รหัสพันธุกรรมมนุษย์
พูดถึงรหัสพันธุกรรม
ใครที่ตามข่าวจะพบว่า มีการทำโครงการถอดรหัสจีโนม (genome) มนุษย์ คือต้องการเช็กดูว่า
คนแต่ละคนที่มีเซลล์อยู่ในร่างกายหลายสิบล้าน ๆ ๆ เซลล์ และมีอวัยวะ ตับ ไต หัวใจ
ตา หู จมูก คล้าย ๆ กัน หน้าตาอาจจะต่างกันบ้าง แต่ก็มีตา ๒ ตาเหมือนกัน มีจมูก
ปาก มือ เท้า มีอวัยวะภายในคล้าย ๆ กันนั้น อะไร ทำให้คนเป็นคน ลิงเป็นลิง
เขาก็เช็กตัวกำหนด คือ ดีเอ็นเอ (DNA) ในนิวเคลียส (Nucleus) ของเซลล์
แต่ละเซลล์ เริ่มต้นตั้งแต่อสุจิของพ่อและไข่ของแม่ผสมกันเกิดเป็นเซลล์ต้นแบบ
แล้วก็แบ่งตัวจาก ๑ เซลล์เป็น ๒ เซลล์ เป็น ๔, ๘, ๑๖, ๓๒, ๖๔ ไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งกลายเป็นเด็กทารกในครรภ์ แล้วก็ คลอดออกมา และเติบโตเป็นตัวของเรา
เขาพบว่าเซลล์ทุกเซลล์มีดีเอ็นเอในเซลล์ ในนิวเคลียสเหมือนกันหมด มีประมาณ ๓,๐๐๐ ล้านรหัส เขาต้องการถอดว่า ๓,๐๐๐ ล้านรหัส ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตำแหน่งไหนเป็นดีเอ็นเอแบบไหน ทำหน้าที่อะไร ผู้ที่ทำโครงการนี้เขาหวังประโยชน์จากการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์
๒ อย่าง คือ
๑. ช่วยในการรักษาโรค
ถ้าเจอว่าโรคบางชนิดเกิดจากดีเอ็นเอที่ผิดปกติ ก็จะสามารถตัดต่อ
เอาดีเอ็นเอที่ผิดปกติออก แล้วเอา DNA ที่ปกติใส่เข้าไป
๒. ถ้าเข้าใจเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้ง
ต่อไปต้องการให้ลูกที่เกิดมามีสีผมเป็นอย่างไร สีตาเป็นอย่างไร รูปร่างผิวพรรณเป็นอย่างไร
กำหนดได้หมดเลย ต้องการผิวขาว ก็เอายีนที่ทำให้ผิวเป็นสีขาวใส่เข้าไป ต้องการผมสีทอง
ก็เอายีนที่ทำให้ผมสีทองใส่เข้าไป ต้องการตาสีดำ ก็เอายีนที่ทำให้ตาสีดำใส่เข้าไป
ต้องการอย่างไรก็สั่งได้ ยีนไหนทำให้เป็นโรคปัญญาอ่อน โรคหัวใจ เบาหวาน
เอาออกให้หมด ตัดต่อเฉพาะยีนดี ๆ ใส่เข้าไป เป็นการเลือกคนที่พ่อแม่ชอบ ที่แข็งแรง
สมบูรณ์ และฉลาด
แต่ว่าจริง ๆ แล้ว
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นแค่ในด้านร่างกาย ถามว่า พ่อแม่เลือกได้ไหมว่า
ให้เด็กที่ตัดต่อเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เกิดมาเป็นเด็กดี มีความกตัญญู
มีศีลมีธรรม ไม่ประพฤติเกเร เหลวไหล คำตอบคือเลือกไม่ได้เลย พ่อแม่ไม่รู้เลยว่า เด็กโตขึ้นจะมีจิตใจเป็นอย่างไร พอลูกคลอดออกมา ก่อนอื่นแม่จะถามหมอเลยว่า ลูกเป็นอย่างไร ปกติหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าปกติ แขนขาไม่มีอะไรพิกลพิการ
และร้องอุแว้ได้ แม่ถอนหายใจเฮือก โล่งอกไปที
แต่ยังไม่รู้ว่าโตขึ้นลูกจะดีหรือเปล่า จะเกเรหรือเปล่า
แต่อย่างน้อยอวัยวะครบถ้วนบริบูรณ์ ก็สบายใจไปชั้นหนึ่งแล้ว
เราคงเคยจำได้ว่า มีหนังสือชื่อ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว”
พูดถึงการเลี้ยงลูก การสอนลูกว่า พ่อแม่อย่าไปหวังที่จะสอนลูกตอนที่ลูกอ่านออกเขียนได้แล้ว เพราะแค่รอให้เข้าอนุบาลก็สายไปเสียแล้ว
ต้องรีบสอนตั้งแต่เกิดมาเลย แต่จริง ๆ แล้วอาตมาอยากจะตั้งชื่อหนังสือว่า “รอให้ตั้งครรภ์ ก็สายเสียแล้ว”คือ ตั้งท้องขึ้นมาก็สายไปแล้ว ถ้าต้องการลูกดี ต้องเตรียมการตั้งแต่ยังไม่ท้อง ถามว่าเตรียมอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ต้องอยู่ในศีลในธรรม ถ้าเราอยากได้ลูกอย่างไร
เราก็ต้องปฏิบัติอย่างนั้น เช่น อยากได้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อต่อทุกคน ไม่เห็นแก่ตัว
และมีความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่ เราก็ต้องรู้จักให้ทานและไปดูแลพ่อแม่ของเราให้ดี
ๆ อานิสงส์ความกตัญญูจะดูดเอาคนดี ๆ มาเกิด
เพราะกายละเอียดที่จะมาเกิดในครรภ์มารดา จะมีกำลังบุญพอ ๆ
กับคุณพ่อคุณแม่ในขณะนั้น ถ้าต้องการให้ลูกเกิดมาเป็นคนที่มีศีลมีธรรม ทั้งพ่อ
ทั้งแม่ต้องรักษาศีล ๕ เป็นประจำ ถ้าต้องการให้ลูกเป็นคนฉลาด
พ่อแม่ต้องหมั่นสวดมนต์ ทำสมาธิ และทำบุญกุศลเกี่ยวกับเรื่องปัญญาบารมี การศึกษาเล่าเรียน
ที่เราสังเกตเห็นพ่อแม่เป็นคนดี
แต่ลูกออกมา เกเร เหลวไหล เป็นเพราะอะไร อันนี้เนื่องมาจากคนเรายังไม่หมดกิเลส
คนที่เราว่าดี บางทีก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ปกติดูโดยภาพรวมก็เป็นคนพอใช้ได้ แต่เผอิญ
ตอนที่เด็กจะมาเกิด เป็นจังหวะที่พ่อไปกินเหล้ามาพอดี คืนนั้นเมาเหล้า กำลังมึน
แล้วก็อยู่ร่วมห้องกับคุณแม่ เด็กมาเกิดตอนนั้นพอดี ก็เลยได้ลูกปัญญาอ่อนมา
หรือปกติคุณแม่ก็เป็นคนพอใช้ได้ เผอิญวันนั้นอารมณ์เสีย แล้วเด็กมาเกิดจังหวะนั้น
เด็กเลยเป็นคนเจ้าอารมณ์ เจ้าโทสะ อย่างนี้เป็นต้น ถึงบอกว่า จังหวะที่มาเกิดสำคัญมาก
ถ้าเป็นคนมีบุญมาเกิด ประเภทเชิญมาเกิด เราก็ได้เปรียบ ถ้าพ่อก็ใจหมอง แม่ก็ใจหมอง
เด็กที่มาเกิดจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเด็กชนิดชิงมาเกิด
อย่างนี้พ่อแม่เหนื่อยทั้งชาติ เพราะบุญในตัวเด็กน้อย สอนแทบตายไม่ค่อยจะเข้าหู
พ่อแม่จะกลุ้มตลอด
ถึงบอกว่าไม่ใช่รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
แต่ความจริงรอถึงคลอดก็สายเสียแล้ว แค่รอให้ตั้งท้องก็ยังสายไปเสียแล้ว
จะให้ได้ลูกดีแล้วละก็ ต้องเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนตั้งท้องเลย อยู่ในบุญทั้งทาน ศีล
ภาวนา ให้เด็กที่มาเกิดเป็นเด็กมีบุญ อย่างนี้มีชัยไป ร้อยละ ๘๐-๙๐ แล้ว
ถ้าได้คนดีมีบุญมาเกิดอย่างนี้ ก็จะไม่มียีนที่มีลักษณะพิกลพิการ
เพราะเป็นคนที่มีบุญ ได้ยีนที่สมบูรณ์พร้อม และได้ทั้งกายทั้งใจ การตัดต่อพันธุกรรมแบบนี้
ปลอดภัยกว่าไปตัดต่อพันธุกรรมภายนอก ไม่ต้องอื่นไกล ดูแค่เด็กหลอดแก้ว ผสมไป ๑๐
ราย พิการเสีย ๙ ราย จะรอดถึงรายหนึ่งหรือเปล่า นั่นคือเรื่องจริง
การตัดต่อพันธุกรรมก็เหมือนที่คนเราไปผ่าตัด
แต่แทนที่จะตัดแขน ตัดขา ก็เป็นการตัดต่อพันธุกรรม ตัดต่อยีน ถ้าในอนาคตการผ่าตัดก้าวหน้า
ให้เราตัดแขนทิ้งไป แล้วไปเอาแขนสวย ๆ ของคนอื่น มาใส่
ผู้ชายก็เอาแขนนักกล้ามมาใส่ ฝ่ายหญิงก็ไปเอาแขนนางงามจักรวาลมาใส่
ซึ่งคงจะรู้สึกกระไร ๆ อยู่ ถึงจะตัดต่อเก่งแค่ไหน ก็ไม่ใช่แขนเรา
สู้งามแต่เกิดดีกว่า คือพอเกิดมาก็มีพันธุกรรมสวยเลย ทุกอย่างครบถ้วนบริบูรณ์
เป็นพันธุกรรมของผู้มีบุญ อย่างนี้สุดยอด แล้วได้ทั้งกายทั้งใจด้วย
คือมีจิตใจงามด้วย เลือกได้ทั้งกายทั้งใจ ไม่มีอะไรเยี่ยมกว่านี้อีกแล้ว
ดังนั้น ใครต้องการลูกดีแล้วละก็
เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้เถิด รอให้ตั้งครรภ์ก็สายเสียแล้ว อยู่ในบุญให้สม่ำเสมอ
และเราก็รู้อยู่แล้วว่า บางทีตัวเราเองก็อารมณ์ดี บางทีก็หงุดหงิด
จะไปรอจังหวะลูกจะเกิดแล้วค่อยทำอารมณ์ดีตอนนั้น อยู่ในบุญตอนนั้น ไม่ทันแล้ว
คนหงุดหงิดจนเคยตัวจะมาแกล้งอารมณ์ดีสักวันมันยาก ฉะนั้นต้องฝึกเป็นคนใจเย็น
มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ อยู่ในศีลในธรรม สวดมนต์ทำภาวนาทุก ๆ วัน เป็นการอุ่นเครื่อง
ไม่ต้องรอจนมีครอบครัวแล้วค่อยทำก็ได้ รู้ตอนนี้ เริ่มปฏิบัติ ตั้งแต่ตอนนี้ไปเลย
แล้วสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นกับตัวของ เราเป็นเบื้องต้นก่อน
จากนั้นลูกเรามาเกิดเมื่อไร ก็จะได้เป็นเด็กมีบุญ นำความชื่นใจมาให้เราตลอดกาล
อย่างนี้จึงเป็นการเลือกพันธุกรรมที่ดีของลูกอย่างถูกต้องตามพุทธวิธี
ส่วนวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าอย่างไร จะถอดรหัสจีโนมมนุษย์อย่างไรก็ทำไปเถิด
บางอย่างนำมาปรับใช้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ก็ทำไป แต่ถ้าต้องการเลือกลูกดีจริง
ๆ ให้สมบูรณ์ที่สุดทั้งกายทั้งใจ และปราศจากข้อบกพร่องจากการตัดต่อ
การตัดแต่งยีนทั้งปวง ก็ให้อยู่ในบุญ ในกุศล แล้วเอาคนมีบุญมาเกิด
Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๐๔
เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
รหัสพันธุกรรมมนุษย์
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:47
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: