การฝึกพระภิกษุให้เป็นเนื้อนาบุญ




การฝึกพระภิกษุให้เป็นเนื้อนาบุญ

คำถาม

พระภิกษุได้ชื่อว่า "เนื้อนาบุญ" เป็นอย่างไร

คำตอบ

พระภิกษุทุกรูปได้ชื่อว่าเป็นเนื้อนาบุญของชาวโลก แต่จะเป็นเนื้อนาบุญได้จริงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้น   ถ้าใครเป็นเนื้อนาบุญของโลกได้จริง ญาติโยมมาทำบุญด้วย เขาจะได้บุญมาก แล้วเขาจะหายจน ถ้ารูปไหนไม่ได้เป็นเนื้อนาบุญจริง ทำบุญเท่าไร ๆ ก็ยากจะได้บุญ อย่างนี้ญาติโยมเหนื่อยเปล่า

การที่ใครจะเป็นเนื้อนาบุญได้หรือไม่ได้ ถึงแม้บางรูปจะยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ยังไม่ได้เข้าถึงปฐมมรรค ก็สามารถวัดได้ง่าย ๆ ถ้าวันไหนนั่งสมาธิแล้ว รู้สึกว่าใจอิ่ม ใจชุ่มฉ่ำ แม้มันจะไม่สว่างเป็นตะวันเที่ยง แต่อิ่มอยู่ในใจ จะยืน เดิน นั่ง นอน รู้สึกเบากายเบาใจ รู้สึกไม่มีความขุ่นมัว ไม่มีเรื่องกังวลใด ๆ ค้างคาใจ รู้สึกว่าง โปร่ง โล่ง เบาไปหมด จะเหยียดแขน จะคู้ขา จะเหลียวหน้า จะกลับหลัง รู้สึกว่ามีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ก็แสดงว่าใจของเราสงบ สามารถจรดเข้าศูนย์กลางกายได้ระดับหนึ่ง มีสติสัมปชัญญะขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง จึงเป็นอย่างนี้

เมื่อใจมั่นคงอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ไม่ตะลอน ๆ เที่ยวไปไหน บุญจากพระนิพพานจึงไหลมาหล่อเลี้ยงเรา ทำให้เราเกิดอาการชุ่มเย็นใจอย่างนั้น

อุปมาเหมือนกับการต่อไฟฟ้าเข้ามาในบ้าน ทำให้เกิดความสว่างสลัว ๆ ขึ้นมา เมื่อใจหยุดนิ่งเข้าไปข้างในศูนย์กลางกาย ก็ต่อเอาบุญจากพระนิพพานมาเลี้ยงใจได้ทันที ถึงแม้จะยังไม่ถึงปฐมมรรค ไม่ถึงธรรมกาย แต่ต่อเอาบุญมาใช้บ้างได้แล้ว อย่างนี้ถ้าญาติโยมมาทำบุญด้วย ก็เหมือนกับมาต่อเอาสายบุญเข้าไปในตัวของเขา เหมือนกับการต่อสายไฟเข้าบ้าน ทำให้ญาติโยมที่มาทำบุญพลอยได้บุญมากไปด้วย เมื่อเขาได้บุญไปมาก เขาก็จะหายจนได้เร็ว

คำว่า "เนื้อนาบุญ" เป็นอย่างนี้ ถ้าเราใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายได้มากเท่าไร ก็เป็นเนื้อนาบุญได้มากเท่านั้น ตอนที่ฝึกสมาธิแรก ๆ อาจเริ่มจากเป็นสถานีบุญขนาดย่อย แต่เมื่อฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ จากสถานีย่อยก็กลายเป็นสถานีบุญขนาดใหญ่ รับถ่ายทอดเอาบุญจากพระนิพพานมา เตรียมแจกจ่ายให้กับทุกคนที่มาทำบุญ ใครมาทำบุญกับท่านเมื่อไร ก็เหมือนเอาปลั๊กมาเสียบกับสถานีไฟฟ้าขึ้นมาทีเดียว

ในยามที่บ้านเมืองกำลังคับขัน เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ พระภิกษุประคับประคองใจ ประคองอารมณ์ให้ดี อย่าให้อารมณ์หวั่นไหว อย่าให้ใจเตลิดเปิดเปิง ให้ใจมั่นอยู่ในศูนย์กลางกาย ยิ่งหลับตาลืมตาแล้วสว่างไสวอยู่ข้างใน ไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเลย จะช่วยสถานการณ์บ้านเมืองได้เป็นอัศจรรย์ ใครมาทำบุญปุ๊บ ก็หายยากจนปั๊บกันทีเดียว เพราะพระภิกษุรู้หลักการรักษาใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย การรู้หลักศูนย์กลางกายของวิชชาธรรมกายมีผลดีอย่างนี้



หลวงพ่อธัมมชโย ท่านชอบพูดอยู่เสมอว่า ใครมาทำบุญกับพระภิกษุที่วัดพระธรรมกายต้องไม่ยากจนลง ต้องให้มีแต่ดีขึ้น รวยขึ้นทุกรายไป ท่านพูดอย่างนี้เพราะท่านมีหลักศูนย์กลางกายของวิชชาธรรมกาย เพราะท่านมั่นใจลูกพระของท่านว่าตั้งใจเก็บใจมาไว้ที่ศูนย์กลางกายเหมือนกับท่าน เพราะฉะนั้น พระภิกษุแต่ละรูปจึงเหมือนสถานีบุญย่อยที่ต่อโดยตรงมาจากพระนิพพาน ใครมาทำบุญด้วยก็ได้บุญเป็นอัศจรรย์ หายจนเลยทีเดียว

ที่สำคัญ หลักศูนย์กลางกายนี้ไม่ขัดกับหลักมรรคมีองค์ ๘ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ เพราะว่าหากปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้ครบถ้วนบริบูรณ์เมื่อไร ใจจะหยุดนิ่งสนิทเข้าสู่ศูนย์กลางกายทันที เพราะฉะนั้น คำที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำบอกว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ นั้น ก็เท่ากับบอกว่า ผู้ที่ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้ดีแล้ว ใจจะหยุดนิ่ง บุญย่อมมาเลี้ยงใจเต็มที่ คนที่มีบุญมาเลี้ยงใจเต็มที่แล้ว ไม่ว่าทำอะไรสำเร็จหมดทุกอย่าง จะหยิบจะทำการงานอะไรก็สำเร็จหมด อยากจะรู้ธรรมะลึกซึ้ง อยากจะแตกฉานในวิชชาธรรมกายก็สำเร็จทั้งหมด ใครมาทำบุญด้วยเมื่อไร ก็ได้บุญใหญ่ เมื่อได้บุญใหญ่ไปแล้ว จะหยิบจะทำอะไรก็สำเร็จตามไปด้วยทั้งหมด

พระภิกษุทุกรูปที่อยากช่วยขจัดทุกข์มนุษย์ อยากช่วยโยมพ่อโยมแม่ อยากจะช่วยเจ้าภาพ ที่อุตส่าห์สละทรัพย์สินเงินทองซึ่งหายากมาบำรุงเลี้ยงพระ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นญาติกัน อยากตอบแทนคุณท่านเหล่านี้ ท่านก็จรดเข้าศูนย์กลางกายเรื่อยไป จรดให้ใจสว่างเป็นดวงตะวันเที่ยงให้ได้ ถ้าทำได้อย่างนี้จะไม่เป็นหนี้ญาติโยม เพราะเมื่อญาติโยมนำโลกิยทรัพย์มาให้ พระภิกษุก็แจกอริยทรัพย์คือบุญเป็นการตอบแทน ซึ่งเหนือกว่าโลกิยทรัพย์หลายล้านเท่าทีเดียว

Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๑๑๐  เดือนธันวาคม  พ.ศ. ๒๕๕๔
การฝึกพระภิกษุให้เป็นเนื้อนาบุญ การฝึกพระภิกษุให้เป็นเนื้อนาบุญ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:22 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.