ยังมีเวลา





ขณะนี้เป็นเวลา ๔ ทุ่มกว่า เมื่อรถแล่นมาถึงทางแยก ผมนึกเดาเส้นทางอยู่ในใจว่า หลวงพ่อจะให้เลี้ยวรถเพื่อกลับเข้ากุฏิอาคารภาวนา หรือจะให้ตรงไปเพื่อดูงานต่อ

ถ้านึกย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงบ่าย หลวงพ่อเข้าไปยังพื้นที่บริเวณรอบมหารัตนวิหารคด เพื่อตรวจดูความพร้อมของสถานที่จัดงานในการเตรียมงานบุญใหญ่ หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อเพื่อไปคุมธรรมะให้กับชุดปฏิบัติธรรม

เสร็จจากชุดปฏิบัติธรรม หลวงพ่อถามว่ากี่โมงแล้ว เมื่อท่านรู้ว่ายังพอมีเวลา จึงได้เดินทางเข้าไปดูงานปั้นพระที่โรงปั้น ก่อนกลับเข้ากุฏิเพื่อทำกิจวัตรส่วนตัวในช่วงเย็น

เมื่อถึงช่วงค่ำ หลวงพ่อใช้เวลาสั้น ๆ ต้อนรับคณะครูและผู้มีบุญที่เดินทางมาร่วมงานบุญ ก่อนเข้าสอนใน โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ และเมื่อเสร็จการสอนในโรงเรียนอนุบาลฯ จึงได้ขึ้นรถเดินทางกลับ

ขณะนี้เป็นเวลา ๔ ทุ่มกว่า รถชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงทางแยก ผมยังตั้งใจรอฟังว่าหลวงพ่อจะให้รถมุ่งหน้าไปเส้นทางไหน แล้วหลวงพ่อก็บอกว่าให้ตรงไปยังโรงปั้นอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็กรายละเอียดขององค์พระ ก่อนที่จะนำไปประดิษฐานในพิธีงานบุญ

๕ ทุ่มกว่า ออกจากโรงปั้นพระ ระหว่างทางเห็นกลุ่มน้อง ๆ นักเรียนที่มาช่วยเตรียมงานบุญล่วงหน้า หลวงพ่อให้หยุดรถ แล้วท่านก็เดินลงจากรถเข้าไปทักทาย หลวงพ่อถามขึ้นว่า "กำลังทำอะไรกันอยู่?"

น้อง ๆ ที่กำลังช่วยกันรับบุญแพ็กอาหารใส่ถุงสำหรับเตรียมให้สาธุชนที่จะมาร่วมงาน ตอบหลวงพ่อพร้อมกัน แล้วหลวงพ่อก็ถามต่อว่า "มาจากโรงเรียนไหนกันบ้าง ?"

ทุกคนต่างบอกชื่อโรงเรียนของตัวเองด้วยเสียงที่ดัง เพราะดีใจไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้กราบหลวงพ่อใกล้ ๆ

เห็นใบหน้าของทุกคนที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แล้วหลวงพ่อก็ถามว่า "เหนื่อยกันมากไหม ?"

คราวนี้เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ต่างคนหันมองหน้ากันไปมาแล้วยิ้ม จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะร่าเริงดังออกมาแทนคำตอบ ได้ยินหลวงพ่อพูดให้กำลังใจน้อง ๆ ทุกคนว่า "เราเกิดมาสร้างบารมีนะลูก เรายังอยู่ในวัยที่แข็งแรง ก็ต้องนำความแข็งแรงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้เป็นบุญกุศลติดตัวเราไป หลวงพ่อขออนุโมทนากับลูก ๆ ทุกคน "

แล้วหลวงพ่อได้ให้พรต่ออีกยาว แล้วบริเวณที่รับบุญนั้นก็ดังลั่นด้วยเสียง สาธุ! แล้วหลวงพ่อก็ขึ้นรถเตรียมเดินทางต่อ

เกือบเที่ยงคืน รถแล่นใกล้ถึงทางแยกที่เดิม ผมนึกเดาอยู่ในใจอีกครั้งหนึ่งว่า หลวงพ่อจะให้เลี้ยวกลับเข้ากุฏิเลย หรือจะให้ไปดูงานที่จุดอื่นต่อ หากไปต่อ ก็ทำให้ผมนึกคิดไปว่าจะเป็นอย่างไรถ้าในหนึ่งวันเวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าเป็น ๔๘ ชั่วโมง

หลวงพ่อก็คงมีเวลาทำงานพระศาสนาได้อีกหลายอย่าง และนั่นก็ทำให้ผมนึกอยากถามหลวงพ่อขึ้นมาอีกครั้งเช่นกันว่า "หลวงพ่อเหนื่อยไหมครับ?"

แต่ไม่กล้า! ยังไม่กล้าที่จะถามตอนนี้ เพราะรู้สึกว่า...ยังมีเวลา!

เวลาในการสร้างบารมีนั้นมีพร้อมเสมอสำหรับทุกคนที่คิดเริ่มต้น แล้วจะส่งผลเมื่อได้หมั่นสั่งสมทำไปอย่างต่อเนื่อง

แต่เวลาจะไม่เกิดประโยชน์ใดเลยกับคนที่ประมาท

ลองย้อนกลับไปดูว่า เด็กบางคนเกิดมาก็หมดเวลาเพราะเสียชีวิตทันทีเลยก็มี เพื่อนวัยเดียวกับเราบางคนเกิดประสบอุบัติเหตุ เวลาที่เหลืออยู่แม้มีแต่ก็ไม่สมบูรณ์เสียแล้ว ครั้นจะมานั่งขัดสมาธิเหมือนกับคนทั่วไปก็ทำไม่ได้ เพราะกระดูกขาหัก ซึ่งยังมีอีกหลาย ๆ ตัวอย่างที่เราพบเห็น และได้บอกเราว่า อย่าได้ประมาท หากเรายังคิดว่า...ยังมีเวลา!

คำว่า "มีเวลา" คำ ๆ นี้ผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนหลุมพราง หากเราไม่ประมาทก็ทำให้เราก้าวข้าม เดินต่อไปข้างหน้าได้ แต่ถ้าหากไม่ทันสังเกต หรือไม่ทันระวังตัว ก็สามารถทำให้เราพลาดท่า ตกลงไปยังก้นหลุมของคำ ๆ นี้ได้เช่นกัน 

เพราะรู้ว่า..ยังมีเวลา! เราจึงคิดเลื่อนสิ่งที่จะทำอยู่ออกไปก่อน ไม่เห็นจะต้องรีบทำให้เสร็จในตอนนี้ 

หรืออย่างเรื่องที่จะให้มานั่งหลับตาหาที่พึ่งภายในน่ะหรือ เราเพิ่งอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ เอง ไม่เห็นต้องรีบร้อน...ยังมีเวลา!

หรือเพราะรู้ว่า...ยังมีเวลา! เราจึงพยายามเร่งมืออย่างเต็มที่เพื่อทำให้เสร็จ แล้วยังมีเวลาได้ทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้นอีก

หรือสำหรับบางคน ถ้าคิดจะทำสิ่งที่ดี ก็อย่าได้วิตกกังวลหรือท้อแท้ เพราะ...ยังมีเวลาที่ให้เราได้เริ่มต้น

จึงไม่น่าแปลกใจ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักจะไม่ตกหลุมพรางของคำ ๆ นี้ ยังมีเวลา!

ผมได้ยินหลวงพ่อพูดเสมอว่า "เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน หลับตาลืมตาไม่กี่ทีก็หมดไปอีกวัน นี่เรายังสร้างบุญ สร้างบารมีได้ไม่เท่าไรเลย"

เมื่อไตร่ตรองพิจารณาดูแล้วก็เป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อพูด ยังมีความรู้สึกว่างานบุญ แต่ละงานเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน นี่ถึงเวลาเวียนกลับมาครบรอบอีกปีหนึ่งแล้ว วันคืนผ่านไปเร็วจริง ๆ

แม้เวลาจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็น ๑ หรือ ๒ เท่า แต่ยังคงมีจำกัด ๒๔ ชั่วโมงเท่าเดิมก็ตาม แต่หลวงพ่อก็ยังมีเวลาที่จะทำงานพระศาสนาไปพร้อม ๆ กันในทุกด้าน ทั้งงานด้านปฏิบัติธรรม งานอบรม งานปกครอง งานเผยแผ่ งานเทศน์สอน และยังมีเวลาดูแลให้กำลังใจลูก ๆ ในทุก ๆ จุด คงไม่ต้องลังเลแล้ว หากจะถามหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อเหนื่อยไหมครับ?"

หลวงพ่อมองหน้าแล้วยิ้ม แล้วก็พูดว่า "เรื่องเหนื่อยไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่เหนื่อย เราจะได้บารมีมาจากไหน"

ถ้าโลกที่เราเกิดมาใบนี้ คือโลกแห่งการสร้างบารมี เราก็ควรใช้เวลาที่มีอยู่ในโลกนี้ ให้เป็นบุญ ให้เป็นบารมีติดตัวเราไปให้มากที่สุด

หลวงพ่อย้ำเสมอว่า "การสร้างบารมีคือการพักผ่อน เราเกิดมาสร้างบารมี" 

ดังนั้น หากเราคิดที่จะพักผ่อน เราก็ควรที่จะรีบเร่งสร้างบารมี

รถแล่นใกล้ถึงทางแยกที่เดิม นึกเดาอยู่ในใจอีกครั้งว่า ก่อนที่ราตรีนี้จะสิ้นสุดลง หลวงพ่อยังสามารถที่จะเดินเข้าไปทักทาย ให้กำลังใจกับชุดต่าง ๆ ที่มาช่วยรับบุญเตรียมงานล่วงหน้าได้อีกหลายชุด

เพราะว่า...ยังมีเวลา!



Cr. โค้ก อลงกรณ์
(ติดตามงานเขียนต่อเนื่อง Coke@Today ได้ที่ www.banyaibook.com) 
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗๘ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
ยังมีเวลา ยังมีเวลา Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 23:47 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.