หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๔๖)
ธรรมกายและการตามระลึกถึงพระในตัว :
ความสอดคล้องกันอย่างอัศจรรย์กับคัมภีร์พุทธโบราณอายุกว่าพันปี
เดือนเมษายน ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา นับว่าเป็นเดือนแห่งความปีติยินดียิ่ง
เพราะนอกจากจะเป็นเดือนแห่งการคุ้มครองโลกโดยธรรมแล้ว ยังเป็นเดือนที่คณะศิษยานุศิษย์ของคุณครูไม่ใหญ่
ต่างได้โอกาสในการสั่งสมบุญใหญ่ด้วยการร่วมกันสนับสนุนการบรรพชาสามเณรจำนวนมากอีกด้วย
ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างหนทางในการบรรลุธรรมก่อน ปฏิบัติสะดวก บรรลุเร็วเอาไว้ให้แก่ตนเองในภพชาติต่อ
ๆ ไปนั่นเอง
สมัยหนึ่ง เมื่อครั้งวัดพระธรรมกายเพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก โดยยังเป็น “ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม”
อยู่นั้น ผู้เขียนจำได้ว่าคุณครูไม่ใหญ่ท่านได้กล่าวถึงความใฝ่ฝันของท่านไว้อย่างหนึ่งคือ
ท่านอยากให้พุทธบริษัทสี่รวมถึงทุก ๆ ภาคส่วน ได้แก่ “บ้าน-วัด-โรงเรียน” ได้เข้ามาร่วมกันฟื้นฟูความเจริญของพระพุทธศาสนาให้เข้มแข็ง ซึ่งเมื่อมาถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลากว่า ๔๙
ปีมาแล้ว ที่วัดพระธรรมกายก็ยังคงดำเนินตามความใฝ่ฝันและมโนปณิธานของคุณครูไม่ใหญ่มาโดยตลอด ผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ดังที่เราได้เห็นและร่วมมีส่วนสนับสนุนตลอดมา เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของโครงการบรรพชาสามเณรเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วไทยนี้ ที่ได้ก่อให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจกันของพุทธบริษัทมากมาย ที่ยินดีนำเด็ก ๆ และเยาวชนชายจากพื้นที่ต่าง ๆ ในทุก ๆ จังหวัดทั่วไทย เข้ามารับการฝึกอบรมในโครงการฯ
กันอย่างล้นหลาม สมดั่งความมุ่งหวังของคุณครูไม่ใหญ่ซึ่งได้ฝากพวกเราไว้เมื่อนานมาแล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม การฝึกอบรมเด็ก ๆ
และเยาวชนในโครงการนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการปลูกฝังศีลธรรม
การสร้างความรู้ถูกเห็นถูกให้เกิดขึ้นแก่เด็ก ๆ ไว้สำหรับเป็นที่พึ่งแก่ตนในอนาคตเท่านั้น
แต่ยังเน้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ในเรื่องของการฝึกสมาธิ โดยมีต้นแบบ (Idol) คือ
บรรดาสามเณรอรหันต์ในสมัยพุทธกาลไว้ให้ศึกษาด้วย ทั้งนี้เพราะเมื่อเด็ก ๆ ได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของสามเณรผู้บรรลุธรรมแล้ว
อาจทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมหรือเข้าใจถึงความจริงเกี่ยวกับ “ธรรมกายภายในตน”
ดุจเดียวกับที่สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) กำลังพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวและรวบรวมความจริงข้อนี้ให้ปรากฏโดยตลอดมา
ดังได้ทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่า
เรื่องของการปฏิบัติธรรมแบบเห็นพระนั้น เป็นวิธีปฏิบัติซึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านได้ประยุกต์ขึ้นจากการศึกษาค้นคว้ามาอย่างยาวนานทั้งชีวิตของท่าน
คือ วิชชาธรรมกาย² ซึ่งหากเราจะได้ลองย้อนไปพิจารณาจากคำสอนเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น
เราจะพบว่า จากพระธรรมเทศนาเป็นจำนวนมากของท่านนั้น ได้กล่าวถึง “วิธีปฏิบัติธรรมแบบเห็นพระ”
หรือการน้อมนึกถึงพระพุทธเจ้าไว้ในใจอยู่เสมอ
โดยในหลายครั้งการกล่าวของท่านเป็นการกล่าวถึงขั้นตอนการปฏิบัติ
อีกหลายครั้งเป็นการกล่าวถึง “พุทธลักษณะของพระ” และบางครั้งเป็นการกล่าวถึงคุณค่าหรืออานิสงส์ของการเห็นพระ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรแก่การศึกษาอย่างยิ่ง กล่าวกันว่าการดำเนินตามเส้นทางสายกลางในวิชชาธรรมกายนี้
เป็นทางดำเนินเดียวกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า
และเหล่าพระอรหันตสาวกดำเนินไป จึงเป็นเส้นทางที่เข้าถึงได้สำหรับมนุษย์ทุกคนในโลกที่หันหน้ามาปฏิบัติธรรม³
การค้นพบหลักฐานที่สำคัญข้างต้นนั้น
ต้องถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยืนยันความจริงหลายประการเกี่ยวกับ “วิชชาธรรมกาย”
โดยแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย้อนไปศึกษาผลงานการค้นคว้าของ ดร.ชนิดา จันทราศรีไศล
(บ.ศ.๙) นักวิจัยของสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย(DIRI)จากรายงานการวิจัยเรื่อง
“ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคานธาระและเอเชียกลาง” พุทธศักราช ๒๕๕๗)
ก็จะยิ่งพบความสอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัด ในงานวิจัยชิ้นนี้ ดร.ชนิดาได้ตอกย้ำถึงประเด็นสำคัญ
ๆ ไว้หลายจุด เช่น ความหมายของคำว่า “ธรรมกาย” ในคำสอนดั้งเดิมนั้น
มีความเกี่ยวพันกับการตรัสรู้ธรรมและหมายถึงโลกุตตรธรรม รวมทั้งเป็นชีวิตใหม่ที่เข้าถึงได้และนำความสุขมาให้แก่ผู้ที่เข้าถึงหรือเป็นเจ้าของและที่น่าสนใจกว่านั้น
ก็คือ ในงานวิจัยชิ้นนี้ หลังจากผู้วิจัยได้ทำการสำรวจเนื้อหาคัมภีร์ในคานธาระและเอเชียกลางแล้ว
พบว่ามีคัมภีร์ที่มีคำว่า “ธรรมกาย” หรือมีเนื้อความที่สอดคล้องกับคำสอนของวิชชาธรรมกาย
(ในบางแง่มุม) เป็นจำนวนถึง ๒๓ คัมภีร์ด้วยกัน เช่น ในโพธิสัตวปิฏกสูตร
คัมภีร์วัชรัจเฉทิกา ปรัชญาปารมิตา ในศตปัญจสัตก สโตตระ ในสมาธิราชสูตร
ธรรมศรีรสูตร หรือในธรรมกายสูตร เป็นต้น ซึ่งบรรดาคัมภีร์เหล่านี้
หลายคัมภีร์เป็นการกล่าวโดยตรงว่า “ธรรมกาย” และการบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งเดียวกัน ซึ่งในบางคัมภีร์ถึงกับระบุอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า “ธรรมกาย” นั้น คือกายแท้ของพระพุทธเจ้า
(เช่นในโพธิสัตวปิฏกสูตร) ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้มีความเก่าแก่มาก โดยพบว่ามีการคัดลอกเพื่อบันทึกคัมภีร์เหล่านี้ตั้งแต่ประมาณพุทธศักราช
๕๔๔-๕๙๓ (สองพันกว่าปีล่วงมาแล้ว) ภาษาที่ใช้บันทึกก็เป็นภาษาคานธารีบ้าง
โขตานบ้าง หรือสันสกฤตบ้าง ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในคัมภีร์พุทธโบราณ อันนักวิชาการพระพุทธศาสนาทั่วโลกต่างก็ยอมรับกันแล้วอย่างเป็นสากล
อย่างไรก็ตาม ข้อวิเคราะห์ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งของงานวิจัยชิ้นนี้มิได้หมดลงเพียงเท่านี้
แต่ผู้วิจัยยังชี้ลงไปอย่างชัดเจนอีกว่า บรรดาคัมภีร์พระสูตรต่าง ๆ ที่ค้นพบนั้น ล้วนอธิบายถึงเรื่อง
“ความจริงแท้ของพุทธะภายใน” ที่จะต้องหลุดพ้นจากภาวะของกายต่าง ๆ เช่น กายมนุษย์ กายทิพย์
หรือการหลุดพ้นจากกิเลสระดับต่าง ๆ ก่อน จึงจะสามารถเข้าถึงหรือพบกับพุทธะที่อยู่ภายในได้
เช่น ที่พบในโทณสูตร หรือกล่าวว่า พระนิพพานล้วนเกษมจากโยคะทั้งปวง ไม่มีความเกิด ความแก่
และความตาย เช่น ในคัมภีร์ประเภทนิทเทส (จารึกเป็นภาษาคานธารี
: อายุราว ๑,๘๐๐-๒,๐๐๐
ปี) เป็นต้น ซึ่งมีความสอดคล้องกับคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด
จนฺทสโร) อย่างน่าสนใจ⁴ ดังที่ท่านได้เคยแสดงพระธรรมเทศนาไว้เนือง ๆ ความว่า⁵
“กายมนุษย์นี่แหละเป็นตัวโดยสมมุติ
กายมนุษย์ละเอียดก็เป็นตัวโดยสมมุติ
ไม่ใช่ตัวจริง
ๆ ไม่ใช่ตัวโดยวิมุตติ ทั้ง ๘ กาย กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหม
กายรูปพรหมละเอียด
กายอรูปพรหม อรูปพรหมละเอียด เป็นตัวโดยสมมุติทั้งนั้น”
“ธรรมกายเท่านั้นเป็นพระพุทธเจ้าได้
พระองค์ทรงรับสั่งด้วยพระองค์เองว่า ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ
เราตถาคตคือธรรมกาย
ธรรมกายนั้นเป็นพระพุทธเจ้า
เป็นพระตถาคตแท้
ๆ ไม่ใช่อื่น”
“เมื่อธรรมกายเพ่งเล็งถูกส่วน
ตกศูนย์ มีอายตนะอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าอายตนะนิพพาน
ดึงดูดธรรมกายที่ตกศูนย์นั้นเข้านิพพานอยู่เนืองนิตย์
แม้ในขณะมีพระชนม์อยู่ ชื่อว่า
ไปอยู่สู่แดนเกษมประการหนึ่ง
เมื่อจะดับขันธ์ พระองค์เข้าสมาบัติ อายตนะนิพพาน
ดึงดูดเข้าสู่นิพพานไป
นี่ก็เรียกว่าไปสู่แดนอันเกษม ซึ่งอยู่ในความหมายว่าสุคโต”
และเมื่อกล่าวถึงเรื่องของ “การปฏิบัติธรรมแบบเห็นพระ”
นั้น ก็พบว่าในเนื้อหาของงานวิจัยนี้ยังระบุถึงการพบชิ้นส่วนของคัมภีร์ที่พบในเอเชียกลาง
อันเป็นชิ้นส่วนของพระสูตรสำคัญคือ “ปรตฺยุตฺปนฺน-พุทฺธ-สมฺมุขาวสฺถิต-สมาธิสูตฺร”
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “ปรตฺยุตฺปนฺน-สมาธิสูตฺร” หรือ “ภทฺรปาลสูตฺร” ว่าด้วย “การทําสมาธิแบบเห็นพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน
มาปรากฏอยู่เฉพาะหน้า” ซึ่งพระสูตรนี้ถูกแปลในหลายภาษา คือ ภาษาจีน ทิเบต
มองโกเลีย และญี่ปุ่น โดยเนื้อหาคำสอนในพระสูตร
ซึ่งประมวลมาจากฉบับภาษาจีนและทิเบตนั้น สอนการทำสมาธิโดยให้อยู่บนพื้นฐานของศีลที่บริสุทธิ์
คุณธรรมที่บริบูรณ์ และความไม่ยึดติดในสิ่งใด ๆ เช่น มีการระบุว่า
“พระโพธิสัตว์จะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ตาม
(ชําระศีลให้บริสุทธิ์แล้วให้อยู่ในที่สงัด)
น้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
เหมือนระลึกถึงสิ่งน่าปลื้มใจที่เห็นในฝัน ด้วย
ใจที่แน่วแน่
ไม่วอกแวก เขาไม่พึงทําความรู้สึกเหมือนกําลังรับรู้สิ่งที่มีตัวตน
แต่ให้ทําความรู้สึก
เสมือนกําลังรับรู้อากาศที่ว่างเปล่า
เมื่อใจตั้งมั่นในการรับรู้อากาศที่ว่างเปล่าแล้ว
มีใจจดจ่ออยู่กับพระพุทธองค์
ก็จะเห็นพระองค์เสมือนมาปรากฏอยู่เฉพาะหน้า งดงาม
ดังพุทธปฏิมาที่เป็นรัตนะใสแจ่ม”
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า หลักฐานที่ค้นพบในงานวิจัยชิ้นนี้
(ซึ่งยังมีอีกมากไม่อาจนำมาแสดงได้หมด ณ ที่นี้) ยังเป็นไปในทางเดียวกันกับข้อวิเคราะห์จากงานวิจัยของพระเกียรติศักดิ์
กิตฺติปัญฺโญ ที่ทำการศึกษาเรื่อง “คัมภีร์ตุนหวง หมายเลข S.2585
: การศึกษาเนื้อหาและสหวิทยาการเกี่ยวกับเทคนิคการทําสมาธิและประสบการณ์การเห็นในสมาธิ
ช่วงยุคกลางตอนต้นของจีน” โดยท่านได้ชี้ให้เห็นว่าแม้ในประเทศจีนเองในช่วงระหว่างปี
ค.ศ. ๒๒๐-๕๘๙ (พ.ศ. ๗๖๓-๑๑๓๒) ก็ยังปรากฏให้เห็นถึงวิธีการทำสมาธิทางพระพุทธศาสนาที่เป็น
การรวมจิตให้ตั้งมั่นเป็นหนึ่งไว้ที่กลางสะดือ (yixin guanqi 一心觀齊) ทำให้ผู้ปฏิบัติเข้าถึงภาพทัศน์ภายในสมาธิอันอัศจรรย์
ที่บ่งชี้แนวคิด “องค์พระภายใน” สะท้อนทัศนะ “ตถาคตครรภะ”
(tathāgatagarbha) ที่เป็นประดุจประตูไปสู่ความก้าวหน้าของฌานและการตื่นรู้
เป็นทางสายกลาง สำหรับการเดินทางภายในกายสู่การสิ้นสุดของสังสารวัฏ
ซึ่งโดยภาพรวม คัมภีร์คู่มือสมาธินี้ได้ถ่ายทอดวิธีการปฏิบัติสมาธิไว้ถึง
๙ วิธี หนึ่งในนั้น คือวิธีแบบ “รวมจิตให้เป็นเอกคตารมณ์แล้วนึกนิมิตพระพุทธเจ้า” (yixin guanfo 一心觀佛) โดยเริ่มจากการฝึกให้ผู้ปฏิบัตินึกนิมิตพุทธลักษณะของพระรูปกายของพระพุทธเจ้าเป็นขั้นตอนแรก ขณะที่ในส่วนของสมาธิแบบนึกนิมิตถึงพระพุทธเจ้า
(guanfo sanmei 觀佛三昧) ได้สรรเสริญพระพุทธเจ้าว่าทรงเป็นราชาแห่งธรรมะทั้งปวง
การกำหนดพุทธานุสติสามารถตัดรอนวิบากกรรมเก่าของผู้ปฏิบัติได้ ผู้ปฏิบัติพึงกำหนดสติระลึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน
มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า “หากเรานึกถึงพระองค์ พระองค์จะนึกถึงเรา”⁶
-------------------------
¹ดูรายละเอียดใน :
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๔๔ และ ๔๕) วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน
๒๕๖๒
²งานวิจัยเรื่อง
“ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคานธาระและเอเชียกลาง” ของสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย(DIRI) โดย
ดร.ชนิดา จันทราศรีไศล
(บ.ศ.๙) เป็นผู้วิจัยนั้น ได้กล่าวถึคำว่า
“วิชชาธรรมกาย” ไว้ว่า เป็นหลักปฏิบัติธรรมที่เริ่มต้นสอนในแวดวงของชาวพุทธเถรวาทในประเทศไทยในปีพุทธศักราช
๒๔๖๐ โดยพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นผู้ค้นพบ
วิธีปฏิบัติดังกล่าวอาศัยการบริกรรมนิมิตเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้รวมหยุดนิ่งเป็นหนึ่ง
แต่เน้นหลักสำคัญคือการรวมใจหยุดนิ่งไว้ภายในตัว ณ จุดศูนย์กลางกาย ...และการเข้าถึงกายในกายไปตามลำดับนั้นจะทำให้เข้าถึง
“ธรรมกาย” คือ ความเป็นพุทธะที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน มีความใสสว่าง
สะอาดบริสุทธิ์ ที่ปรากฏขึ้นพร้อมด้วยญาณทัสนะ คือ ความรู้แจ้งเห็นจริงในธรรม
และงามพร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการที่มองเห็นได้ด้วยใจ
³ดูใน : ชนิดา จันทราศรีไศล, ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคานธาระและเอเชียกลาง, ๒๕๕๗.
⁴ทั้งนี้ การที่บรรดาพระสูตรเก่าแก่เหล่านี้จะมีความสอดคล้องกับคำสอนของพระเถราจารย์สายปฏิบัติรุ่นหลังนั้น
อาจมีโอกาสเป็นไปได้ก็จริง แต่ปรากฏการณ์ที่เนื้อหาหลักในพระสูตรโบราณจำนวนมากเหล่านี้จะ
“บังเอิญ” สอดคล้องกับคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เช่นนี้ ควรถือว่าเป็นปรากฏการณ์พิเศษที่นักวิชาการและผู้สนใจศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งไม่ควรมองข้ามไป
เพราะความสอดคล้องดังกล่าวมีให้เห็นชัดเจนตั้งแต่การให้ความหมายของคำ(ธรรมกาย) การอธิบายถึงคุณลักษณะของธรรมกาย
วิธีการปฏิบัติ ตลอดจนเป้าหมายของการปฏิบัติอันเชื่อมโยงไปถึงเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาด้วย
ซึ่งตรงกันทุกด้านจนไม่อาจกล่าวว่าเป็นความบังเอิญได้
⁵ พระมงคลเทพมุนีกล่าวถึงความหมายของนิพพานธาตุทั้งสองโดยนัยนี้ไว้ในพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่
๔๗ ว่าด้วยโอวาทปาฏิโมกข์ (รธ. ๕๙๒) ซึ่งเป็นนิยามที่ตรงกันกับที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกบาลี
(ขุ.อิติ. ๒๕/๒๒๒/๒๕๘)
⁶ดูรายละเอียดใน : ชนิดา จันทราศรีไศล, ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคานธาระและเอเชียกลาง, สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย
ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์, ๒๕๕๗
-------------------------------
Cr. นวธรรมและคณะนักวิจัย DIRI
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๙๗ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
การบรรพชาสามเณรฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วไทย ณ วัดพระธรรมกาย
ชิ้นส่วนหนึ่งของคัมภีร์สมาธิราชสูตร
|
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๔๖)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:03
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: