อยากตะโกนบอกคน “ป่วย” และคนยัง “ไม่รวย” ทั่วโลกทุกคน

คุณวันเพ็ญ มณีเวศย์วโรดม เจ้าของกิจการจิวเวลรี่ K&N GEMS

เธอคนนี้...เคยแอนตี้วัด

ถึงขั้นบุกมาดูว่า วัดเอาเงินไปทำอะไรตั้งมากมาย

ต่อมาเธอป่วยหนัก

จึงคิดว่า..จะทำอย่างไรกับวาระสุดท้ายของชีวิตดี

แต่เชื่อไหม..เธอรอดตาย หายป่วย 
และกลับมารวยแบบพุ่งปรี๊ด !!!
--------------------------------------------------

วันเพ็ญ มณีเวศย์วโรดม เจ้าของกิจการจิวเวลรี่ K&N GEMS จ.จันทบุรี

“เคยบุกมาวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เพราะไม่เข้าใจว่าวัดเอาเงินไปทำอะไรตั้งมากมาย เนื่องจากมีคนชวนทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวตั้ง 20,000 บาท อีกทั้งยังมีแต่ข่าวโจมตีวัดสารพัด ก็เลยตัดสินใจมาดูพิสูจน์ให้เห็นไปเลยว่า..วัดเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งพอมาถึง ก็เห็นคนจำนวนมากนั่งสมาธิกันอย่างสงบเต็มสภาธรรมกายสากล เห็นห้องน้ำเป็นพัน ๆ ห้อง มีข้าว มีน้ำแจกให้กินฟรี มีนักศึกษามายืนไหว้ต้อนรับ แถมมารับลูกเราไปเลี้ยงแทนให้ในช่วงที่เราไปร่วมกิจกรรมนั่งสมาธิ พอเราเห็นแบบนี้ ด้วยความที่เราเป็นนักธุรกิจ ต้องหมุนเงินลงทุนบวกลบกลบหนี้ตลอดเวลา เราจึงคำนวณออกว่า..แจกข้าวให้คนกินฟรีเยอะขนาดนี้ วัดต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไร สร้างห้องน้ำเยอะขนาดนี้ ต้องใช้เงินขนาดไหน อีกทั้งการทำให้วัยรุ่นนักศึกษายอมมาบำเพ็ญประโยชน์ที่วัด โดยไม่ไปเตร็ดเตร่เที่ยวห้าง มั่วสุม ติดเกม วัดนี้..มีวิธีการสอนได้อย่างไร ซึ่งพอได้เห็นอย่างนี้ น้ำตามันไหลออกมาเลย รู้สึกผิดที่เข้าใจวัดผิด เพราะหลงเชื่อข่าว จึงบอกกับตัวเองตอนนั้นว่า เราน่ะ..บาปมาก ที่หลวงพ่อสอนไม่ให้คนทำชั่ว และสร้างวัดก็ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เรายังไปคิดไม่ดีกับท่าน ตัวเราซะอีก ที่เกิดมาก็ไม่เคยช่วยใครเลย

หลังจากเราหายสงสัยเรื่องวัดแล้ว วัน ๆ ก็วุ่นวายกับการทำมาหากิน  แต่นับวันก็ยิ่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องหาเงินไปใช้หนี้ที่โอดีเงินธนาคารมาหลายล้านบาท  คือ ทำงานแบบไม่มีเวลากินเวลานอน โหมเอาชีวิตแลกกับเงินจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2549 อยู่ ๆ ก็มีอาการตัวซีดเหลือง กินไม่ได้ น้ำหนักลดฮวบฮาบ ต่อมน้ำเหลืองโต ไม่มีเรี่ยวมีแรงเลย จนหมอสรุปว่าน่าจะเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง!!!

ตอนนั้นเราเสียใจมาก เพราะทำใจไม่ได้เลย ที่อยู่ ๆ จะต้องตาย จนสุดท้าย...มานั่งคิดว่า วาระสุดท้ายของชีวิต คือ อีก 6 เดือนที่เหลืออยู่เราจะทำอะไรดี ซึ่งก็ได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า..กิจการที่ทำไว้ ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง อีกทั้งยังไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่เพื่อช่วยคนในครอบครัวได้อีกต่อไป  ดังนั้นเราคงต้องเอาบุญติดตัวไปในภพเบื้องหน้าก่อนตายดีกว่า จากนั้นจึงตัดใจทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ไปนั่งสมาธิกับพี่สาวที่สวนพนาวัฒน์ จ.เชียงใหม่

พอนั่งสมาธิก็มีโอกาสสงบจิตสงบใจ และเปลี่ยนชีวิตใหม่ คือ ทำแต่บุญ รักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ เลิกเครียด ปล่อยวางทุกอย่าง ซึ่งหมอที่พนาวัฒน์ ก็สอนให้เราปรับเรื่องการกิน การนอน เวลาของชีวิตใหม่ทั้งหมด จนเราได้คิดว่า..ถ้าเราทำตัวเหมือนอย่างพระ คือ กิจวัตร กิจกรรม เหมือนผู้ทรงศีล สุขภาพเราก็จะน่าดีขึ้นทั้งกาย ทั้งใจ

หลังจากกลับมาจากนั่งสมาธิเสร็จ เราก็เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นคนละคนเลย จนเวลาผ่านไปหลายเดือน ก็สัมผัสได้ว่า ตั้งแต่หันมาอยู่ในบุญ และเปลี่ยนตัวเองใหม่ เราเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้น และพอไปหาหมอตรวจตามปกติ  หมอก็บอกว่า เราไม่มีเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในร่างกายแล้ว เราหายแล้ว ซึ่งตอนนั้นรู้สึกอัศจรรย์มาก รู้สึกเหลือเชื่อเหลือเกิน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่อย่างไรบอกไม่ถูก !!! 

นับจากนั้น ก็รู้สึกว่าเรารอดตาย เพราะวัดพระธรรมกาย คือ บุญช่วยไว้จริง ๆ

แม้เราหายป่วยก็จริง แต่กิจการก็ยังคงย่ำแย่ แต่ถึงอย่างไรเราก็จะไม่เลือกกลับไปโหมทุ่มทำงานจนเกือบตายอย่างเก่าอีกเด็ดขาด จึงคิดว่า เราน่าจะหาทางรวยจากทางอื่นบ้าง จึงตัดสินใจมาเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน โดยไปติดต่อเอาที่ดินที่โดนยึดจากธนาคารมาขาย ซึ่งขายได้ถึง 17 ล้านบาท แต่ก็ได้ค่านายหน้าแค่ 170,000 บาท เท่านั้น เหมือนแทบไม่ได้อะไรเลย เมื่อเทียบกับคนที่ซื้อที่ดินต่อจากเราไป เพราะเขาเอาไปขายได้ถึง 48 ล้านบาท จนได้กำไรมากกว่าเราหลายเท่าตัว คือ 10 กว่าล้านบาท จนเราอึ้งหันมานั่งมองหน้ากันกับสามี แล้วอุทานขึ้นพร้อมกันว่า “ช่างมันเถอะ..บุญเราไม่ถึง”

ด้วยเหตุนี้ เราจึงคิดว่า..ในเมื่อบุญเราไม่ถึง ก็ต้องหมั่นเติมบุญให้ถึง โดยการไปนั่งสมาธิที่พนาวัฒน์ถี่ ๆ และก็ตัดสินใจสร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการตัดสินใจเป็นประธานกองกฐินระดับ M ในปี พ.ศ. 2555 ทั้ง ๆ ที่เรามีเงินไม่ถึง แต่ลึก ๆ เราอยากทำบุญนี้มาก จึงตั้งจิตอธิษฐานขอกับหลวงปู่วัดปากน้ำว่า..ให้ลูกได้ทรัพย์อัศจรรย์ โดยไม่เกี่ยวกับเงินกิจการจิวเวลรี่ ซึ่งอยู่ดี ๆ พี่สาวก็มายกที่ดินให้ ทำให้เราเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินมาได้  1 M และที่น่าอัศจรรย์ไปกว่านั้น เราขายพลอยได้แบบเหลือเชื่ออีก 1 M จึงมีเงินทำบุญเป็นประธานกองกฐินครั้งแรกของชีวิตที่ 2 M แบบอัศจรรย์ ซึ่งเราปลื้มมาก ปลื้มจนน้ำหูน้ำตาไหล ดีใจที่คนอย่างเราสามารถทำบุญได้เยอะขนาดนี้ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำจำนวนมากเท่านี้มาก่อน

หลังจากเป็นประธานกองกฐินเสร็จ ไม่นานธุรกิจของเราก็ได้รับรางวัลในระดับประเทศ คือ เป็นผู้ส่งออกและบริการยอดเยี่ยม ได้รับโล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี ทำให้เรามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมา ซึ่งรางวัลที่เราได้รับนี้เอง ส่งผลให้กิจการพลิกฟื้นดีขึ้นเลย เพราะหลังจากนั้น มีแต่ตลาดต่างประเทศติดต่อเชิญให้เราไปแสดงสินค้า อีกทั้งที่ไหน ๆ ก็เชิญให้ไปออกงาน แถมมีนิตยสาร CUSTOMS IMPORT-EXPORT มาเอาเรื่องราวของเราไปลงให้ฟรี ๆ อีก และที่โชคดีไปกว่านั้น คือ ร้านของเราก็สามารถเอาเข้าห้างเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลภูเก็ตได้อย่างอัศจรรย์

โล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี

หลังจากที่เป็นประธานกองกฐินไปนี้เอง โชคดีเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะอยู่ ๆ ก็มีร้านขายของฝากที่พัทยาติดต่อมาว่า เขายกที่ให้เราฟรี ๆ 3 ห้อง เพื่อให้ไปเปิดร้าน โดยไม่เสียค่าเช่าเลยสักบาท ทำให้เราตะลึงมาก เพราะกว่าจะได้ร้านที่ทำเลดี เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

นอกจากธุรกิจเราจะกระเตื้องขึ้นอย่างแตกต่างแล้ว ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับครอบครัว เพราะลูกชายยอมไปบวชให้พ่อให้แม่ ทำให้ทุกคนในครอบครัวปลื้มกันอย่างสุดประมาณ

จากการที่ได้ตัดสินใจเป็นประธานกองกฐิน 2 M แรกของชีวิตนี่เอง ธุรกิจเราพลิกฟื้นแบบกลับตาลปัด จนมีเงินเข้ามาจากหลายทิศทางรวมแล้วหลายสิบล้านบาท จนเรารู้สึกติดใจ และสรุปกับตัวเองว่าอยากรวยเท่าไร ก็ทำเลยเท่านั้น  คือ ถ้าอยากมีเงินเป็นพัน ๆ ล้าน จะมาทำบุญทำทานนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะทำให้ดวงบุญเราโตช้า ไม่มีบุญพอรองรับสมบัติก้อนใหญ่ ๆ ดังนั้นในปีต่อมาจึงตัดสินใจเป็นประธานกองกฐินแบบสุดกำลังรวมแล้ว 4.5 M จนเราปลื้มน้ำตาไหลอีก

พอทำบุญเป็นประธานกองกฐินเสร็จ เราก็กะจะเอาจิวเวลรี่ ไปขายให้กับเจ้าของร้านแม่วรรณาของฝากที่ จ.จันทบุรี แต่ปรากฏว่า เจ้าของร้านบอกว่าจะยกร้านให้เราฟรี ๆ 1 ตึก กับหน้าร้านอีก 1 ที่ โดยให้เราช่วยเอาสินค้ามาวางขายให้หน่อย ซึ่งตอนนั้น..เรางงมากเลย เพราะไม่ได้รู้จักอะไรกันมาก่อน แต่อยู่ ๆ จะมายกร้านใหญ่โตให้มาขายฟรี ๆ แบบนี้  ซึ่งพอเราไปวางขายจริง ๆ ก็มีทัวร์มาลงครั้งละหลายสิบคันต่อวัน ทำให้เราขายจิวเวลรี่ได้ดีมาก จนมีรายการ ฟู้ด ฟัน แฟร์ ฮอลิเดย์ ของช่อง MCOT (ช่อง 9) มาถ่ายทำที่ร้านเราไปออกอากาศ จนร้านเราเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก

ที่เหนือความคาดหมายไปกว่านั้น ช่วงนั้น...เรามีรายได้เข้ามามากจนมีเงินมาซื้อที่ดิน 22 ไร่ มูลค่า 20 กว่าล้านบาท ใน จ.จันทบุรี และตั้งแต่ประเทศไทยเปิดเป็น AEC ที่ดินตรงจุดนี้ได้กลายเป็นทำเลทองของจังหวัด ทำให้มูลค่าที่ดินที่เรามีนี้ พุ่งสูงไปเกือบ 100 ล้านบาท

จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงขาลง เพราะสภาวะการเมืองบ้านเราวุ่นวาย ทำให้ฝรั่งไม่เข้าประเทศ อีกทั้งจิวเวลรี่ ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ก็ขายได้ยากมาก จนมีบริษัทจิวเวลรี่บางรายถึงกลับไม่กล้ามาออกบูทที่เมืองทองธานีเลย เพราะคิดว่า..ออกไปก็ไม่คุ้มกับค่าเช่าที่ และความปลอดภัยในทรัพย์สิน อีกทั้งยังเสี่ยงกับการขายไม่ออก เพราะฝรั่งไม่มา แต่เราก็กัดฟันเสี่ยงไปออกบูท โดยทำใจไประดับหนึ่งแล้วว่า ช่วงนี้ใคร ๆ เขาก็ขายไม่ได้กันเป็นปกติ  แต่พอไปออกบูทจริง ๆ เหมือนปาฏิหาริย์เกิดขึ้น คือ มีแต่คนมารุมซื้อที่บูทเราอย่างกับแจกฟรี แถมมาซื้อเหมาจนของเราขายหมดแบบไม่เหลือ ทำให้เราได้เงินเกือบ 15 ล้านบาทภายใน 5 วันเท่านั้น !!!

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเดือน มิถุนายน ก็ได้มีโอกาสไปออกบูทที่ฮ่องกง ซึ่งมีระยะเวลาจัดงานทั้งหมด 4 วัน ซึ่งอยู่ ๆ ก็มีฝรั่งมาเหมาของเราเกือบหมดตั้งแต่วันแรก ทั้ง ๆ ที่ของยังจัดขึ้นโชว์ไม่เสร็จ โดยที่เขากวาดซื้อไปเป็นมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท !!!

ตอนนี้เราเชื่อในอานุภาพบุญกฐินเหลือเกิน เชื่อแบบมาก ๆ เพราะชีวิตครอบครัวดีขึ้นทุกด้าน ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ แต่เรากลับสวนกระแสเลย แถมคนในครอบครัวพอหันเข้ามาทางธรรมก็ใจเย็น มีความเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น การบริหารธุรกิจก็ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ แถมพนักงานก็หันมานั่งสมาธิสวดมนต์กัน เพราะที่โรงงานได้มีการจัดปฏิบัติธรรมกันทุกวันพฤหัสบดีมาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว ทำให้ใจเขามีคุณภาพขึ้นอีก จนทำเครื่องประดับของเราออกมาละเอียดและอ่อนช้อยสวยกว่าเดิมมาก ๆ ซึ่งเราก็ให้ขวัญกำลังใจพนักงานโดยการแจกโบนัสทุก 4 เดือน ทำให้ทุกคนมีความสุข เข้าใจในบุญ ตั้งใจทำงาน โดยที่เราไม่หนักใจเลย

สุดท้ายนี้...ก็อยากชวนทุกคนมาปิดกองและเป็นประธานกองกฐินกันนะคะ เพื่อบุญจะได้ส่งผลเกินควรเกินคาดไปด้วยกัน...แล้วคุณล่ะ พร้อมพลิกชีวิตด้วยบุญกฐินรึยังคะ ???

Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ