เปิดบ้านกัลยาณมิตร เปิดสังคมแวดล้อมสันติภาพ



ปวดหัว เป็นไข้ พาราสักเม็ดก็พอบรรเทา แต่ถ้าออกอาการปวดใจ เพราะรักล้มเหลว หรือทนพิษคำคนไม่ไหว งานนี้ เห็นทีต้องมีตัวช่วย... จะว่าไปเดี๋ยวนี้บ้านหลังไหน ๆ ต่างก็มีปัญหาเป็นการส่วนตัวทั้งนั้น ลูกเกเร สามีขี้เหล้า อยู่กับคนไม่เอาถ่าน ทะเลาะกัน ๓ เวลาหลังอาหาร ดัชนีความสุขตกหุบเหว จะว่าไปไม่เห็นเหมือนตอนฮันนีมูนเลยสักนิด แน่นอนว่า นี่เป็นปัญหาที่ไม่มีใครเคยชอบ  แต่ทำไมจึงเป็นเรื่องที่ไม่เคยหายไปสักที  หลายคนอาจนึกเถียงในใจว่า ถ้าแก้ได้...กระผมแก้ไปตั้งนานแล้วคร้าบ!

แต่รู้หรือไม่ว่า อีกฟากหนึ่งกลับมีผู้โชคดีที่เรียนรู้วิธีแก้ก่อนใครแถมนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต เพราะเขาและเธอไม่ได้รู้จักแค่การดูแลบ้านหรือคนข้างกาย แต่รู้จักดูแลใจของตัวเองอย่างถูกวิธีด้วย เรื่องคับอกจะได้ไม่ใหญ่คับบ้าน มาถึงตรงนี้ก็หวนนึกถึงเหล่าแมนแมนที่เคยอดรนทนหิวบำเพ็ญตบะ ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับการปฏิบัติธรรมในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ นึกถึงสาวน้อยสาวใหญ่ ในชุดขาวบริสุทธิ์ของอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ที่เคยมุ่งมั่นฝึกฝนตั้งแต่วัฒนธรรมชาวพุทธไปจนถึงการรักษาศีล ภาวนา ขัดเกลาตนเอาบุญให้พ่อแม่และตัวเอง นึกถึงแม้แต่หนู ๆ วีสตาร์ที่รู้จักการนั่งสมาธิ กราบเท้าพ่อแม่ จับดีคนอื่น ทำความดีผ่านการบ้าน ๑๐ ข้อ ทุก ๆ บทฝึกจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อล้วนเป็นต้นทางความสุขภายในบ้านของตัวเองทั้งสิ้น


ถึงวันนี้ แม้จะเสร็จสิ้นโครงการต่าง ๆ ไปแล้ว แต่ตัวเราจะดีคนเดียวไม่ได้ ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวไว้ว่า  “มองไปรอบทิศ ให้มีกัลยาณมิตรรอบตัว”  ซึ่งนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนอยู่รอดในสังคมอย่างมีความสุขร่วมกัน ด้วยการเข้าถึงแก่นแท้จากการปฏิบัติธรรม กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดบ้านกัลยาณมิตร Change the World บ้านที่จะไม่ว่างเว้นจากเสียงสวดมนต์ การนั่งสมาธิ และการชักชวนคนรอบข้างให้เข้ามาสร้างความดี เพื่อให้ทุกบ้านพบความสุขดุจเดียวกัน ผ่านการทำหน้าที่ของลูกพระธัมฯ และหน่ออ่อนเรือนล้าน

“พอจบโครงการบวชหน่ออ่อนแล้ว ก็ได้คุยกับเทพบุตรข้างกายว่า เราเปิดบ้านกัลยาณมิตรกันมั้ย? นี่เป็นคำถามแรกของ กัลฯทวี  ใจวังเย็น จาก จ.ลำปาง  หลังจากเธอเพิ่งกลับจากการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนรุ่นล้านแรก ซึ่งเธอรับรู้มาตลอดว่าตั้งแต่เข้าวัดชีวิตก็ดีขึ้นทุกอย่าง เราสองคนจะตื่นนอนกันตั้งแต่ตี ๓ ค่ะ มาสวดมนต์ทำวัตรเช้าทุกวัน วันแรกที่เปิดบ้านกัลยาณมิตร ก็มีคนมาปฏิบัติธรรมที่บ้านตั้ง ๕๕ คน เต็มบ้านเลย เธอเล่าด้วยความภาคภูมิใจ เพราะคนที่ไปสวดมนต์ที่บ้านเธอมีทั้งคนบวชแล้วและคนใหม่ที่ยังไม่เคยบวช จะได้เข้าใจวิธีสร้างบุญและนั่งสมาธิ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสุขภายในบ้าน แสดงให้เห็นว่ายังมีคนอีกมากที่กำลังแสวงหาความสุขที่แท้จริงแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร

เนื่องจากเธอทำธุรกิจ วันไหนที่เปิดบ้านให้สวดมนต์ก็จะให้คนงานเลิกงานก่อน ๑ ชั่วโมง เพื่อให้เขาได้ไปเตรียมตัวเตรียมใจ พาลูกหลานญาติพี่น้องไปปฏิบัติธรรมกันให้เต็มบ้านของเธอ จนอดไม่ได้ที่จะบอกว่า “เห็นแล้วรู้สึกดีจังเลย ยิ่งตอนทุกคนสวดมนต์พร้อมกัน นั่งสมาธิ ฟังธรรมพร้อมกัน เห็นแล้วก็มีความสุขค่ะ มันปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก” ตอนนี้เธอสามารถเปิดบ้านกัลยาณมิตรได้เพิ่มเป็น ๔ หลังแล้ว เรียกว่ากระแสเปิดบ้านกัลฯ ในหมู่บ้านกำลังแรงมากทีเดียว ซึ่งจะมีการเวียนไปปฏิบัติธรรมตามบ้านต่าง ๆ และในทุกวันพระก็จะนัดแนะกันไปเพื่อสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรมด้วยกันที่วัดใกล้บ้าน เพราะบ้านเธอรับไม่ไหวแล้ว เธอเล่าทิ้งท้ายว่า “ตั้งแต่หมู่บ้านเรามีการเปิดบ้านกัลยาณมิตรขึ้น ทุกคนดูเป็นมิตรและคุ้นเคยกันไปหมดเลยค่ะ ตอนนี้รู้สึกมีความสุข ชีวิตครอบครัวดีขึ้นมาก จากที่แฟนเป็นคนใจร้อนก็ใจเย็นลงมาก ธุรกิจค้าขายดีขึ้น จากเมื่อก่อนจะต้องเหนื่อยในการโทรตามหรือโทรหาลูกค้า แต่ตอนนี้ขอบอกว่า ลูกค้ามาหาเอง บางรายมาหาถึงหน้าประตู จิตใจเราก็ไม่เร่าร้อน เรียกได้ว่า ตอนนี้ได้ทำความดีทุกวันอย่างเต็มที่ สมกับที่เกิดมาสร้างบารมีค่ะ”


เช่นเดียวกับเรื่องราวของ กัลฯพล  ศรีแดง หนุ่มนักบุญจากพระราม ๒ ที่ตอนแรกคิดว่าเปิดบ้านกัลฯ แล้วจะไม่มีใครไปมาก จึงเตรียมอาสนะไว้แค่ ๑๕ ผืน แต่พอชวนไปชวนมา “ผมต้องนำอาสนะออกมาปูหมดทั้ง ๓๐ ผืนเลยครับ” เขาเล่าต่อไปว่า “เพื่อนบ้านท่านหนึ่ง เมื่อทราบข่าวว่าจะมีการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ถึงกับร้องอุทานว่า ...โอ!!! ดีจังเลย หาที่ปฏิบัติธรรมอย่างนี้มานานแล้ว มาจัดใกล้บ้านอย่างนี้สะดวกดีจัง อีกท่านก็บอกว่า... ดีมากเลย กำลังหาที่นั่งสมาธิอยู่พอดี ไปมาหลายที่แล้วเขาไม่มีการนั่งสมาธิ มีแต่การสวดมนต์

เมื่อกัลฯพล  นิมนต์พระอาจารย์ไปเทศน์สอนและนำนั่งธรรมะแบบง่าย ๆ ทำเอาทุกคนที่ได้ฟังเกิดอาการจี๊ด..รักขึ้นมาเลย คือ เกิดมีความรักในการปฏิบัติธรรมขึ้นมาทันที เขายังเล่าว่า “พระอาจารย์นำนั่งไปไม่นาน ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในวันนั้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นคนใหม่ที่ไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนเลย แต่ทั้งหมด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ต่างสามารถนึกองค์พระ นึกดวงแก้วได้ทุกคน ใจสงบนิ่ง มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีมาก ได้รับความสุขจากการปฏิบัติธรรม ถึงกับยกมือขอเปิดบ้านตนเป็นบ้านกัลยาณมิตรกันพึ่บพั่บเลยครับ บ้างก็ขอใช้ที่ทำงานเป็นสถานที่ชักชวนหมู่ญาติให้ไปปฏิบัติธรรม หรืออย่างน้าชายของผมก็รีบแสดงความจำนงต้องการให้เปิดบริษัทเป็นบ้านกัลยาณมิตร สมาชิกท่านหนึ่งเป็นกรรมการของหมู่บ้าน ก็ออกอาการ feel good นั่งสมาธิแล้วดี อยากเชิญชวนคนทั้งหมู่บ้านไปนั่งกัน พร้อมประกาศขอเปิดสโมสรของหมู่บ้านเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมอีกแห่งหนึ่งครับ” เขาเล่าไประคนไปด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม เพราะผู้ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมวันนั้นทั้งหมดไม่เคยไปวัดพระธรรมกายเลย และส่วนใหญ่ไม่ได้คิดในแง่บวกกับวัดด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้ร่วมปฏิบัติธรรมแล้ว กลับเปลี่ยนทัศนคติเป็นบวก ๆ  “ผมว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ผมได้แก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนา ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าใจในพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากขึ้น แถมยังตั้งใจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย” เมื่อหลวงพ่อดำริให้มีโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกเดือน เดือนละ ๗ วัน  กัลฯพล และครอบครัวก็ตั้งใจว่าจะเชิญชวนเพื่อนบ้านและสมาชิกให้ไปบวช เพื่อต่อยอดผลการปฏิบัติธรรมให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ใครสะดวกเดือนไหนก็ให้ไปบวชเดือนนั้น “ผมจะขอเป็นผู้ประสานงานแจ้งข่าวและติดตามผล ผมภูมิใจที่ได้เป็นคนนับหนึ่งแล้วมีคนมานับต่ออีกมากมาย ใครที่ยังไม่ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรหรือกำลังตัดสินใจอยู่ ขอให้รีบตัดสินใจทำเถอะครับ เป็นบุญที่ทำได้ง่าย ๆ และปลื้มไปไม่รู้จบจริง ๆ ผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ”  กัลฯพล  ฝากทิ้งท้าย


หากเราทำให้บ้านมีความสุข สังคมมีความสุข การเปลี่ยนแปลงโลกก็ไม่ใช่เรื่องยาก การเปิดบ้านกัลยาณมิตรนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวหรือเกินกำลังใด ๆ ตรงกันข้าม ความพยายามเพียงน้อยนิดกำลังจะเป็นแสงสว่างให้แก่ผู้รอคอยอยู่หลังประตูเหล่านั้น คนดีอาจมีทุกที่และคนอยากดีอาจมีทุกแห่ง แต่พวกเขาจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีคนที่รู้จักความดีแล้วบอกต่อ อย่างลูกพระธัมฯ หน้าใสใจสว่างทุก ๆ คนนี้เอง จงอย่ากลัว เพราะนี่คือหนทางที่ทุกคนรอคอย และคงจะดี...ถ้าทุกที่จะมีป้ายติดไว้ ป้ายที่เขียนว่า  “บ้านกัลยาณมิตร”

Cr.ธัมมยันตี
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๑๐๐  เดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ. ๒๕๕๔
เปิดบ้านกัลยาณมิตร เปิดสังคมแวดล้อมสันติภาพ เปิดบ้านกัลยาณมิตร  เปิดสังคมแวดล้อมสันติภาพ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:12 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.