เซียนเปลี่ยนใจ



คุณธรรมรัตน์ เก่งธัญกิจ

ปัจจุบันสังคมไทยเป็นสังคมที่เร่งรีบโดยเฉพาะในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาค่าครองชีพ ที่เพิ่มขึ้น ปัญหาข้าวยากหมากแพง ภาวะ IMF ที่เกิดขึ้น ทําให้หน่วยที่เล็กที่สุดของสังคมคือครอบครัว จำเป็นต้องปรับตัวไปตามสภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป พ่อหัวหน้าครอบครัว ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้เดียวที่หาเลี้ยงครอบครัวนั้น ไม่พอเสียแล้ว “แม่” จึงจําเป็นต้องออกไปทํางานอีก เพื่อประคับประคองรายได้เพื่อให้ลูกๆ ได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ต่อไป เมื่อหัวหน้าครอบครัวทั้งสอง ต้องออกทำงานแต่เช้ากว่าจะกลับก็ค่ำ เวลาในการอบรมสั่งสอนลูกน้อยๆ ผู้ที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไปนั้น คงจะหาได้ยากเต็มที...

นี่คือปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ลูกๆ ขาดความรัก ขาดความอบอุ่น ขาดคนที่เข้าใจ เด็กเหล่านี้จึงคบเพื่อน หากคบเพื่อนดีก็โชคดีไป ในทางตรงข้ามถ้าคบเพื่อไม่ดี อะไรจะเกิดขึ้น... ดังเช่นกรณีของป๊อป

นายธรรมรัตน์ เก่งธัญกิจ หรือป๊อป เป็นลูกคนเดียวของคุณทิพยรัตน์ เก่งธัญกิจ อยู่บ้านเลขที่ 1562/60 หมู่บ้าน พิบูลย์ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 เขตบางชื่อ จังหวัดกรุงเทพฯ คุณแม่ป๊อปประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวที่จังหวัดขอนแก่น จึงต้องเดินทางขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างกรุงเทพฯ - ขอนแก่น เป็นประจํา คุณพ่อป๊อปทํางานที่รัฐวิสาหกิจ แห่งหนึ่ง

ป๊อปเล่าว่า ตั้งแต่จําความได้ ป๊อปอยู่กับคุณย่าที่จังหวัดอุทัยธานี เนื่องจากพ่อแม่ต้องทํางาน ไม่มีเวลาเลี้ยงดู นานๆ จึงจะมาเยี่ยมสักครั้งหนึ่ง ตอนเด็กๆ ป๊อปไม่ได้ขาดความอบอุ่นครับ ย่าให้ความอบอุ่นพอ ย่าจะบอกเสมอว่า พ่อแม่เค้าไปทํางานนะ หาเงินมาเลี้ยงเรา

"ป๊อป" เมื่อสมัยยังไม่เข้าวัดปฏิบัติธรรม ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา

ชีวิตของป๊อปได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อย่างเข้าวัยรุ่น  อายุประมาณ 15 ปี คุณย่าได้ป่วยและเสียชีวิตลง ทำให้ป๊อปต้องอยู่คนเดียวที่บ้าน บ้านที่คุณย่าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ความเหงาเริ่มเข้ามาแทนที่ ป๊อปก็เริ่มหาเพื่อนแก้เหงา เริ่มคบเพื่อนมากขึ้น โดยเริ่มจากเพื่อนใกล้บ้าน เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาไว้ใจและเชื่อใจ จะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ครั้งแรกๆ ก็ทำกิจกรรม คือ เล่นดนตรี ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยกัน ต่อมาน้องป๊อปเริ่มเข้าหาอบายมุข เริ่มสูบบุหรี่ กินเหล้า เมื่อสนิทกับเพื่อนมากขึ้น เค้าก็มาขอยืมเงิน “ในตอนนั้นพ่อแม่และป้าจะมาหาทุกอาทิตย์ ให้เงินไว้ใช้จ่าย เพื่อนรุ่นพี่เห็นเรามีเงินใช้จ่าย ก็ขอยืมก่อน ทีแรกเราก็ใจกว้างจึงให้เขาไป โดยที่ไม่ได้ถามว่าเขาเอาไปทำอะไร พอยืมเงินบ่อยๆ เข้า และไม่ค่อยคืน เราก็ไม่ค่อยจะพอใช้ ถึงถามไปว่า เอาไปทำอะไร เขาก็บอกว่าเอาไปซื้อ “ของ”


“ของ” สิ่งนั้นคืออะไรในขณะนั้นป๊อปก็ยังไม่ทราบ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้มาซ้อมดนตรีเป็นปกติที่บ้านเพื่อน จึงเห็นภาพคน 3-4 คน กำลังล้อมวงเสพย์ยากัน ป๊อปบอกว่า “เห็นครั้งแรก เขาก็ชวนเรา บอกว่าดีนะ เล่นไหม ตอนนั้นคิดในใจว่า มันเป็นสิ่งไม่ดี ครูเคยสอนมา เราตั้งใจว่าจะไม่เสพย์ยา เราไม่เล่นกับเขาหรอก” แต่ป๊อปก็ยังคงแวะเวียนไปซ้อมดนตรีที่บ้านเพื่อนบ่อยๆ จึงอยากลองและได้รู้จักกับ “ยาบ้า” เป็นครั้งแรกที่นั่น “มันเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกัน 3-4 คน คนหนึ่งเตรียมอุปกรณ์ (กระดาษฟอยล์จากซองบุหรี่) คนนึงไปซื้อ “ของ” จาก “ที่ปล่อยของ” เขาจะรู้กันว่าที่ไหน อีก 2 คนก็รอ ตอนรอนี่เขาจะเกิดอาการ “เสี้ยนยา” กระวนกระวายมาก เมื่อได้มาก็ล้อมวงกันเสพย์ ป๊อปเสพย์ไปครั้งแรก ก็เกิดปฏิกิริยาต่อร่างกายทันที “เสพย์ไปครั้งแรก ผมนอนไม่หลับเลย รู้สึกทรมาน ต้องกลืนน้ำลายตลอด มันบังคับให้ต้องมีอะไรทำ มันออกฤทธิ์ทําให้ปากแข็ง และรู้สึกหิวแต่กินอะไรไม่ได้เลย ผมเสพย์เรื่อยมาซะจนผิวซูบซีดแก้มตอบ ท้องซูบเข้าไปเลย และถ้าเสพย์เยอะๆ มันจะเกิดภาพหลอน

ถึงแม้จะรู้ถึงผลร้ายที่เกิดขึ้นแก่ร่างกาย แต่เพราะป๋อป ต้องการเพื่อน เพื่อนทําให้ชีวิตของเขาไม่วัาเหว่ เขายังคงไปหาเพื่อนกลุ่มนี้ และเริ่มติดใจมัน เขาเล่าว่า ตอนนั้น ผมเริ่มติดใจ สนุกดี ได้เสพย์กับเพื่อนหลายๆ คนแต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงได้ตกเป็นทาสของมัน “มหันตภัยของสังคม” เขาเล่าต่อว่า “พ่อแม่ให้เงินไว้เป็นก้อนจึงทําให้ผมมีเงิน และสามารถซื้อมันมาเสพย์ได้ทุกวัน สุดท้ายผมเลยติด กระนั้นพ่อและแม่ก็ยังไม่รู้สักนิดว่า เกิดอะไรขึ้นกับลูกของตน “ถ้าให้ผมดูตัวเองในอดีตนะ ผมว่าอย่างกับไม่ใช่มนุษย์เลย มันเป็นชีวิตที่ไร้คุณค่ามาก เพราะผมจะทําทุกอย่างที่จะได้เสพย์ยา เขากล่าวถึงตัวเองให้ฟัง

หลังจากคุณย่าเสียชีวิตได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง  ป๊อปได้ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ แม้จะย้ายมาอยู่กับพ่อแม่แล้วก็ตาม ป็อปก็ยังคงมีนิสัยเกเร โดดเรียนไปเล่นสนุ๊กเกอร์ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ยกพวกตีกันกับเด็กโรงเรียนอื่น ไม่ยอมกลับบ้าน จนกระทั่งเป็นเหตุให้เป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ และเกือบจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน ที่สําคัญ เขายังคงติด  “มัน อยู่ ผมมีความคิดจะเลิกตลอดเวลา ทุกคนอยากเลิก แต่เลิกไม่ได้  ป๊อปกล่าว

การปฏิบัติธรรม และบ้านกัลยาณมิตร ให้กำเนิด "ป๊อป" คนใหม่

พฤติกรรมเขาเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่คุณแม่ผู้เป็นกัลยาณมิตรคนแรกของเขา ได้เปิดบ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมชื่อ ทวีรัตนะ  เมื่อกลางปี พ.ศ.2540  ป๊อปกล่าวว่า แรกๆ ก็แปลกใจว่า เขาทําอะไรกัน ผมยังไม่ลงไปช่วย จะขึ้นไปนอน ตอนหลังก็แอบมานั่งฟังพระอาจารย์เทศน์ตรงบันได ก็จะชอบมาก ตอนแรกยังไม่กล้าไปสวดมนต์กับเขาด้วย เพราะเขินแต่ต่อมาเริ่มคุ้นกับพระ อาจารย์และเพื่อนของแม่ที่มาปฏิบัติธรรมร่วมกัน จากจุดนี้จึงทําให้ป๊อปได้เริ่มปฏิบัติธรรม ทําสมาธิที่บ้านของตน ป๊อปกล่าวว่า “เกิดมาก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าความสุขจากใจสงบมีด้วยหรือ แต่ถึงวันนี้ป๊อปบอกว่าเขาได้รู้แล้ว ว่าสุขจากความสงบนั้นเป็นอย่างไร จากการที่คุณแม่เปิดบ้านเป็นบ้านกัลยาณมิตรในตอนนั้น ทําให้ป๊อปได้นั่งสมาธิ และทําให้ป๊อปได้คิดหลายๆ อย่าง ที่ตนเองได้เคยทําพลาดไป ในช่วงนี้ป๊อปจึงค่อยๆ ลด ละ และเลิกมันได้ในที่สุด

เมื่อที่บ้านเป็นบ้านปฏิบัติธรรม จึงทําให้รู้จักวัดพระธรรมกาย และก็ได้มาพร้อมกับคุณแม่และเพื่อนคุณแม่ที่มาปฏิบัติธรรมที่บ้าน  เมื่อมาครั้งแรก เห็นคน แต่งชุดขาวๆ มาวัดนี้เหมือนกับมาอีกเมืองหนึ่ง ประเทศหนึ่งเลย ที่มีแต่ความบริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจาและใจ ผม ชอบมากครับ จากความประทับใจในครั้งนั้น ป๊อปจึงให้โอกาสตัวเองในการทําความดี และมาวัดบ่อยขึ้น

ในช่วงวันมาฆบูชา 2541 เขาจึงตัดสินใจบวช สามเณรแก้ว “เมื่อทราบข่าว ทีแรกอยากได้บุญ อยากปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาแค่ 9 วันเอง และภายหลังจากการบวชสามเณรแก้วครั้งนั้นทําให้ป๊อป เลิกสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยพลั้งพลาดมาได้ทุกอย่าง และช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่ผ่านมา ป๊อปจึงได้มาอบรมมัชฌิมธรรมทายาทเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ผมได้ อะไรมากมายจากการบวชมัชฌิมธรรมทายาทมาก ได้ฝึกฝนอบรมตัวเองให้เป็นคนมีระเบียบ ฝึกความอดทน ฝึกความเสียสละรักการให้ ภายหลังจากการอบรม ป๊อปรักษาศีล สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน และมาวัดในวันอาทิตย์ไม่เคยขาด ป๊อปกล่าวว่า ป๊อปมีความสุขจากการมาวัด และมีความสุขจากการนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นความสุขที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

เมื่อป๊อปทราบข่าว การเปิดบ้านกัลยาณมิตร เขาคิดถึงเพื่อนๆของเขาทันที อยากได้บุญจากการเป็นกัลยาณมิตร และอยากให้เพื่อนๆ ได้เป็นคนดีมีความสุขอย่างเขาบ้าง จึงขอเปิดบ้านกัลยาณมิตรที่เดียวกับคุณแม่ แต่คนละวันกัน บ้านกัลยาณมิตรของป๊อปจะเปิดทุกวันเสาร์ เวลา 16.30-17.30 น. โดยป๊อปหาสมาชิกมาเอง ทีแรกเพื่อนบางคนไม่เชื่อเลยว่าเขาเป็น คนดี “ป๊อปถือศีลให้เขาดูเป็นตัวอย่าง เมื่อก่อนสูบบุหรี่ ป๊อปจะสูบให้เขาเห็นในโรงเรียนเลย เดี๋ยวนี้จะไม่เห็น ป๊อปเคยมาโรงเรียนสาย โดดเรียนบ่อย แต่เดี่ยวนี้ไม่ทําอย่างนั้นแล้ว ป๊อปกล่าวถึงการเปิดบ้านกัลยาณมิตรในครั้งแรกว่า “ครั้งแรกชวนเพื่อนมาได้หลายคน รับปากว่าจะมาเกือบ 10 คน พอถึงวันจริงๆ เราก็โทรศัพท์ไปตามเพื่อนๆ ที่บ้าน ปรากฏว่าบางคนไม่อยู่ ออกไปข้างนอก พอโทรศัพท์ตามไปตามมา ปรากฏว่ามาเพียงคนเดียว การเปิดบ้านกัลยาณมิตรของน้องป๊อปในครั้งที่ 2 ก็ยังคงดําเนินต่อไป เขาไม่ละความพยายาม มีเพื่อนมา 3-4 คน เขาจะบอกเพื่อนๆ ว่า นี่วันเสาร์ มาพักผ่อนกันดีกว่า มาทําความดี มานั่งสมาธิกัน มีอะไรดีๆ  ในการทําสมาธิเยอะ ลองมาพิสูจน์ดูสิ” บางที่เขาก็จะเล่าชาดกที่ได้อ่านหรือได้ฟังมาให้เพื่อนๆ ฟัง “ชาดกจะสนุก เพื่อนๆ จะชอบฟังครับ” เขากล่าว กระทั่งครั้งล่าสุดมีสมาชิกมานั่งธรรมะ 10 กว่าคน ทั้งหญิงและชาย

ศูนย์ปฏิบัติธรรม "ทวีรัตนะ" บ้านกัลยาณมิตรของน้องป๊อป


เพื่อนป๊อปคนหนึ่งชื่อ ปฐมพร หรือ โตส กล่าวว่า “หลังจากนั่งธรรมะแล้ว ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง และยังบอกอีกว่า”ป๊อปใจเย็นและนิสัยดีขึ้นซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก อีกคนคือ น้องนิคม หรือโก๋ กล่าวว่า หลังจากนั่งธรรมะ โก๋มีสมาธิขึ้น จิตใจไม่วอกแวก และกล่าวถึงป๊อปว่า ผมก็ไม่รู้เขาปรับปรุงตัวได้อย่างไร แปลกใจครับ แต่หลังๆ ที่เขาไปอบรมจากที่วัดพระธรรมกายมา เขาปรับปรุงตัวขึ้นมากจนทุกคนคาดไม่ถึง และชอบชวนเพื่อนๆ มานั่งธรรมะโดยเฉพาะคนที่เกเร ซึ่งทุก คนก็รู้สึกแปลกไปตามๆ กัน

ตอนนี้ป๊อปอายุ 18 ปี เป็นนักเรียนสายวิทย์-คณิต ชั้น ม.5 การเปิดบ้านกัลยาณมิตรของเขาเองนั้น เป็นป๊อปคนใหม่ที่สอนตัวเองได้ เชื่อฟังพ่อแม่ ว่านอนสอนง่าย ช่วยงานบ้าน ล้างจาน หุงข้าว เช็ดบ้านปัดกวาด มีความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อคุณแม่ไม่อยู่ก็จะทําหน้าที่แทน  เช่น ป๊อปจะใส่บาตรแทนคุณแม่ในตอนเช้า ป๊อปกล่าวว่า “เพราะบ้านเราเปิดบ้านกัลยาณมิตรแล้วครับ ก็ต้องใส่บาตรเป็นประจํา เมื่อก่อนป็อปตื่นสายไปเรียนไม่ทัน ทั้งๆ ที่โรงเรียนอยู่ห่างจากบ้านแค่ 2 ป้ายรถเมล์ แต่เดี๋ยวนี้ ป๊อป ไปเรียนแต่เช้าทันเวลาทุกวัน หลังเลิกเรียนป๊อปก็ไม่ไปเที่ยว ไม่เก ไม่กลับดึก เถลไถลอย่างเมื่อก่อน พอเลิกเรียน ป๊อปก็จะกลับบ้านเลย และยังถือศีล เดี๋ยวนี้ป๊อปถือศีล 5  ประจํา บางครั้งถือศีล 8 “ป๊อปชอบการปฏิบัติธรรม ทําให้ป๊อปมีความสุขมาก เป็นความสุขที่ไม่เหมือนสุขอื่นใด นอกจากนี้ป๊อปยังเคยปฏิบัติธรรมตลอดทั้งคืน ที่เรียกว่านั่งเนสัชๆ ด้วย

ปัจจุบันที่บ้านของ ครอบครัวเก่งธัญกิจ จะสวดมนต์ทําวัตรเย็นด้วยกันทุกวัน หลังจากนั้นจะใช้เวลาคุยกันตามประสาพ่อแม่ลูก โดยเนื้อหาที่คุยเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ ปัญหาต่างๆ ในครอบครัวหมดไป เมื่อก่อนป๊อปจะไม่ค่อยคุยกับพ่อเลย คุณแม่กล่าวถึงข้อดีจากการเปิดบ้านกัลยาณมิตรในจุดนี้

คุณพ่อ คุณแม่ และน้องป๊อป (คนใหม่) ที่รักการทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิปฏิบัติธรรม

ป๊อปมีศรัทธาในพระพุทธศาสนากับการทําความดีมาก แม่เคยพาป๊อปไปกราบหลวงพ่อธัมมชโย ป๊อปเห็นท่านรู้สึกเลื่อมใสท่านมาก ทําไมท่านถึงผ่องใสอย่างนี้ รู้สึกรักหลวงพ่อมากๆ เขากล่าวอีกว่า หลวงพ่อสร้างบารมีมามาก สร้างแต่บุญใหญ่ทั้งนั้น อยากจะทำบุญมากๆ อย่างนี้บ้าง อยากจะทําบุญกับหลวงพ่อ ถ้าทำบุญกับหลวงพ่อ มีเท่าไรก็จะทําหมดเลย ไม่ได้หวังอะไร อยากจะทําบุญกับท่าน และยิ่งเมื่อได้ทราบมโนปณิธานของท่านแล้ว ก็ยิ่งศรัทธามากเลยครับ  ป๊อปบอกกับคุณแม่ว่า ป็อปจะเอาหลวงพ่อเป็นแบบอย่าง เมื่อเรียนจบ ป๊อปจะบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา

นี่คือตัวอย่างหนึ่งจากชีวิตจริง ที่ชีวิตเหมือนเกิดใหม่ เพราะได้ปฏิบัติธรรมที่ บ้านกัลยาณมิตร

Cr. ดนยา คูหากนก


เซียนเปลี่ยนใจ เซียนเปลี่ยนใจ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 03:32 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.