ทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ



ชีวิตของ ปุถุชน คนเรานี้                    มีทั้งดีชั่วปน ระคนอยู่
มีวิวาท โรมรัน เข้าพันตู                     มีทั้งล้ม ทั้งลุกสู้ทุกผู้คน
มีสมหวัง ผิดหวัง มีพลั้งพลาด           โอ้อนาถ หนอมนุษย์ทุกแห่งหน
ทั้งทุกข์ร้อน รุมกาย กระวายกระวน    กระเสือกกระสน ไขว่คว้า หาสิ่งใด
ต่างโลดแล่น ไปตาม ความใฝ่ฝัน      หนทางนั้น สิ้นสุด ณ จุดไหน
ถึงที่หมาย แล้วได้อะไรไป                 ปลายทางไซร้ความว่างเปล่า เท่านั้นเอง

ชี วิ ต มีการเกิดเป็นเบื้องต้นและมีความตายเป็นที่สุด แต่ระหว่างที่มีชีวิต ในวันที่ยังมีลมหายใจอยู่นั้น ต่างคนก็ใช้วันเวลาที่มีอยู่นี้ในรูปแบบต่าง ๆ เพียงเพื่อแสวงหาความสุขให้ชีวิต ตามอย่างที่ตนเองเข้าใจ บ้างเข้าใจว่าความสุขอยู่ที่การมีทรัพย์ ก็จะแสวงหาทรัพย์ บ้างเข้าใจว่าความสุขอยู่ที่การดูของสวย ๆ งาม ๆ ก็มักจะชอบมองสิ่งที่มีรูปร่างสวยงาม บ้างเข้าใจว่าความสุขอยู่ที่การฟังเสียงอันไพเราะ ก็จะฟังการขับร้องฟ้อนรํา เป็นต้น แต่ท้ายที่สุดเมื่อวินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง สิ่งที่แสวงหามาทั้งชีวิตกลับต้องกองทิ้งเอาไว้ในโลกนี้ เหมือนเป็นเพียงการหลับแล้วตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนหวาน

ห้วงเวลาอันน้อยนิดในโลกมนุษย์นี้ แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ หากแต่มีความหมายสําหรับการใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์อย่างมีความสุข เพราะชีวิตหลังความตายนั้นไม่สูญ ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส ก็จะยังต้องวนเวียนว่ายตายเกิดซ้ำ ๆ เรื่อยไปนับภพชาติไม่ถ้วน จนกว่าจะสั่งสมบุญบารมีมากพอที่จะทําใจหยุดนิ่งจนเข้าถึงพระธรรมกายภายใน ปลดเปลื้องวัฏฏะการเกิดวนเวียนนี้ เข้าสู่พระนิพพานอันเป็นบรมสุขอย่างถาวร

การใช้ชีวิตให้มีคุณค่านี้ ผู้ใดดํารงชีวิตอยู่อย่างประเสริฐหรือไม่นั้น ไม่ได้วัดกันที่จํานวนทรัพย์หรือความยาวนานของการมีชีวิต หากแต่วัดกันที่ว่าใครจะใช้วันเวลาที่ผ่านไปให้มีคุณค่าด้วยการสั่งสมบุญ สร้างบารมี ทําใจหยุดนิ่งภายในได้มากกว่ากัน ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า

โย จ วสฺสสตํ ชีเว       กุสีโต หีนวีริโย
  เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย         วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ
ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรย่อหย่อน ดํารงชีวิตอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี,
ส่วนผู้มีความเพียร แม้เป็นอยู่เพียงวันเดียว เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่า

ดังเช่นเรื่องราวของคุณวิลเลียม (บิล) ครอส อายุ ๖๕ ปี จากเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ ผู้ที่ทั้งชีวิตมีความสุขจากการแสวงหาทรัพย์และใช้จ่ายทรัพย์อย่างล้นเหลือ แต่เมื่อมาพบความสุขสงบจากการทําสมาธิ จึงเข้าใจคุณค่าของชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง แล้วทุ่มเทวันเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาและฝึกจิตเจริญสมาธิภาวนาอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ผมเริ่มทําธุรกิจตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จากการที่ต้องติดต่อค้าขายกับผู้คนในทวีปเอเชีย ผมจึงเริ่มศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของพวกเขา ซึ่งผมประทับใจในหลาย ๆ อย่าง ดังเช่นการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของชาวพุทธ

จนเมื่อมีเพื่อนคนไทยแนะนําให้ผมได้รู้จักวัดพระธรรมกายปาล์มบีช ผมประทับใจที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกทุก ๆ คนในวัด ผมเริ่มศึกษาเรียนรู้ภาษาไทย เรียนรู้คําสอนในพระพุทธศาสนาอย่างจริงจังควบคู่กับการทําความเข้าใจในข้อหลักธรรมต่าง ๆ ผมมาวัดเพื่อประเคนภัตตาหารแด่คณะสงฆ์บ่อยครั้ง รักษาศีล และลงมือปฏิบัติสมาธิภาวนาอย่างจริงจัง

การทําสมาธิสําหรับผมนั้น คือการหาความพอดีของการหยุดใจ สมาธิช่วยให้ผ่อนคลาย ปล่อยวาง และสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชีวิตของผม ผมคิดว่าสมาธินี้ดีสําหรับผู้คนทั่วทั้งโลกอย่างแท้จริง และสมาธินี้เองคือเหตุผลสําคัญที่ทําให้ทุก ๆ วันในชีวิตของผมมีความสุขเหลือเกิน

Cr. พระมหาภูรัช ทนฺตวํโส
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๑ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๑


***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2018/11/blog-post_17.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๑ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ที่นี่
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือนของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ที่นี่
คลิกอ่านหรือดาวน์โหลดวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนของแต่ละปีได้ที่นี่

ทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ ทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.