ทำบุญดอกบัว..อานิสงส์เปลี่ยนชีวิต

หลายคนอาจคิดว่า..การทำบุญด้วยดอกบัวเป็นบุญเล็กๆ น้อยๆ เป็นบุญที่ทำเมื่อไรก็ได้ แต่พอผู้เขียนได้มาศึกษาเรื่องราวในพระไตรปิฏก ก็รู้สึกทึ่งจนอยากจะเล่าสู่กันฟัง เพื่อจะได้ไม่พลาดบุญใหญ่ที่เราอาจคิดไม่ถึง

เรื่องนี้เกิดในสมัยของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า โดยมีชายยากจนคนหนึ่ง ชื่อ นายมาลาการ ครั้นเห็นพระพุทธองค์เสด็จบิณฑบาตในนครหังสวดี ก็เกิดจิตเลื่อมใสอย่างแรงกล้า พลันคิดว่า..อยากจะถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าบ้าง แต่เนื่องจากตัวเองยากจน ไม่มีอาหารอะไรจะถวาย มีแต่ดอกบัวเพียง ๓ ดอกที่เก็บมาจากทุ่งนาเพื่อที่จะเอาไปขาย

แต่ด้วยความเป็นผู้มีปัญญาจึงคิดว่า..ถ้าเรานำดอกบัวนี้ไปขาย ก็จะได้รับทรัพย์อย่างมากก็ไม่กี่มาสก หนำซ้ำเงินจากการขายดอกบัวก็เป็นทรัพย์ที่ไม่ถาวร แต่หากเราน้อมเอาดอกบัวถวายแด่พระพุทธเจ้า เราย่อมจะได้อริยทรัพย์ คือ เข้าถึงนิพพาน อีกทั้งบุญนี้ก็จะติดตามตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ ทำให้เราไม่ต้องตกอบายภูมิ มีสวรรค์และนิพพานเป็นที่ไปแน่นอน ดังนั้นเราจะต้องรีบถวายดอกบัวบูชานี้ก่อนที่ความเลื่อมใสของเราจะสั่นคลอน

ทันทีที่คิดเช่นนั้น จึงยกมือพนมพร้อมดอกบัว ๓ ดอก น้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วอธิษฐานจิตพร้อมกับซัดดอกบัวไปในอากาศทางพระบรมศาสดา แต่ด้วยพุทธานุภาพ ทำให้ดอกบัวลอยขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นดอกบัวขนาดใหญ่มีขั้วอยู่ข้างบน ส่วนตัวดอกห้อยลงข้างล่าง คลี่กลีบบานเป็นร่มยักษ์บนอากาศ ให้ความร่มเย็นแด่พระพุทธเจ้าและหมู่ภิกษุสงฆ์ และเมื่อชาวเมืองเห็นดังนั้น ก็รู้สึกอัศจรรย์ ต่างเปล่งเสียงอนุโมทนาสาธุการก้องพระนคร

ทันใดนั้น...พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงอนุโมทนาแล้วตรัสขึ้นว่า มาณพใดได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกบัวนี้ มาณพนั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓๐,๐๐๐ กัป และจักได้เป็นจอมเทพเสวยทิพยสมบัติ ๓๐ ครั้ง จักมีวิมานชื่อมหาวิตถาริกะในเทวโลกสูง ๓๐๐ โยชน์ กว้าง ๑๕๐ โยชน์ จะมีพวงดอกไม้ ๔๐๐,๐๐๐ พวง ที่เทวดาเนรมิตอย่างสวยงาม ซึ่งจะตามห้อยอยู่ที่ปราสาทอันวิจิตรและจะประดับไว้บนที่นอน จะมีนางเทพอัปสรแสนโกฏิซึ่งเป็นผู้มีรูปร่างงดงาม ฉลาดในการฟ้อนรำ ขับร้องและประโคมดนตรี มาเป็นบริวารคอยแวดล้อมอำนวยความสะดวกทุกอย่าง และจะมีฝนดอกไม้ทิพย์สีแดงจักตกลงในวิมาน จะมีแก้วปัทมราช ซึ่งเป็นทับทิมเปล่งแสงแวววาวห้อยอยู่ตามฝาผนัง บานประตู ตามต้นเสาของวิมาน อีกทั้งเหล่านางเทพอัปสรจักพากันปูลาดและห่มด้วยใบบัวอันเป็นทิพย์พักผ่อนอยู่ภายในวิมานอันประเสริฐที่ดารดาษด้วยใบบัว นอกเหนือจากนั้น...ยังมีดอกบัวแดงเบ่งบานแวดล้อมวิมานคอยส่งกลิ่นหอมตลบไปประมาณ ๑๐๐ โยชน์ และในภพสุดท้ายจักได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในสมัยของพระสมณโคดมพุทธเจ้า

หลังจากนายมาลาการละโลกในชาตินั้นแล้ว ก็ได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ มีวิมานทองเป็นรูปดอกบัวสว่างไสว กลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งไปทั่วเทวโลก หลังจากนั้นก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้

ครั้นมาในภพชาติสุดท้าย อานิสงส์ของการบูชาด้วยดอกบัว ส่งผลให้ได้มาฟังธรรมแล้วออกบวชหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ อีกทั้งไม่ว่าเดินไปที่ใด ก็จะเหมือนมีดอกบัวเบ่งบานอยู่เหนือศีรษะ แม้จะเดินในที่กลางแจ้งแดดร้อนๆ ก็เหมือนอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา

จากเรื่องนี้เอง เราจะเห็นว่า จากเดิมนายมาลาการเป็นแค่คนยากจน มีเพียงดอกบัวแค่   ๓ ดอกเท่านั้น  แต่มีความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า และตัดสินใจทำบุญทันทีเพราะกลัวว่า..ความเลื่อมใสของตนเองจะสั่นคลอน

ด้วยอานิสงส์ที่ทำทันที ด้วยจิตศรัทธาอันแรงกล้านี้เอง ทำให้นายมาลาการพบกับพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ และเปลี่ยนชีวิตจากคนยากจนในชาตินั้น จนดีงามในทุกๆ ชาติจนบรรลุมรรคผลนิพาน

ฉะนั้น..โอกาสอันดีที่สุดมาถึงทุกท่านแล้ว ที่เราจะได้ทำบุญใหญ่นี้เหมือนกัน โดยการสถาปนา “สิริปทุมทิพย์” โดยการสร้างดอกบัวอันวิจิตรงดงามเพื่อน้อมบูชาไว้บนยอดสุดของพระเจดีย์ที่ประจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นการถาวร

น้อมถวายดอกบัว..อานิสงส์เปลี่ยนชีวิต บุญใหญ่ที่พลาดไม่ได้จริงๆ

Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์