ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้
ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา
หลวงพ่อธัมมชโย
วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตของการเกิดมาสร้างบารมี ที่พวกเราได้มาสร้างมหากาลทาน ทอดกฐินสามัคคี เราได้แสวงหาทรัพย์มาด้วยความยากลำบาก กว่าจะเก็บหอมรอมริบได้ปัจจัยมาเป็นกอบเป็นกำ เมื่อได้มาแล้วนอกจากเราจะเอาไว้สำหรับการเลี้ยงชีพเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และเพื่อสร้างฐานะขยายธุรกิจแล้ว เรายังนำมาสร้างบารมี ด้วยการนำสมบัตินี้มาฝากฝังเอาไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ผลบุญนี้ติดตามตัวเราไปในภพเบื้องหน้า
เราได้ศึกษาความจริงของชีวิตแล้วว่า ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลสก็ยังไม่หมดกรรม เมื่อไม่หมดกรรมก็ยังไม่หมดวิบาก แต่ถ้าหมดกิเลสเมื่อไหร่ถึงจะหมดกรรมหมดวิบาก ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ชีวิตของเราจึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ว่าการที่จะชำระกายวาจาใจให้หมดจากสรรพกิเลสนั้น ไม่ใช่ของง่าย จะต้องสั่งสมบารมีกันยาวนานทีเดียว
เพราะฉะนั้นการสร้างบารมีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แม้เราทำธุรกิจก็จะต้องควบคู่กับจิตใจไปด้วยกัน ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ ไม่ใช่มัวมาทำมาหากินอย่างเดียวโดยไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการสร้างบารมี เพราะว่าชีวิตในปรโลกนั้นเป็นชีวิตที่ทุกๆ คนในโลกหนีไม่พ้น เราอาจจะปฏิเสธในการไปประเทศใดประเทศหนึ่งหรือที่ใดที่หนึ่งได้ แต่ปฏิเสธการไปปรโลกไม่ได้
ชีวิตในปรโลกหรือชีวิตหลังความตายนั้นยาวนานนะลูกนะ ไม่ว่าชีวิตในอบายภูมิ ในมหานรก ในขุมบริวาร ในกำเนิดของอสุรกาย เปรต หรือสัตว์เดรัจฉาน ถึงแม้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานช่วงชีวิตจะสั้น แต่ตายแล้วก็ต้องเป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกยาวนานทีเดียว และในทางตรงกันข้าม ชีวิตในสุคติภพก็ยาวนานเป็นหลายล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกา อายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๙ ล้านปีในเมืองมนุษย์
เราได้ศึกษาความจริงของชีวิตแล้วว่า ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลสก็ยังไม่หมดกรรม เมื่อไม่หมดกรรมก็ยังไม่หมดวิบาก แต่ถ้าหมดกิเลสเมื่อไหร่ถึงจะหมดกรรมหมดวิบาก ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ชีวิตของเราจึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ว่าการที่จะชำระกายวาจาใจให้หมดจากสรรพกิเลสนั้น ไม่ใช่ของง่าย จะต้องสั่งสมบารมีกันยาวนานทีเดียว
เพราะฉะนั้นการสร้างบารมีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แม้เราทำธุรกิจก็จะต้องควบคู่กับจิตใจไปด้วยกัน ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ ไม่ใช่มัวมาทำมาหากินอย่างเดียวโดยไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการสร้างบารมี เพราะว่าชีวิตในปรโลกนั้นเป็นชีวิตที่ทุกๆ คนในโลกหนีไม่พ้น เราอาจจะปฏิเสธในการไปประเทศใดประเทศหนึ่งหรือที่ใดที่หนึ่งได้ แต่ปฏิเสธการไปปรโลกไม่ได้
ชีวิตในปรโลกหรือชีวิตหลังความตายนั้นยาวนานนะลูกนะ ไม่ว่าชีวิตในอบายภูมิ ในมหานรก ในขุมบริวาร ในกำเนิดของอสุรกาย เปรต หรือสัตว์เดรัจฉาน ถึงแม้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานช่วงชีวิตจะสั้น แต่ตายแล้วก็ต้องเป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกยาวนานทีเดียว และในทางตรงกันข้าม ชีวิตในสุคติภพก็ยาวนานเป็นหลายล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกา อายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๙ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์ อายุ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๓๖ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๓ ยามา อายุ ๒,๐๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๑๔๔ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๔ ดุสิต อายุ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๕๗๖ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๕ นิมมานรดี อายุ ๘,๐๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๒,๓๐๔ ล้านปีในเมืองมนุษย์
สวรรค์ชั้นที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตตี อายุ ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์ เท่ากับ ๙,๒๑๖ ล้านปีในเมืองมนุษย์
ชีวิตในปรโลกหลังจากตายแล้ว ไม่มีการทำมาหากิน การทำมาค้าขาย การทำไร่ ทำนา ทำสวน ไม่มีทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราจะไปหวังโตเอาดาบหน้า หรือหวังนํ้าบ่อหน้าไม่ได้ จะเอาความชำนาญตอนที่เราเป็นมนุษย์ไปใช้ในปรโลกไม่ได้เลย ปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญกับบาป ชดใช้บาปก็ยาวนาน เสวยบุญก็ยาวนาน
เราอย่ามัวมาหวังให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่าเพิ่งไปหวังเลยนะจ๊ะ ให้คิดว่า นั่นเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกัน เพราะผู้ที่อยู่ในโลกมักจะถูกหล่อหลอมด้วยเรื่องราวที่ให้ข้องอยู่กับโลก ความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิชชาของชีวิตไม่มี มีแต่วิชาหาเลี้ยงชีพเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นั้น อย่าพึงหวัง
แม้เราเองก็เถอะก่อนที่จะมารู้เรื่องราวความจริงของชีวิตก่อนนี้เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในปรโลก ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษของเราละโลกไปแล้ว เรายังไม่ค่อยจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเลย หรือปีหนึ่งก็ทำกันครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าไม่มีเวลา จะต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขาย ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวบ้าง อ้างกันไปอย่างนั้นหรือบางทีก็เพราะความไม่รู้จริงๆ เพราะฉะนั้นชีวิตในปรโลก เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ด้วยบาป ด้วยตัวของเราเอง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ คือเราต้องพึ่งตัวเอง ต้องช่วยตัวเอง
บุญที่เราทำตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นที่พึ่งในปรโลก จะทำให้เราไปเกิดอยู่ในภาวะที่สูงส่งในสุคติโลกสวรรค์ เข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลาย และเมื่อไปมีชีวิตอยู่ในสุคติโลกสวรรค์แล้ว เราจะมาใช้ความคิดตอนที่เป็นมนุษย์อยู่นั้นไม่ไต้ ตอนเป็นมนุษย์ เรามักน้อยสันโดษ มีกินมีใช้เล็กๆ น้อยๆ ก็อยู่ได้หรืออยู่คนเดียวตามลำพังได้ เป็นมนุษย์คิดอย่างนี้
แต่ตอนเป็นอดีตมนุษย์หรือเป็นชาวสวรรค์แล้ว สังคมจะเปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยน ความนึกคิดก็เปลี่ยน และถ้าเราทำบุญมาน้อย รัศมีของเราก็น้อย บริวารของเราก็น้อย วิมานของเราก็เล็ก อย่างนี้ก็ต้องไปอยู่ไกลๆ ถึงขอบภพโน้น ตอนนั้นจะมานึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า รู้อย่างนี้ทำบุญให้เต็มที่ก็ดี หรือไปยืนรอคอยทำตาละห้อยดูลูกหลานเหลนของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกว่า เมื่อไหร่เขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้เราสักที เราจะได้อนุโมทนา บอกเขาเขาก็ไม่ได้ยิน เข้าฝันก็ไม่ใช่ง่าย กว่าเขาจะฝันถึงเราน่ะยาก เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะมีชีวิตอย่างนั้นนะลูกนะ
ชีวิตในสุคติโลกสวรรค์ เขาวัดกันด้วยกำลังบุญ เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ดังนั้นเราจะต้องสั่งสมบุญให้มากๆ เมื่อบุญมากบริวารก็มาก สมบัติก็มาก รัศมีก็สว่างไสว วิมานก็ใหญ่โตโอฬาร เวลาเข้าหมู่เข้าพวกในเทวสมาคมเราก็จะได้รับยศ ได้รับการยกย่อง และอยู่บนนั้นมันยาวนานนะ ถ้าน้อยเนื้อตํ่าใจก็ยาวนานหลายล้านปี แต่ถ้าหากเบิกบานก็เบิกบานหลายๆ ล้านปีทีเดียว นี่เป็นสิ่งที่ลูกทุกคนจะต้องศึกษาเอาไว้ พอรู้แล้วก็ต้องลงมือทำแต่บุญกุศล และถ้าสาวไปหาเหตุกันต่อไปอีกจะพบว่ากิเลสอาสวะนั่นแหละสอนให้เราตระหนี่ เขาพยายามกันสมบัติเรา ด้วยการทำให้เราเกิดความรู้สึกหวงแหนในทรัพย์ วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิต หรือทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเรามีน้อยกว่าเขา ก็จะไม่ปลื้มใจ จะทำให้ฐานะทางสังคมนั้นเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราวิตกกังวลไปต่างๆ มากมาย ซึ่งถ้าหากเราเชื่อตามกิเลสที่คอยบังคับอยู่ในใจ ก็เท่ากับยอมให้เขาเอาผังจนถาวรที่ดำมืดยาวเหยียดทีเดียว มาใส่ไว้ติดอยู่ในกลางกาย เหมือนไฟฟ้าที่สว่างตามเสาไฟฟ้าข้างทาง เวลาเขาดับสวิตช์ไฟทีเดียวก็จะดับเป็นร้อยเป็นพันเสา มันก็มืดตลอดทางเลย นั่นหมายถึงว่า ชีวิตเราจะอยู่ด้วยความมืดเป็นร้อยชาติพันชาติหรือเกินไปกว่านั้นกันไปอีก และชีวิตที่อยู่ในความมืดอยู่ในความยากจน เป็นชีวิตที่เสี่ยงต่ออบายภูมิ เพราะสิ่งแวดล้อมจะอำนวยความสะดวกให้เราได้สร้างแต่บาปอกุศล ที่จะนำไปสู่มหานรกได้ง่าย อันตรายนะลูกนะ
ดังนั้นการที่ลูกสละทรัพย์ที่หามายากทำบุญทอดกฐินในวันนื้ ความตระหนี่ก็ดับหายไป บุญก็ได้ช่องสว่างพรึ่บเข้ามาในกลางเป็นดวงใสสว่างติดไปหมดทุกๆ กาย จะทำให้เราได้สมบัติอัศจรรย์ทันใช้ในการสร้างบารมี แม้ปีนขึ้นต้นไม้ก็หนีสมบัติไม่พ้น อย่าว่าแต่ต้นไม้เตี้ยๆ เลยหนีขึ้นยอดเขาก็ไม่พ้น ละโลกแล้วไปเกิดบนสวรรค์ก็หนีไม่พ้น ยังตามไปเป็นทิพยสมบัติอีก ลงมาเกิดในมนุษย์ก็หนีสมบัติ หนีความรวยไม่พ้น มันติดเข้าไปอยู่ในกลางตัวจะไปหนีพ้นที่ไหน และเราจะได้สมบัติอัศจรรย์กันทีเดียวเพราะใจเราอัศจรรย์ ถ้าใจเราอยู่เหนือธรรมชาติเราก็จะได้สมบัติที่เหนือธรรมชาติ
เพราะฉะนั้น ทรัพย์ในโลกมนุษย์นอกจากมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตแล้ว เขามีเอาไว้สำหรับสร้างบารมี ไม่ใช่มีเอาไว้อวด เอาไว้ข่มกัน หรือเอาไว้เพื่อความอุ่นใจว่าเรามีเท่าเขา หรือมากกว่าเขา ไม่ใช่เป็นเครื่องปลื้มใจเท่านั้น แต่ว่าทรัพย์มีไว้สำหรับการสร้างบารมีนะลูกนะ
เรื่อง : พระธรรมเทศนา หลวงพ่อธัมมชโย
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ชีวิตในปรโลกหลังจากตายแล้ว ไม่มีการทำมาหากิน การทำมาค้าขาย การทำไร่ ทำนา ทำสวน ไม่มีทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราจะไปหวังโตเอาดาบหน้า หรือหวังนํ้าบ่อหน้าไม่ได้ จะเอาความชำนาญตอนที่เราเป็นมนุษย์ไปใช้ในปรโลกไม่ได้เลย ปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญกับบาป ชดใช้บาปก็ยาวนาน เสวยบุญก็ยาวนาน
เราอย่ามัวมาหวังให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่าเพิ่งไปหวังเลยนะจ๊ะ ให้คิดว่า นั่นเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกัน เพราะผู้ที่อยู่ในโลกมักจะถูกหล่อหลอมด้วยเรื่องราวที่ให้ข้องอยู่กับโลก ความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิชชาของชีวิตไม่มี มีแต่วิชาหาเลี้ยงชีพเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นั้น อย่าพึงหวัง
แม้เราเองก็เถอะก่อนที่จะมารู้เรื่องราวความจริงของชีวิตก่อนนี้เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในปรโลก ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษของเราละโลกไปแล้ว เรายังไม่ค่อยจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเลย หรือปีหนึ่งก็ทำกันครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าไม่มีเวลา จะต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขาย ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวบ้าง อ้างกันไปอย่างนั้นหรือบางทีก็เพราะความไม่รู้จริงๆ เพราะฉะนั้นชีวิตในปรโลก เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ด้วยบาป ด้วยตัวของเราเอง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ คือเราต้องพึ่งตัวเอง ต้องช่วยตัวเอง
บุญที่เราทำตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นที่พึ่งในปรโลก จะทำให้เราไปเกิดอยู่ในภาวะที่สูงส่งในสุคติโลกสวรรค์ เข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลาย และเมื่อไปมีชีวิตอยู่ในสุคติโลกสวรรค์แล้ว เราจะมาใช้ความคิดตอนที่เป็นมนุษย์อยู่นั้นไม่ไต้ ตอนเป็นมนุษย์ เรามักน้อยสันโดษ มีกินมีใช้เล็กๆ น้อยๆ ก็อยู่ได้หรืออยู่คนเดียวตามลำพังได้ เป็นมนุษย์คิดอย่างนี้
แต่ตอนเป็นอดีตมนุษย์หรือเป็นชาวสวรรค์แล้ว สังคมจะเปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยน ความนึกคิดก็เปลี่ยน และถ้าเราทำบุญมาน้อย รัศมีของเราก็น้อย บริวารของเราก็น้อย วิมานของเราก็เล็ก อย่างนี้ก็ต้องไปอยู่ไกลๆ ถึงขอบภพโน้น ตอนนั้นจะมานึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า รู้อย่างนี้ทำบุญให้เต็มที่ก็ดี หรือไปยืนรอคอยทำตาละห้อยดูลูกหลานเหลนของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกว่า เมื่อไหร่เขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้เราสักที เราจะได้อนุโมทนา บอกเขาเขาก็ไม่ได้ยิน เข้าฝันก็ไม่ใช่ง่าย กว่าเขาจะฝันถึงเราน่ะยาก เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะมีชีวิตอย่างนั้นนะลูกนะ
ชีวิตในสุคติโลกสวรรค์ เขาวัดกันด้วยกำลังบุญ เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ดังนั้นเราจะต้องสั่งสมบุญให้มากๆ เมื่อบุญมากบริวารก็มาก สมบัติก็มาก รัศมีก็สว่างไสว วิมานก็ใหญ่โตโอฬาร เวลาเข้าหมู่เข้าพวกในเทวสมาคมเราก็จะได้รับยศ ได้รับการยกย่อง และอยู่บนนั้นมันยาวนานนะ ถ้าน้อยเนื้อตํ่าใจก็ยาวนานหลายล้านปี แต่ถ้าหากเบิกบานก็เบิกบานหลายๆ ล้านปีทีเดียว นี่เป็นสิ่งที่ลูกทุกคนจะต้องศึกษาเอาไว้ พอรู้แล้วก็ต้องลงมือทำแต่บุญกุศล และถ้าสาวไปหาเหตุกันต่อไปอีกจะพบว่ากิเลสอาสวะนั่นแหละสอนให้เราตระหนี่ เขาพยายามกันสมบัติเรา ด้วยการทำให้เราเกิดความรู้สึกหวงแหนในทรัพย์ วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิต หรือทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเรามีน้อยกว่าเขา ก็จะไม่ปลื้มใจ จะทำให้ฐานะทางสังคมนั้นเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราวิตกกังวลไปต่างๆ มากมาย ซึ่งถ้าหากเราเชื่อตามกิเลสที่คอยบังคับอยู่ในใจ ก็เท่ากับยอมให้เขาเอาผังจนถาวรที่ดำมืดยาวเหยียดทีเดียว มาใส่ไว้ติดอยู่ในกลางกาย เหมือนไฟฟ้าที่สว่างตามเสาไฟฟ้าข้างทาง เวลาเขาดับสวิตช์ไฟทีเดียวก็จะดับเป็นร้อยเป็นพันเสา มันก็มืดตลอดทางเลย นั่นหมายถึงว่า ชีวิตเราจะอยู่ด้วยความมืดเป็นร้อยชาติพันชาติหรือเกินไปกว่านั้นกันไปอีก และชีวิตที่อยู่ในความมืดอยู่ในความยากจน เป็นชีวิตที่เสี่ยงต่ออบายภูมิ เพราะสิ่งแวดล้อมจะอำนวยความสะดวกให้เราได้สร้างแต่บาปอกุศล ที่จะนำไปสู่มหานรกได้ง่าย อันตรายนะลูกนะ
ดังนั้นการที่ลูกสละทรัพย์ที่หามายากทำบุญทอดกฐินในวันนื้ ความตระหนี่ก็ดับหายไป บุญก็ได้ช่องสว่างพรึ่บเข้ามาในกลางเป็นดวงใสสว่างติดไปหมดทุกๆ กาย จะทำให้เราได้สมบัติอัศจรรย์ทันใช้ในการสร้างบารมี แม้ปีนขึ้นต้นไม้ก็หนีสมบัติไม่พ้น อย่าว่าแต่ต้นไม้เตี้ยๆ เลยหนีขึ้นยอดเขาก็ไม่พ้น ละโลกแล้วไปเกิดบนสวรรค์ก็หนีไม่พ้น ยังตามไปเป็นทิพยสมบัติอีก ลงมาเกิดในมนุษย์ก็หนีสมบัติ หนีความรวยไม่พ้น มันติดเข้าไปอยู่ในกลางตัวจะไปหนีพ้นที่ไหน และเราจะได้สมบัติอัศจรรย์กันทีเดียวเพราะใจเราอัศจรรย์ ถ้าใจเราอยู่เหนือธรรมชาติเราก็จะได้สมบัติที่เหนือธรรมชาติ
เพราะฉะนั้น ทรัพย์ในโลกมนุษย์นอกจากมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตแล้ว เขามีเอาไว้สำหรับสร้างบารมี ไม่ใช่มีเอาไว้อวด เอาไว้ข่มกัน หรือเอาไว้เพื่อความอุ่นใจว่าเรามีเท่าเขา หรือมากกว่าเขา ไม่ใช่เป็นเครื่องปลื้มใจเท่านั้น แต่ว่าทรัพย์มีไว้สำหรับการสร้างบารมีนะลูกนะ
เรื่อง : พระธรรมเทศนา หลวงพ่อธัมมชโย
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***
คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2019/06/blog-post_91.html
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/180mXoDuS-x8N1bxuqpAOnsR1saAycwuD/view
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202545/02YNB_4512/02YNB_4512.html
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้ที่นี่
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/180mXoDuS-x8N1bxuqpAOnsR1saAycwuD/view
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202545/02YNB_4512/02YNB_4512.html
- ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้
- วิธีแก้ไขความจนด้วยเครือข่ายคนดี
- ได้บุญต้องใจเปิด
- เจ้าชายบัณฑิต
- ของจริงต้องพิสูจน์
- อนุโมทนาบุญกฐิน'๔๕
- หักดิบแล้วเป็นเศรษฐี
- มหาสังฆทาน ๓,๐๐๐ วัด
- สงครามชิงช่วง
- เปรตขอส่วนบุญ
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือนของปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้ที่นี่
คลิกอ่านหรือดาวน์โหลดวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนของแต่ละปี (ฉบับ PDF) ได้ที่นี่
ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
21:59
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: