วิสาขบูชา วันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งปรารถนาพุทธภูมิ อยากรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ฝั่งนิพพานนั้น เพียงแค่คิด ก็ยากแล้ว ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร จากนั้นต้องย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ หมั่นตอกย้ำซ้ำเดิมในมโนปณิธานที่แน่วแน่ ไม่ได้คำนึงถึงเวลาว่าอีกกี่เดือน กี่ปี กี่ภพ กี่ชาติ จึงจะสมปรารถนา ท่านสร้างบารมีอย่างไร้กาลเวลา บารมีแก่รอบเมื่อไรก็สมปรารถนาเมื่อนั้น พระโพธิสัตว์จึงเป็นบุคคลที่มีใจเหนือกว่ามนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะทำทานก็ทำแบบทุ่มสุดหัวใจ ชาวโลกส่วนใหญ่นั้นอยากได้ แต่ท่านอยากให้ ให้ได้ กระทั่งเลือดเนื้อและชีวิต
พระโพธิสัตว์ทั้งหลายเป็นสุดยอดนักเสียสละของโลกและจักรวาล การรักษาศีลหรือเจริญภาวนาก็ทุ่มเทจนตลอดชีวิต เพียรพยายามมานับภพนับชาติไม่ถ้วน แม้รู้ว่าหนทางสู่ความเป็นพระพุทธเจ้านั้นยังอีกยาวไกลนับอสงไขย แต่หัวใจไม่เคยย่อท้อเลย
สมัยหนึ่ง พระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความปรารถนาที่จะเป็น พระพุทธเจ้าทั้งหลายควรใช้เวลานานเท่าไร พระพุทธองค์ตรัสว่า "ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยการกำหนดอย่างต่ำที่สุด ๒๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนดปานกลาง ๔๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนดอย่างสูง ๘๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ทั้ง ๓ ประเภทนั้น คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ "
อาจมีผู้สงสัยว่า ทำไมต้องกำหนดเวลานานอย่างนั้นด้วย ถ้าเร่งสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เพียงไม่กี่ล้านชาติ ก็น่าจะสามารถตรัสรู้ธรรมได้ เหมือนกับถ้าขยันเรียนหรือขยันทำงาน ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่อันที่จริงการจะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่ง่ายอย่างที่คิด พระพุทธองค์ตรัสว่า แม้บุคคลจะถวายมหาทานเหมือนกับมหาทานของพระเวสสันดรทุก ๆ วันก็ดี สั่งสมบารมีธรรม มีศีล เป็นต้น เพื่อมุ่งสัพพัญญุตญาณก็ดี หากยังไม่ถึง ๒๐ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ กัปแล้ว ยังไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะญาณยังไม่แก่รอบ ยังไม่ถึงความไพบูลย์ เปรียบเหมือนข้าวกล้าจะออกรวงได้ ต้องใช้เวลา ๔ หรือ ๕ เดือน แม้จะขยันรดน้ำวันละ ๑๐๐,๐๐๐ ครั้ง ทุก ๆ วัน ก็ยังไม่อาจออกรวงภายใน ๑ เดือน ฉันใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลาที่เหมาะสม ฉันนั้น
ระยะเวลากว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จากตัวอย่างของพระโคดมพุทธเจ้า นับแต่เริ่มสร้างบารมี โดยได้พบและอธิษฐานในใจต่อเบื้องพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จนกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีระยะเวลาอันยาวนานและได้พบพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนมากมายดังต่อไปนี้
ช่วงคิดในใจ ๗ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์
๑. นันทอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์
๒. สุนันทอสงไขย พบ ๙,๐๐๐ พระองค์
๓. ปฐวีอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์
๔. มัณทอสงไขย พบ ๑๑,๐๐๐ พระองค์
๕. ธรณีอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์
๖. สาครอสงไขย พบ ๓๐,๐๐๐ พระองค์
๗. ปุณฑริกอสงไขย พบ ๔๐,๐๐๐ พระองค์
ช่วงเปล่งวาจา ๙ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์
๘. สัพพถัททอสงไขย พบ ๕๐,๐๐๐ พระองค์
๙. สัพพผุลลอสงไขย พบ ๖๐,๐๐๐ พระองค์
๑๐. สัพพรตนอสงไขย พบ ๗๐,๐๐๐ พระองค์
๑๑. อสุภขันธอสงไขย พบ ๘๐,๐๐๐ พระองค์
๑๒. มานีภัททอสงไขย พบ ๙๐,๐๐๐ พระองค์
๑๓. ปทุมอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์
๑๔. อุสภอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์
๑๕. ขันธคมอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์
๑๖. สัพพผาลอสงไขย พบ ๒,๐๐๐ พระองค์
ช่วงได้รับพุทธพยากรณ์ ๔ อสงไขย แสนมหากัป พบพระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์ มีพระนามดังต่อไปนี้
อสงไขยที่ ๑๗ เป็นสารมัณฑกัป พบ ๔ พระองค์ ได้แก่ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า พระสรณังกรพุทธเจ้า พระทีปังกรพุทธเจ้า (ได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์)
อสงไขยที่ ๑๘ เป็นสารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระโกณฑัญญพุทธเจ้า
อสงไขยที่ ๑๙ เป็นสารมัณฑกัป พบ ๔ พระองค์ ซึ่งได้แก่ พระสุมังคลพุทธเจ้า พระสุมนพุทธเจ้า พระเรวตพุทธเจ้า พระโสภิตพุทธเจ้า
อสงไขยที่ ๒๐ เป็นวรกัป พบ ๓ พระองค์ ได้แก่ พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า พระปทุมพุทธเจ้า พระนารท-พุทธเจ้า
ช่วงเศษแสนกัปของอสงไขยที่ ๒๐
สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระปทุมุตรพุทธเจ้า (พระสาวกส่วนใหญ่เริ่มได้รับพุทธพยากรณ์)
สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐,๐๐๐ กัป
มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสุเมธพุทธเจ้าและพระสุชาตพุทธเจ้า
สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐,๐๐๐ กัป
วรกัป พบ ๓ พระองค์ คือ พระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๒๔ กัป
สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระสิทธัตถพุทธเจ้า
สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๑ กัป
มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระติสสพุทธเจ้า พระปุสสพุทธเจ้า
สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระวิปัสสีพุทธเจ้า
สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐ กัป
มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสิขีพุทธเจ้า พระเวสสภูพุทธเจ้า
สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐ กัป
ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ
๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า
๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
๓. พระกัสสปพุทธเจ้า
๔. พระสมณโคดมพุทธเจ้า
๕. พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
จะเห็นได้ว่าหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นต้นมา พระบรมโพธิสัตว์ได้พบพระพุทธเจ้าถึง ๒๓ พระองค์ กว่าจะได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้
ยอดนักสร้างบารมีทั้งหลาย...การสร้างบารมีชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันของพระบรมโพธิสัตว์เพื่อการได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณนั้น ต้องใช้เวลายาวนานเหลือเกิน แต่ก็ไม่เกินใจที่ท่านจะไปถึง และท่านก็ทำได้สำเร็จอีกด้วย ยิ่งถ้าหากเราได้ศึกษาวีรกรรม แห่งความดีระหว่างการสร้างบารมีของพระองค์จะยิ่งซาบซึ้งหนักขึ้นไปอีก เพียงเท่านี้ ก็นับเป็นบุคคล มหัศจรรย์ที่สุดในโลกแล้ว ดังนั้น วันวิสาขบูชาจึงสมควรแล้วที่องค์การสหประชาชาติจัดให้เป็น วันสำคัญสากลโลก ชาวพุทธทุกคนจึงควรจะเจริญพุทธานุสติ รำลึกนึกถึงพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณ ทั้งพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ แล้วหาโอกาสแสดงออกถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพุทธคุณทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นพุทธมามกะ อานิสงส์นี้จะได้หนุนส่งให้ท่านทั้งหลายได้เกิดในบวรพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม...
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอกบุรุษเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อความอนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เอกบุรุษคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า"
Cr. พระมหาสเถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗๙ ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
วิสาขบูชา วันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:11
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: