ทำไมต้องสร้างเกาะแก้วเจดีย์สวรรค์ ?
ทำไมต้องสร้าง
เกาะแก้วเจดีย์สวรรค์ ?
มีคนถามเข้ามาว่า..ในเมื่อวัดพระธรรมกายสร้างมหาธรรมกายเจดีย์แล้ว
ทำไมต้องสร้างเกาะแก้วเจดีย์สวรรค์อีก
แล้วการฉลองเจดีย์คืออะไร ทำไมต้องฉลอง
การสร้างเจดีย์มีอานิสงส์มากขนาดไหน มียืนยันในพระไตรปิฎกไหม
ซึ่งจะขอตอบว่า...
วัดพระธรรมกายสร้างมหาธรรมกายเจดีย์แล้ว ทำไมต้องสร้างเกาะแก้วเจดีย์สวรรค์อีก ?
การสร้างเกาะแก้วเจดีย์สวรรค์นั้น สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่สำคัญเจดีย์นี้สร้างขึ้นในวาระ ๔๘ ปี หรือครบ ๔ รอบ แห่งการสร้างวัดพระธรรมกาย ซึ่งวันครบ ๔๘ ปี ตรงกับวันมาฆบูชา พ.ศ. ๒๕๖๑
การสร้างเจดีย์บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ยิ่งสร้างมากยิ่งดี เพราะยิ่งได้บุญมาก เหมือนที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๘๔,๐๐๐ องค์ ทั่วชมพูทวีปหรือที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดบนที่ราบพุกามก็มีการสร้างวัด เจดีย์ และอารามจำนวนกว่า ๑๐,๐๐๐ แห่ง จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งทะเลเจดีย์” ซึ่งปัจจุบันมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลงเหลือมาให้เห็น คือวัดและเจดีย์กว่า ๒,๒๐๐ แห่ง
การฉลองเจดีย์คืออะไร ? ทำไมต้องฉลอง ?
การฉลองเจดีย์ ก็คือ การจัดพิธีบุญที่มักทำเพื่อฉลองหลังการสร้างหรือปฏิสังขรณ์เจดีย์เสร็จสมบูรณ์ เพราะการสร้างเจดีย์หรือปฏิสังขรณ์เจดีย์ส่วนใหญ่ต้องลงทุน ลงแรง ลงทรัพย์ และใช้เวลาสร้างยาวนานหลายวัน หลายเดือน หรือหลายปีกว่าจะเสร็จ ซึ่งบางเจดีย์กว่าจะเสร็จก็เหนื่อยยากลำบากกันมาก
ด้วยเหตุนี้ หลังสร้างหรือปฏิสังขรณ์เสร็จ ผู้มีส่วนในบุญจึงอยากฉลองความสำเร็จในการทำสิ่งที่ยากให้ลุล่วงไปได้ ด้วยการจัดพิธีบุญเพื่อฉลองความสำเร็จของเจดีย์ เพื่อให้ผู้สร้างและสาธุชนได้นึกถึงบุญจากการสร้างหรือปฏิสังขรณ์เจดีย์ และเกิดความปลื้มปีติ
อีกทั้งการฉลองเจดีย์ยังเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า มีเจดีย์ที่สำคัญเกิดขึ้นอีกแห่งบนโลกใบนี้ หรือได้ทำการปฏิสังขรณ์เจดีย์เสร็จแล้ว เพื่อให้สาธุชนมากราบไหว้สักการบูชาในอนาคตสืบไป
ตัวอย่างเช่น การสมโภชฉลองพระสถูปเจดีย์ของพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งพระองค์ทำการสมโภชเป็นเวลานานถึง ๗ ปี ๗ เดือน และ ๗ วัน เลยทีเดียว เพราะกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชจะสร้างเจดีย์ที่มากถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ เสร็จทั่วชมพูทวีปนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ปัจจุบันการฉลองเจดีย์ได้ทำกันมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งจะมีการทำบุญต่าง ๆ ในวันฉลอง เช่น สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม จัดบวช ฯลฯ
การสร้างเจดีย์มีอานิสงส์มากขนาดไหน ? มียืนยันในพระไตรปิฎกไหม ?
การสร้างเจดีย์มีอานิสงส์มากมายมหาศาล ซึ่งอานิสงส์ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกแต่ละเรื่องล้วนน่าอัศจรรย์มาก แต่ในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างที่น่าทึ่งเพียงเรื่องหนึ่ง ที่ค้นเจอในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒-พุทธวังสะ-จริยาปิฎกปุฬินถูปิยเถราปทาน ประวัติในอดีตชาติของพระปุฬินถูปิยเถระ ซึ่งมีเรื่องย่อว่า...
ในอดีตกาลมีชฎิลที่ชื่อ นารทะ ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ที่เขายมกะ ชฎิลท่านนี้มีลูกศิษย์และเหล่าบริวารมากถึง ๑๔,๐๐๐ คน แต่อยู่มาวันหนึ่งด้วยความที่ชฎิลมีบุญบารมีแก่กล้า บุญในตัวจึงบันดาลให้ท่านคิดสอนตนเองว่า แม้ตัวท่านจะเป็นที่พึ่งที่เคารพให้คนได้มากขนาดนี้ แต่ทำไมตัวท่านเองกลับไม่มีที่พึ่ง ไม่มีใครเป็นครูบาอาจารย์คอยว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ท่านรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่ป่าในสภาพเช่นนี้ไปวัน ๆ นั้นไร้ประโยชน์ ท่านจึงตัดสินใจหลีกเร้นออกไปยังแม่น้ำสายหนึ่งที่มีชื่อว่า อมริกา ซึ่งบริเวณแม่น้ำแห่งนี้เป็นสถานที่สงบ รื่นรมย์ และเต็มไปด้วยหาดทรายที่ขาวสะอาด ท่านตะล่อมเอาทรายมาก่อเป็นเจดีย์โดยนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นก็ได้สร้างพระสถูปทองคำไว้ที่หาดทรายนั้น แล้วเอาดอกกระดิ่งทอง ๓,๐๐๐ ดอก มาน้อมบูชานึกถึงพระพุทธคุณด้วยจิตที่เลื่อมใสอย่างสุดประมาณ และนับจากนั้นชฎิลก็ได้กราบไหว้เจดีย์นี้ทุกเช้าเย็น ทำจิตให้เลื่อมใสประดุจได้ถวายบังคมเฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อชฎิลยิ่งทำเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ท่านปีติ มีความสุข อิ่มเอม เกิดความปลื้มเป็นล้นพ้น และคราใดที่ชฎิลมีความตรึกในกาม ท่านก็รีบเพ่งดูสถูปเจดีย์ที่ก่อไว้ เพื่อระงับกิเลสและตักเตือนสั่งสอนตนเองให้ระวังกิเลสนั้น
ท่านทำอย่างนี้เป็นอาจิณกรรมตลอดชีวิต จนกระทั่งละจากโลกนี้ไป และด้วยอานิสงส์นี้ได้ส่งผลให้ท่านไปเกิดยังพรหมโลก สิ้นอายุขัยแล้วได้มาเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นจอมเทพ ได้ครองเทวสมบัติตลอด ๘๐ ชาติ จากนั้นได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๐๐ ชาติ ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน และด้วยอานิสงส์ที่ได้บูชาเจดีย์ด้วยดอกกระดิ่งทองนี้เอง บุญจึงส่งผลให้ท่านแวดล้อมไปด้วยดอกกระดิ่งทองอันสวยสดงดงาม จำนวน ๒๒,๐๐๐ ดอก ไปทุกภพทุกชาติ และด้วยอานิสงส์ที่ได้บำรุงดูแลพระเจดีย์ด้วยจิตเลื่อมใส จึงทำให้ท่านมีผิวกายละเอียดประณีตถึงขนาดฝุ่นละอองที่พัดมาโดนก็ไม่ติดผิวกาย อีกทั้งเหงื่อไคลยังไม่ไหลเลอะเทอะ และมีรัศมีแผ่ซ่านออกไป
เมื่อถึงภพชาติสุดท้าย บุญนี้ส่งผลให้ท่านได้เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลอันมั่งคั่งในพระนครสาวัตถี มารดาบิดาเป็นผู้มีศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก จึงมีอัธยาศัยชอบฟังธรรม ประพฤติธรรมอยู่เป็นประจำ ท่านทั้งสองได้สร้างพระสถูปทอง และนมัสการประดุจอยู่ต่อหน้าเฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกเช้าเย็น ในทุกวันพระท่านทั้งสองจะนำพระสถูปทองออกมาตั้งบูชา และสวดมนต์สรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอด ๓ ยาม
ส่วนท่านผู้เป็นบุตรมีโอกาสเห็นพระสถูปทองอยู่เสมอ จึงทำให้ท่านระลึกถึงเจดีย์ทรายที่เคยทำไว้ในชาติก่อน ๆ ได้ และนึกอยากบวช ท่านจึงขอออกบรรพชาเป็นสามเณรในสำนักของพระสารีบุตร และได้บรรลุอรหัตผลตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า สามเณรบรรลุอรหัตผลแล้ว จึงมีพุทธานุญาตให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุทันที
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒๒๐ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
- ฉบับที่ ๒๑๗ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔
- ฉบับที่ ๒๑๘ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔
- ฉบับที่ ๒๑๙ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
- ฉบับที่ ๒๒๐ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
- ฉบับที่ ๒๒๑ ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
- ฉบับที่ ๒๒๒ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔
ไม่มีความคิดเห็น: