ทำบุญมากได้มากจริงหรือ ? วัดพระธรรมกายสอนผิดหรือไม่ ?
ทำบุญมากได้มากจริงหรือ ?
วัดพระธรรมกายสอนผิดหรือไม่ ?
______________________________________________
ทำบุญมากยิ่งทำให้เราขัดเกลากิเลสตระกูลโลภะได้มาก
เมื่อเราขัดเกลาได้มากใจเราก็จะบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ
และได้บุญมากขึ้นตามไปด้วย
______________________________________________
การทำบุญอย่างสุดกำลังบ่อยๆจะทำให้เรามีอัธยาศัยไม่โลภ ตัดความตระหนี่ออกจากใจได้ง่าย ไม่คิดอยากได้สิ่งของของผู้อื่นมาเป็นของตน มักน้อย สันโดษ ใจกว้าง ปลอดกังวลในเรื่องทรัพย์ได้ง่าย และมีสภาพจิตใจที่ไม่ติดอะไรเลย ทำให้เวลานั่งสมาธิ จะปล่อยวางได้ง่าย ใจจะรวมหยุดนิ่งได้เร็ว จิตใจจะปลอดโปร่ง ไม่ยึดมั่นถือมั่นจนเกินเหตุ สามารถอดทนต่อความพลัดพรากจากของรักได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ทำให้มีนิสัยสลัดตนออกจากภพได้ง่าย
เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา กว่าพระองค์จะมีบารมีแก่กล้ามากพอที่จะตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ต้องสละทรัพย์จำนวนมหาศาล และต้องสละชีวิตมานับภพนับชาติไม่ถ้วน พระองค์สละเลือดเป็นทานมากกว่าน้ำในท้องมหาสมุทรทั้งสี่ สละเนื้อเป็นทานมากกว่าผืนแผ่นดินนี้ ควักลูกนัยน์ตาให้ทานมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า และสละศีรษะเป็นทานมากกว่าผลมะพร้าวในชมพูทวีป ซึ่งในสมัยที่พระองค์เกิดเป็นพระเวสสันดร ก็สละทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ราชสมบัติ บุตร ภรรยา แล้วภพชาติสุดท้ายก็สละราชสมบัติอีก จนท้ายที่สุดก็สามารถละกิเลสได้จนหมดสิ้น
ฉะนั้นถ้าดูในแง่ของการกำจัดกิเลส ถ้าละได้มาก บุญก็จะได้มาก กิเลสตระกูลโลภะก็จะหมดได้เร็ว
แต่ถ้าจะอธิบายในแง่ของปริมาณบุญ หากศึกษาข้อมูลจากอรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน นันทวรรคที่ ๓ มหากัสสปสูตร จะพบว่า การทำบุญแล้วจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า ครบองค์แห่งทานสมบัติ ๓ ประการหรือไม่ หรือองค์แห่งทานนี้บริสุทธิ์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งองค์แห่งทานนี้ได้แก่
๑. เขตสมบัติ (บุคคลบริสุทธิ์) คือผู้รับทาน จะต้องเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้มีศีล
๒. ไทยสมบัติ (วัตถุบริสุทธิ์)
คือวัตถุที่นำมาถวายทาน ต้องเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาอย่างสุจริต
๓. จิตตสมบัติ (เจตนาบริสุทธิ์)
คือผู้ให้ต้องมีเจตนาให้ทานด้วยจิตที่บริสุทธิ์เป็นบุญกุศล ต้องปลื้มทั้งก่อนทำทาน ขณะทำทาน และหลังจากทำทาน
สมมุติว่า มีคน ๒ คน ทำทานโดยมีองค์แห่งทานทั้ง ๓ ข้อเท่ากันหมด แต่มีใครคนหนึ่งทำบุญด้วยวัตถุทานที่มากกว่า คนนั้นย่อมได้บุญมากกว่า
เปรียบเหมือนกับมีชาวนา ๒ คน มีเมล็ดพันธุ์คุณภาพเท่ากัน มีปุ๋ยเท่ากัน มีน้ำเท่ากัน สรุปคือ มีตัวแปรต่าง ๆ เหมือนและเท่ากันหมด แต่ถ้าชาวนาคนหนึ่งทำนาด้วยพื้นที่ที่มากกว่า ก็ย่อมได้ผลผลิตมากกว่าคนที่ทำนาด้วยพื้นที่ที่น้อยกว่า
ดังนั้น จากคำสอนที่ว่า ยิ่งทำบุญมาก..ยิ่งได้มาก จึงถือว่าสอนถูกต้องเมื่อองค์แห่งทานสมบัติทั้ง ๓ ข้อ เท่ากัน
ในสมัยพุทธกาลหรือในพระไตรปิฎกมีตัวอย่างของบุคคลที่ทำบุญมากแล้วได้มากไหม ?
มีมากมาย อย่างท่านโชติกเศรษฐีที่เกิดมารวยที่สุดในโลกยุคนั้น ก็เพราะอดีตชาติท่านทำบุญแบบครบองค์แห่งทานสมบัติ ๓ ประการ กับพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังทำบุญด้วยทรัพย์ในปริมาณมากจนยากที่จะหาใครทำได้อย่างท่าน จึงทำให้เกิดมารวยกว่าคนอื่น และอานิสงส์โดยตรงที่สุดของการทำบุญมากของท่านก็คือ บุญนี้ทำให้ท่านละกิเลสและบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด
______________________________________________________
ถ้าละได้มาก บุญก็จะได้มาก กิเลสตระกูลโลภะก็จะหมดได้เร็ว
______________________________________________________
Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๒ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑
ทำบุญมากได้มากจริงหรือ ? วัดพระธรรมกายสอนผิดหรือไม่ ?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
05:35
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: