เกิดเป็นลูกผู้ชาย ต้องบวชเป็นลูกพระพุทธเจ้า
"เอหิ ภิกฺขุ สฺวากฺขาโต ธมฺโม จร
พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส
อนฺตกิริยาย
เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่ง
กองทุกข์โดยชอบเถิด"
คำว่า ภิกษุ คือ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร
เป็นผู้มีปกติขออย่างอริยะ เรียกว่าบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์
ท่านไปในสถานะของผู้ให้บุญ ไปให้ความเป็นสิริมงคลแก่ญาติโยม
ให้มีโอกาสทำทานได้สละความตระหนี่ออกจากใจ เพราะพระท่านมีความดี ความบริสุทธิ์ จึงเป็นเนื้อนาบุญให้กับญาติโยม
เวลาออกบิณฑบาตก็เดินทอดสายตาลงต่ำ มีกิริยาอาการที่สงบสำรวม น่าเลื่อมใส
คนที่ทำทานกับพระภิกษุเพราะรู้คุณค่าของบุญ
และมีความเลื่อมใสเห็นกิริยาอาการที่สงบสำรวม จึงบังเกิดศรัทธาอยากทำบุญ
ต่างจากการให้กับคนขอทานที่เที่ยวขอชาวบ้าน เนื่องจากทุพพลภาพ ลำบากยากจน
บางคนขาขาด ตาบอด การให้อย่างนี้เพราะสงสาร
แต่ให้กับพระเพราะความเลื่อมใส ให้ทานกับคนยากไร้เพราะความเมตตา
แต่ให้ทานกับพระสงฆ์เพราะความศรัทธา ฉะนั้น ผลบุญที่เกิดจากการ สงเคราะห์คนขอทาน
จึงแตกต่างจากการถวายทานกับภิกษุ เหมือนแสงหิ่งห้อยไม่อาจเทียบได้กับแสงตะวัน เพราะดวงบุญและคุณธรรมภายในของผู้รับทานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แม้บวชช่วงสั้น
แต่บุญตามส่งผลยาวนาน
ผลบุญจากการบวชพระ แม้จะบวชไม่นาน
ขอเพียงตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ บุญนั้นก็สามารถยอยกผู้บวชให้บังเกิดในสุคติภูมิตลอดไป
หากไปเกิดในสวรรค์ก็จะเป็นเทพผู้มีอานุภาพมาก
จนท้าวสักกะต้องเสด็จไปชื่นชมบารมีกันเลยทีเดียว
เรื่องมีอยู่ว่า นับถอยหลังไป ๓๐,๐๐๐ กัป ในยุคของพระสุเมธพุทธเจ้า
มีชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นคนมี ศรัทธาในพระศาสนา
เห็นพ่อแม่เป็นต้นแบบที่ดีในการทำบุญใส่บาตรพระเป็นประจำตั้งแต่เด็ก เขาก็ตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระด้วย
วันพระก็ไปฟังธรรมที่วัดเป็นประจำ พอเติบโตเป็นหนุ่มก็ขอลาบวช เพื่อจะได้
บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่ พ่อแม่ก็อนุโมทนาบุญด้วย ท่านได้บวชเป็นภิกษุผู้มีสีลาจารวัตรงดงาม
และตั้งใจบำเพ็ญไตรสิกขาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ นั่งสมาธิเจริญภาวนา
และหมั่นฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า แต่ครั้นบวชได้เพียง ๗ พรรษา
เนื่องจากเป็นลูกชายคนเดียว ท่านจำต้องลาสิกขาเพื่อไปดูแลพ่อแม่ผู้ชราภาพทั้งสอง
เมื่อลาสิกขาแล้ว
ท่านก็ไม่ได้ประมาทในชีวิตเหมือนชาวโลกทั่วไป ยังมีความอาลัยในผ้าเหลือง
และยังพอมีสมณสัญญาติดมาบ้าง จึงสมาทานรักษาศีล ๕ เป็นปกติ
และยังรักษาอุโบสถศีลในวันพระอีกด้วย ท่านได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูปรนนิบัติดูแลพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าผู้เป็นดุจพระอรหันต์ในบ้านได้อย่างสมบูรณ์
พอว่างเว้นจากการงานทางโลก ก็ยังหาโอกาสกลับไปที่วัดเดิม คอยอุปัฏฐากดูแลพระสงฆ์
ไปปัดกวาดและดูแลศาสนสมบัติที่ลานพระเจดีย์ ด้วยจิตเลื่อมใส
บุญพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่ท่านได้ทำตลอดชีวิต คือ
ได้ชักชวนสาธุชนให้มาบูชามหารัตนเจดีย์ของพระพุทธเจ้า โดยท่านชักชวนด้วยคำพูดง่าย
ๆ ว่า "ท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ ขอเชิญท่านผู้มีบุญจงบูชาพระบรมสารีริกธาตุของ
พระพุทธเจ้าผู้ควรบูชาเถิด หากพวกท่านละจากโลกนี้แล้ว จะได้ไปสวรรค์"
ท่านทำอยู่อย่างนั้น เป็นอาจิณจนตลอดชีวิต ผลบุญอันยิ่งใหญ่ที่แม้แต่ตัวเองก็คาดไม่ถึง
ทำให้เมื่อท่านละโลกแล้วได้ไปเสวยสุขอันเป็นทิพย์ ได้เป็นเทพบุตรมีศักดิ์ใหญ่
มีอานุภาพมาก เป็นผู้ที่เหล่าเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ แม้กระทั่งท้าวสักกเทวราชก็ยังต้องมาชื่นชมบารมี
ท่านบันเทิงอยู่ในท่ามกลางหมู่ทวยเทพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลายาวนานมาก
จนเมื่อครบอายุของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็จุติไปอุบัติในสวรรค์ชั้นสูง ๆ ขึ้นไป
ครั้นมาในมัยพุทธกาล
ท่านย้อนกลับมาบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้งหนึ่ง พวกทวยเทพต่างเรียกเทพบุตรท่านนี้ว่า
อเนกวรรณเทพบุตร หมายถึง เทพบุตรผู้มีรัศมีกายเปล่งปลั่งสว่างไสว
เวลาจะท่องเที่ยวไปไหน รัศมีกายของท่านจะกลบรัศมีของเทพองค์อื่น ๆ แม้กระทั่งพระอินทร์ยังต้องหลบเข้าไปอยู่ในเวชยันตปราสาทของตัวเอง
จนกว่าเทพบุตรท่านนี้จะผ่านไป ด้วยเกิดความละอายที่ตนเองเป็นถึงจอมเทพ
แต่มีรัศมีกายน้อยกว่าอเนกวรรณเทพบุตร
อานิสงส์การบวชพระ
จะเห็นได้ว่า บุญใหญ่จากการบวชพระนั้น
มีอานิสงส์มากมาย ปิดอบาย ไปสวรรค์ มีความสุขในปัจจุบัน ในคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ว่า
"บุคคลใดมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้อนุญาตให้บุตรบวช ถ้าบวชเป็นสามเณร
ได้รับอานิสงส์ ๘ กัป ถ้าบวชเป็นพระได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัป ส่วนบุคคลใดมีจิตเลื่อมใสแบบญาณสัมปยุตผุดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครชักชวน
ถ้าบวชเป็นสามเณร ได้รับอานิสงส์ ๓๒ กัป ถ้าบวชเป็นพระ ได้รับอานิสงส์ ๖๔
กัป"
ระยะเวลา ๑ กัปนั้น ท่านอุปมาว่า
ภูเขาหินแท่งทึบ หนา ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์สูง ๑ โยชน์ เมื่อครบ ๑๐๐ ปี
มีผู้เอาผ้าทิพย์สีขาวอ่อนนุ่มมาลูบภูเขานี้สักหนึ่งครั้ง
เมื่อไรที่ภูเขานี้ราบเรียบเสมอพื้นดิน ความยาวนานนั้นนับได้ว่าเป็น ๑ กัป
อานิสงส์การบวช
(โดยสังเขป)
ยกฐานะจากผู้นับถือพระรัตนตรัย
ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย
แม้ฐานะเดิมมาจากสามัญชน
แต่เมื่อบวชแล้ว จะได้รับการเคารพนับถือ เหมือนผู้ที่บวชมาจากชนชั้นสูง
สามารถรักษาศีลได้บริสุทธิ์กว่าฆราวาส
มีโอกาสทำสมาธิได้ดีกว่าและก้าวหน้ากว่าฆราวาส
ได้บรรลุฌาน อภิญญา มรรคผล นิพพาน
เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศให้กับญาติโยม
เป็นต้นบุญต้นแบบให้กับอนุชนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตาม
เป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพโลกอย่างแท้จริง
เมื่อท่านชายได้ทราบเช่นนี้แล้ว
จะรอช้าอยู่ไย หากรู้ว่าท่านได้สิทธิ์นี้ ไยต้องสละสิทธิ์ สิทธิ์นี้มีผลต่อตัวท่าน
มีผลต่อพระพุทธศาสนา มีผลต่อสันติภาพโลกอีกมากมาย ดังนั้น
มาพร้อมใจกันบวชเป็นหนึ่ง ในแสนรูปผู้ยอยกพระพุทธศาสนากันเถิด
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คิดอยากทำความดี
เพื่อทดแทนคุณบิดามารดา ทดแทนคุณแผ่นดิน ทดแทนคุณพระพุทธศาสนา และถวายเป็นพุทธบูชา
ให้เกิดผลคุ้มค่ามากที่สุดกับการได้เกิดเป็นชาย การบวชพระ คือคำตอบที่ดีที่สุด..
Cr. เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี
ป.ธ. ๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘๗
เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เกิดเป็นลูกผู้ชาย ต้องบวชเป็นลูกพระพุทธเจ้า
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:36
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: