เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 7 พระของชาวบ้าน)
โดย เณรโดแฮ วัดดงดินแดง
วันหนึ่งพวกเราตกใจกันทั้งวัด
เมื่อได้รับแจ้งว่า พระอาจารย์รถคว่ำกลางดอย พวกเราพระ-เณร
จึงรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ
เห็นพระอาจารย์และคนขับกำลังพาชาวบ้านดึงรถที่ตะแคงแอ้งแม้งอยู่ริมเหว ช่างน่าแปลกที่บรรยากาศกลับดูสนุกสนาน
ที่ดูสนุกสนานเพราะเป็นพลังสามัคคีของพี่น้องชาวลาหู่หรือมูเซอเป็นจำนวนมากมาช่วยกันลากรถอย่างเบิกบาน
มองไปยังหน้าพระอาจารย์ก็มีแต่รอยยิ้ม
เมื่อถามว่า พระอาจารย์เป็นอะไรไหมครับ ท่านก็ตอบว่า สบายมากสนุกดีเหมือนกัน
พอมองไปทางคนขับก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
ทุกคนยังคงใจจดใจจ่ออยู่กับการดึงรถให้พ้นปากเหวเสียมากกว่า
และในเวลาไม่นานรถที่นอนแอ้งแม้งก็จอดอย่างเรียบร้อยข้างทาง ผมเองต้องยอมรับว่า
แรงพลังของชาวลาหู่ไม่ธรรมดาจริงๆ แทบจะยกรถด้วยมือเปล่าได้ทั้งคัน
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
พระอาจารย์ก็ขอบใจและอนุโมทนาบุญกับทุกคน ท่านชูนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง เพื่อแทนสัญลักษณ์ภาษาว่า
“ทุกคนสุดยอดมาก” มีพี่น้องชาวลาหู่คนหนึ่งบอกว่า
“พระอาจารย์ไม่ต้องห่วงเลยครับ
ถ้ารถมาตกดอยแถวนี้ ขนาดบางคันตกลึกกว่านี้ลึกลงไปเป็นกิโล
พวกเราก็ดึงขึ้นมากันได้อย่างสบายๆ มีอะไรเรียกใช้ชาวลาหู่ได้”
พระอาจารย์ได้แต่หัวเราะ
ผมเองก็คิดในใจว่า พระอาจารย์อย่าเพิ่งใช้บริการอีกเลย ให้รถได้พักบ้างเถิด
เพราะตั้งแต่ทำหน้าที่กันมา รถตกเขาตกดอยไปแล้วหลายรอบ
แต่ละรอบไม่มีใครเป็นอะไรแม้แต่รอยขีดข่วน
สิ่งนี้พวกเราเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะบารมีหลวงปู่ หลวงพ่อท่านคุ้มครองรักษา
ในทุกครั้งที่ออกเดินทางทำหน้าที่ พระอาจารย์จะคอยซักถามตลอดว่า
แขวนเหรียญหลวงปู่หรือยัง เพื่อให้ใจของทุกคนผูกพันอยู่กับครูบาอาจารย์
จากสถิติที่ได้พบเห็นในพื้นที่มีชาวดอยจำนวนไม่น้อย
เสียชีวิตเพราะอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะเดินทางมาถึงโรงพยาบาลไม่ทัน
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ญาติของสามเณรวัดดงดินแดงคนหนึ่ง
เสียชีวิตระหว่างเดินทางมาโรงพยาบาลเพราะคลอดลูกแล้วมีอาการตกเลือดมาโรงพยาบาลไม่ทันเพราะเส้นทางลำบาก
บางคนเวลาป่วยไข้ก็ไม่กล้าไปโรงพยาบาล
อย่างเช่น คนที่บ้านของผมคนหนึ่งมีอาการปวดแขนมาก
รักษาด้วยวิธีพื้นบ้านอย่างไรก็ไม่หาย แต่ครั้นจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่กล้า ให้เหตุผลว่า
“ไม่กล้าขึ้นรถ” เพราะตั้งแต่เกิดมาแกไม่เคยนั่งรถเลย
เดินตลอด
แต่จะให้เดินไปโรงพยาบาลที่มีระยะทางห่างจากหมู่บ้านไปนับร้อยกิโลก็ลำบากเกินไป
ดังนั้นพระ-เณร
ดอยอย่างพวกเราเวลาขึ้นดอยก็จะต้องติดยาพาราเซตามอลหรือยาสามัญประจำบ้านไปด้วยทุกครั้ง จึงเป็นทั้งพระเป็นทั้งหมอ
รักษาทั้งไข้กายและไข้ใจ พระอาจารย์จะสอนเสมอว่า “เราคือพระของชาวบ้าน
เราอยู่ได้เพราะชาวบ้านใส่บาตรให้ฉัน จึงมีเรี่ยวมีแรงมีเวลาสร้างบารมี
พระต้องดูแลชาวบ้าน ดูแลทั้งในภพนี้และดูแลในภพเบื้องหน้า” นอกจากนั้นพระอาจารย์ก็จะบอกกับชาวบ้านด้วยว่า
ถ้าชาวบ้านเจ็บป่วยฉุกเฉินอะไรให้โทรแจ้งพระอาจารย์หรือทีมงานของวัดได้ทันที
ท่านจะได้ให้รถรับไปส่งโรงพยาบาลได้
ซึ่งก็สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้หลายคนแล้วเหมือนกัน
ที่ผมได้เล่าประเด็นนี้ให้ฟังเพราะอยากสะท้อนให้เห็นว่า
โดยสายตาของผมที่มาจากลูกชาวบ้านชาวดอย
มองเห็นพระดอยหรือพระที่ทำหน้าที่เผยแผ่อยู่กลางป่ากลางดอยนั้น
ท่านเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของชาวบ้าน เป็นทั้งครู เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งกรมทาง
เป็นทั้งป่าไม้
ไม่ว่าจะไปดอยไหน
พระก็จะต้องนำชาวบ้านปลูกต้นไม้หรือไม่ก็ทำพิธีบวชป่า
พร้อมทั้งกำชับให้ทุกคนรักษาดูแลป่าเพราะป่าคือ ต้นน้ำ คือชีวิตและลมหายใจ
อีกทั้งพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ชาวบ้านเลี่ยงการตัดต้นไม้
บางครั้งท่านก็ส่งเสริมให้คนปลูกกาแฟหรือปลูกไผ่ซึ่งเป็นพืชที่ไม่กินพืช
อีกทั้งยังเป็นการรักษาหน้าดินไว้ด้วย ล่าสุดเมื่อฤดูฝนที่ผ่านมา
พระอาจารย์ท่านนำต้นไผ่กิมซุงมาปลูกเสียเต็มวัด ท่านบอกว่า
เอาไว้เป็นอาหารเลี้ยงพระเลี้ยงเณร
พอมันโตขึ้นจะได้ทำการขยายกิ่งพันธ์ไว้แจกชาวดอย หน่อขายได้
รากรักษาป่ารักษาหน้าดิน ลำต้นนำมาถักสานหรือใช้ในงานก่อสร้าง
ผมเคยได้ยินพี่ๆ
ที่ทำงานส่วนงานป่าไม้คนหนึ่งบอกว่า
การที่พระได้นำพาชาวบ้านปลูกป่าหรือบวชป่านี้ดีมากๆ
ช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐได้มาก
อย่างเช่นบางปีมีนโยบายและมีงบให้เพาะพันธ์กล้าไม้ แต่ไม่มีงบประมาณในการปลูก
หรือบางที่มีงบประมาณปลูกแต่ปลูกแล้วก็ไม่ค่อยมีคนดูแล
แต่เมื่อพระท่านพาชาวบ้านช่วยปลูกหรือปลูกในวัดในวา
ก็ประหยัดทั้งงบปลูกและต้นไม้ที่ปลูกก็มีคุณภาพเพราะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพระ-เณรของวัด
หมู่บ้านไหนขาดน้ำดื่มน้ำใช้
พระ-เณรก็สร้างฝายให้อีกทั้งต่อท่อ ต่อระบบน้ำให้ส่งมาถึงชาวบ้านทุกหลังคาเรือน
ดังที่พระอาจารย์ได้พาทีมงานมาทำให้ที่หมู่บ้านโกจีโกร
ทำให้ทุกบ้านมีน้ำดื่มน้ำใช้อย่างสะดวกสบาย
บางครั้งพระก็เป็นเหมือนกรมทางเพราะทางไหนลำบากคนสัญจรไปมาด้วยความเสี่ยง
ดังที่เล่าแต่ต้นว่า ทางลำบากไปหาหมอก็ไม่ทันการสิ้นลมหายใจไปรายตัวในยมโลกกันก่อนถึงมือแพทย์เสียอีก
พระท่านก็นำพาชาวบ้านช่วยกันพัฒนาทำถนนหนทางโดยไม่ต้องรบกวนเวลาหรืองบประมาณของส่วนงานภาครัฐซึ่งจะมีโอกาสเข้ามาพัฒนาให้นั้น
น้อยถึงน้อยที่สุด
การพัฒนาถนนหนทางของพระและชาวบ้านเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น
สนุกสนานเบิกบาน สร้างความสามัคคี ระหว่างสร้างทางพระก็สอนธรรมะ โยมได้ถวายน้ำปานะ
ถวายภัตตาหารเช้าเพล ตกเย็นก็มารวมตัวกันสวดมนต์และฟังธรรม
มอบทั้งหนทางในโลกมนุษย์และเปิดหนทางไปสู่สวรรค์และพระนิพพานในเวลาเดียวกัน
อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ในขณะสร้างถนนหนทางหากเจอหินก้อนใหญ่
ขวางทางจะใช้อะไรทุบก็ลำบากหรือจะใช้ระเบิดมาระเบิดก็ไม่เหมาะสม
ท่านก็ให้เอาฟืนเอาไฟมาสุมจนก้อนหินร้อนเต็มที่ แล้วระดมชาวบ้านรุดราดน้ำเย็นๆ
เข้าใส่ เมื่อร้อนกระทบเย็นในฉับพลันหินก้อนใหญ่ก็แตกเพลาะเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย
ขนไปถมถนนได้อีกทอดหนึ่ง
วิถีการทำหน้าที่อย่างนี้เป็นวิถีที่ทำให้สังคมชาวดอยมีความสุข
เพราะเป็นวิถีของการเกื้อกูล
โดยมีพระเป็นศูนย์รวมกล่อมเกลาจิตใจและผสานความสมัครสมานสามัคคี
บางทีได้ยินข่าวว่า พระถูกเจ้าหน้าที่ตามจับหรือโดนข้อหาบุกรุกทำลายป่า
ผมได้ยินข่าวอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจวิธีคิดหรือเหตุผลที่แท้จริงของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เพราะดอยบางแห่งต้องบอกเลยว่า ถ้าไม่มีพระคอยดูแลคอยรักษาให้
ป่านนี้เห็นแต่ดอยหัวโล้นไปแล้ว นอกจากนั้นเด็กติดยา
คนติดการพนันก็คงเต็มบ้านเต็มเมืองไปแล้วเหมือนกัน
เพราะที่จริงแล้วพระนั่นเองที่ช่วยดูแลป่า ดูแลความสงบสุขของสังคม ซึ่งผมคิดว่า
ไม่ว่าพระป่าพระดอยหรือพระในเมือง ต่างก็ล้วนมีบทบาทและหน้าที่อย่างนี้มายาวนาน
บ้านเมืองเราจึงสงบสุข
การแก้ปัญหาการสูญเสียไปของป่าโดยการตั้งข้อหาบุกรุกทำลายป่าให้แก่วัดหรือให้กับพระ
ไม่ต่างอะไรกับการกำจัดหมอ เพื่อรักษาคนไข้ในโรงพยาบาล
ผมเชื่อว่าคนที่มีวิธีคิดอย่างนี้
ถ้าไม่ปัญญาอ่อนก็มีจิตใจที่ประสงค์ร้ายไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
วิธีการรักษาป่า
รักษาความสงบสุขของบ้านเมืองหรือรักษาความพิการทางสังคมได้ดีที่สุด คือ
การดูพระดูแลเณรและช่วยกันดูแลรักษาพระพุทธศาสนา
เหมือนจะรักษาคนป่วยคนไข้ก็ต้องดูแลหมอดูแลพยาบาลให้ดี เพราะพระพุทธศาสนา คือ
หนทางในการแก้สารพัดปัญหาของทั้งมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ดีที่สุด
โดยไม่เดือดร้อนงบประมาณแผ่นดินหรือภาษีของประชาชนเลยแม้แต่น้อย
Cr. พระปลัดบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช สำนักสื่อธรรมะ
Cr. พระปลัดบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช สำนักสื่อธรรมะ
ตอนที่ 6 กฐินสามัคคีทั่วไทย สามัคคีธรรม สามัคคีบุญ |
ตอนที่ 8 ใครที่ทำให้เปลี่ยน.. |
- คลิกอ่านที่ เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย
(ตอนที่ 1)
- คลิกอ่านที่
เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 2 อานุภาพการสวด)
- คลิกอ่านที
เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 3 อานิสงส์แห่งการบูชาเจดีย์)
- คลิกอ่านที่
เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 4 ถอดรหัสกรรม แก้ไขวิกฤติโลก)
- คลิกอ่านที่
เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 5
ผ้าแห่งชัยชนะ)
- คลิกอ่านที่
เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 6 กฐินสามัคคีทั่วไทย
สามัคคีธรรม สามัคคีบุญ)
- คลิกอ่านที่เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 8 ใครที่ทำให้เปลี่ยน..)
เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 7 พระของชาวบ้าน)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:30
Rating:
This iwas a great way to became monks and enjoy your works as cultivated your Paramee
ตอบลบ