งเรื่อง “Traditional
Theravada Meditation and its Modern-Era Suppression” ซึ่งเป็นเรื่องการศึกษาวิจัยด้านการทำกรรมฐานโบราณในพระพุทธศาสนาเถรวาท
ที่บรรยายโดยศาสตราจารย์ Kate Crosby จากวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ
ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยากยิ่งในปัจจุบันที่จะมีนักวิชาการระดับโลกหันมาสนใจศึกษาค้นคว้าวิจัยเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง งานวิจัยเหล่านี้จึงถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีและน่าสนใจอย่างยิ่ง
ควรที่นักวิจัยของสถาบันฯ DIRI ของเราจะนำไปเป็นฐานต่อยอดในการศึกษาวิจัยหรือเปรียบเทียบต่อไป
เพราะในความเป็นจริงจากอดีตเรื่อง "การศึกษาและปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย
และหลักฐานธรรมกาย”จนถึงปัจจุบันนี้ก็มีตัวอย่างจากบุคคลจำนวนมากมายทีเดียวที่มีประสบการณ์ที่น่าสนใจ
สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) และมูลนิธิ ๗๐ ปีธรรมชัยแห่งอินเดีย ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมวิชาการนานาชาติ |
อุบาสิกาสุทธิสา ลาภเพิ่มทรัพย์ (ซ้ายมือ) จบการศึกษาระดับปริญญาโท ได้รับการยกย่องท่ามกลางที่ประชุมว่าเป็นนักศึกษาที่มีผลงานวิจัยดีเด่น ๑ ใน ๓ ของมหาวิทยาลัย |
ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า มีนักวิจัยของสถาบันฯ ได้เข้าร่วมนำเสนอผลงาน ๒
ท่าน คือ พระเกียรติศักดิ์ กิตฺติปญฺโญ (ศึกษาในระดับปริญญาโทอยู่ที่ SOAS,
University of London) ได้นำเสนอเรื่อง “Yi xin guan qi :
Visualization Meditation in Early Chinese Buddhist Texts during the 5th
Century” และดร.ณัฐปิยา สาระดำ ได้นำเสนอเรื่อง “The
Earliest Style of Buddhist Stupas in Thailand : A Study of the Evolution of the
Buddhist Stupas of the Dvaravati Period” ก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้ารับฟังการบรรยายในครั้งนี้
เนื่องในวาระ ๑๐๐ ปี
ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายทางสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI)
และมูลนิธิ ๗๐ ปีธรรมชัยแห่งอินเดีย
ได้ร่วมแสดงความกตัญญูบูชาธรรมแด่มหาปูชนียาจารย์ด้วยการสนับสนุนและร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมวิชาการนานาชาติ
ที่จัดโดยภาควิชาเทววิทยาและศาสนาของมหาวิทยาลัยโคตมะบุดดา ณ เมืองเกรทเทอร์นอยดา
ประเทศอินเดีย ช่วงระหว่างวันที่ ๗-๙ กันยายน ที่ผ่านมา และทีมงานวิจัยของสถาบันฯ
๒ ท่าน ซึ่งจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวในระดับปริญญาเอก คือ ดร.ณัฐปิยา
สาระดำ ก็ได้รับเชิญให้นำเสนอผลงานวิจัยครั้งนี้ด้วย รวมทั้งอุบาสิกาสุทธิสา
ลาภเพิ่มทรัพย์ ที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท ก็ได้รับการยกย่องท่ามกลางที่ประชุมว่า
เป็นนักศึกษาที่มีผลงานวิจัยดีเด่น ๑ ใน ๓ ของมหาวิทยาลัย
ซึ่งมีผลงานวิจัยเกี่ยวกับภาษาโบราณจากศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช
และได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างกว้างขวางจึงควรนับว่าเป็นเกียรติประวัติของสถาบันฯ
อย่างยิ่งที่สามารถสนับสนุนส่งเสริมนักวิจัยของสถาบันฯ
ให้ก้าวมาถึงจุดที่วงการวิชาการด้านพระพุทธศาสนาระดับสากลให้การยอมรับในปัจจุบัน
โล่เกียรติคุณแด่ประธานอำนวนการสถาบันนานาชาติธรรมชัย (DIRI) |
และที่ปลาบปลื้มยิ่งไปกว่านั้น คือ
ในช่วงต้นเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ผ่านมานี้เอง สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI)
ยังได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์เฮเลน เฮนย์ รองอธิการบดี
ผู้บริหารสูงสุดของมหาวิทยาลัยโอทาโก และ รองศาสตราจารย์วีล
สวีตแมน หัวหน้าภาควิชาเทววิทยาและศาสนศึกษา
ได้ถวายรางวัลการนำเสนอโครงการความร่วมมือทางวิชาการด้านพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนานกว่า
๑๐ ปี และการที่สถาบันฯ DIRIได้มอบทุนการศึกษาแก่ผู้มีผลการเรียนยอดเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบันโดยมอบโล่เกียรติคุณแด่ประธานอำนวยการสถาบันฯ
ซึ่งรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างจริงจังต่อเนื่องและความสัมพันธ์อันดีของสถาบันทั้งสองอย่างชัดเจน
และการที่สถาบันทั้งสอง คือ สถาบันฯ DIRI และมหาวิทยาลัยโอทาโกมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันทำให้การขยายองค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นจากเดิมที่เคยมีการเรียนการสอนเพียงวิชาเดียว
ต่อมามีนักศึกษาและผู้สนใจเข้ามาศึกษาด้านพุทธศาสตร์และภาษาสันสกฤตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
จนมีองค์ประกอบความพร้อมทั้งคณาจารย์ ผู้สอน
และหลักสูตรการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐานเพียงพอ
และมีผู้ที่สนใจใคร่ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
ปัจจุบันนี้จึงทำให้ทางสภามหาวิทยาลัยโอทาโกได้อนุมัติให้มีการเปิดสอนพุทธศาสตร์ในระดับปริญญาโทเพิ่มขึ้นในปีการศึกษา
๒๐๑๘ (พุทธศักราช ๒๕๖๑) ที่จะถึงนี้ ซึ่งความคืบหน้าอันสำคัญที่เกิดขึ้นแก่สถาบันฯ
ในขั้นนี้
ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของลูกศิษย์หลานศิษย์ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี
(สด จนฺทสโร) และพุทธบริษัทผู้รักในวิชชาธรรมกายทุก ๆ
คนและถือเป็นความภาคภูมิใจในการที่จะทำให้วิชชาธรรมกาย ความรู้เรื่องหลักฐานธรรมกายขยายกว้างไปทั่วโลกร่วมกัน
ดังนั้นรางวัลโล่เกียรติคุณที่ได้รับในรอบ ๑๐๐ ปี วันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ทีมงานของสถาบันฯ DIRI จึงพร้อมใจน้อมถวายบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย และองค์ผู้สถาปนาสถาบันฯ DIRI ในโอกาสมงคลนี้ด้วย
จากความสำเร็จทางวิชาการที่ได้สั่งสมต่อเนื่องมาโดยตลอดของสถาบันฯ
DIRI นับว่าควรค่าแก่การกล่าวได้ว่าเป็นความพยายามที่สืบเนื่องมาจากมโนปณิธานของมหาปูชนียาจารย์ในวิชชาธรรมกายทุก
ๆ ท่านรวมกันโดยเฉพาะจากจุดเริ่มต้นที่มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด
จนฺทสโร) เป็นบุคคลต้นวิชชานั้น
ตลอดชีวิตการสร้างบารมีของท่านล้วนแต่เป็นชีวิตของการสืบค้น และการยืนยันถึง “ความมีอยู่”
ของวิชชาธรรมกายมาโดยตลอด
ทั้งนี้จะเห็นได้จากในระหว่างที่ท่านกำลังศึกษาหาความรู้ด้านคันถธุระอยู่นั้นท่านไม่เคยทอดทิ้งการแสวงหาความรู้ด้านวิปัสสนาธุระเลย
ท่านได้หมั่นเพียรพยายามที่จะเข้าหาครูวิปัสสนาในสำนักต่าง ๆ
เพื่อศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อท่านได้บรรลุธรรมในคืนวันเพ็ญขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ หรือเมื่อ ๑๐๐ ปีล่วงมาแล้วนั้น
ท่านก็ยังมิได้หยุดการศึกษาค้นคว้าเลยเช่นกัน ตรงกันข้ามท่านกลับยิ่งให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนส่งเสริมมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
สำหรับตัวท่านเองไม่เพียงแต่จะลงสอนธรรมะ
แสดงพระธรรมเทศนาด้วยตนเองเท่านั้น
แต่ยังฝึกหัดและจัดให้พระภิกษุสามเณรได้แสดงเทศนาปฏิภาณแบบรูปเดียวบ้าง
เทศน์ปุจฉา-วิสัชนาบ้างถึง ๒-๓ ธรรมาสน์
เพื่อให้พระภิกษุสามเณรเหล่านั้นสามารถที่จะแสดงพระธรรมเทศนาที่ศาลาการเปรียญได้อย่างเชี่ยวชาญ
มีการจัดส่งพระภิกษุสามเณรที่มีความรู้ด้านธรรมปฏิบัติให้ขยายการสอนออกไปทั้งในต่างจังหวัดและในต่างประเทศด้วยโดยเฉพาะในยุคนั้น หนังสือที่ท่านมอบหมายให้มีการจัดพิมพ์เผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางที่สุดก็คือ
หนังสือ “คู่มือสมภาร”
ทั้งนี้ เส้นทางที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านได้ปฏิบัติมาโดยตลอดนี้
หากจะกล่าวไปแล้ว ควรนับได้ว่าเป็นประดุจเข็มทิศชี้ทางให้สถาบันฯ DIRI ได้นำมาปฏิบัติเพื่อพัฒนาต่อไปได้อย่างดี
ซึ่งก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่ทางสถาบันฯ DIRI ได้ทำมานั้น
มีหลาย ๆ สิ่งที่เสมือนเป็นการ “สานต่อ” ภารกิจการเผยแผ่วิชชาธรรมกายของท่านไปด้วยในตัว
เช่น การแปลและการจัดพิมพ์หนังสือ “คู่มือสมภาร” เป็นภาษาอังกฤษ
(และกำลังดำเนินการให้มีการแปลเพิ่มเติมในภาษาอื่น ๆ อีก)
การสนับสนุนส่งเสริมให้มีการผลิตนักศึกษาและนักวิจัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หรือแม้แต่การสนับสนุนส่งเสริมให้นักวิจัย ผู้ช่วยนักวิจัย นักศึกษาทุนของสถาบันฯ
ได้นำเสนอผลงานวิจัยในเวทีนานาชาติและก้าวสู่ระดับโลกสืบไป
ในท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนขอบันทึกไว้ในที่นี้ด้วยว่า
การดำเนินตามรอยเส้นทางของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
ที่เกิดขึ้นในนามของสถาบันฯ DIRI นั้น จะไม่สำเร็จลุล่วงได้เลย
ถ้าหากไม่ได้รับความเมตตาอนุเคราะห์เกื้อกูลอย่างดีจากเหล่าพุทธบริษัทผู้รักพระพุทธศาสนา
วิชชาธรรมกาย ทั้งนี้ทุกกิจกรรม ทุกความเคลื่อนไหวของสถาบันฯ
ก็เป็นบุญเป็นกุศลที่กล่าวได้ว่าผลงานทั้งหลายเป็นของทุกท่านและผลบุญอันยิ่งใหญ่ก็เป็นของพวกเราทุกคนเช่นกัน
..ขอเจริญพร..
หมายเหตุ :
ขอเชิญร่วมสถาปนาอาคารสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) ด้วยการเป็นเจ้าภาพกองทุนบูชาธรรม
๑๐๐ ปี วิชชาธรรมกาย โดยสามารถติดต่อร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่ คุณนฤมล ศรีสมนึก
(จญ.ถั่วงอก)โทร. ๐๙-๐๖๐๖-๗๑๗๔ คุณวรรณี ปิยะธนะศิริกุล (ใหญ่) โทร. ๐๘-๖๕๖๐-๔๗๒๖
Cr นวธรรม และคณะนักวิจัย DIRI
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๗๘ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๒๗)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
20:36
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: